7. หลังการกลับคืนพระชนมชีพ (บทที่24)
- รายละเอียด
- หมวด: พระวรสารนักบุญลูกา
- เขียนโดย Super User
- ฮิต: 1201
พระคูหาว่างเปล่า ข่าวดีจากทูตสวรรค์
บทที่24
24 1ตั้งแต่เช้าตรู่-วันอาทิตย์บรรดาสตรีได้นำเครื่องหอมที่เตรียมไว้มาที่พระคูหา
2เขาพบว่าก้อนหินได้ถูกกลิ้งออกไปจากพระคูหาแล้ว 3เมื่อเข้าไปในพระคูหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า
4ขณะที่บรรดาสตรีกำลังประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ ก็มีบุรุษสองคนสวมเสื้อที่เป็นประกายรุ่งโรจน์มายืนอยู่ใกล้ๆ
5สตรีเหล่านั้นตกใจกลัวและก้มหน้าลงมองพื้นดิน แต่บุรุษทั้งสองคนกล่าวว่า ‘ทำไมท่านทั้งหลายแสวงหาผู้เป็นท่ามกลางผู้ตายเล่า?
6พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว จงระลึกถึงพระวาจาที่พระองค์ตรัสกับท่านขณะที่ยังประทับอยู่ในแคว้นกาลิลีa
7ว่า บุตรแห่งมนุษย์จำต้องถูกมอบในเงื้อมมือของคนบาป จะต้องถูกตรึงกางเขนและจะกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม’
8บรรดาสตรีจึงระลึกถึงพระวาจาของพระองค์ได้
อัครสาวกไม่ยอมเชื่อสตรี
9เมื่อบรรดาสตรีกลับจากพระคูหาแล้ว ได้เล่าเรื่องทั้งหมดนี้แก่อัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนและแก่ศิษย์ทุกคน
10สตรีเหล่านี้คือมารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา และมารีย์มารดาของยากอบ สตรีอื่นๆที่ไปพร้อมกันก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้อัครสาวกฟังด้วย
11แต่เขาคิดว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นเรื่องเหลวไหลและไม่เชื่อ
เปโตรไปที่พระคูหา
12bเปโตรวิ่งไปที่พระคูหา ก้มลงไปดู และเห็นแต่ผ้าห่อพระศพเท่านั้น จึงกลับมาบ้านด้วยความประหลาดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การเดินทางไปหมู่บ้านเอมมาอูส
13ในวันนั้นเอง ศิษย์สองคนกำลังเดินทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอูส ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณ11 กิโลเมตรc
14ทั้งสองคนสนทนากันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
15ขณะที่เขากำลังสนทนาและถกเถียงกันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาร่วมเดินทางไปกับเขา
16แต่เขาจำพระองค์ไม่ได้d เหมือนดวงตาถูกปิดบัง
17พระองค์ตรัสถามว่า ‘ท่านสนทนาเรื่องอะไรกันมาตามทาง? ทั้งสองคนก็หยุดเดิน ใบหน้าเศร้าหมองe
18ศิษย์ที่ชื่อเคลโอปัสถามว่า 'ท่านเป็นเพียงคนเดียวในกรุงเยรูซาเล็มหรือที่ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่นเมื่อสองสามวันมานี้’
19พระองค์ตรัสถามว่า ‘เรื่องอะไรกัน?’ เขาตอบว่า ‘ก็เรื่องพระเยซู ชาวนาซาเร็ธf ประกาศกทรงอำนาจในกิจการและคำพูดเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อหน้าประชาชนทั้งปวง
20บรรดามหาสมณะและผู้นำของเราได้มอบพระองค์ให้ต้องโทษประหารชีวิต และได้ตรึงพระองค์บนไม้กางเขน
21เราเคยหวังไว้ว่าพระองค์จะทรงปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระ แต่นี่เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
22สตรีบางคนในกลุ่มของเราทำให้เราประหลาดใจ เขาได้ไปที่พระคูหาตั้งแต่เช้าตรู่
23เมื่อไม่พบพระศพ เขาได้กลับมาเล่าว่าได้เห็นนิมิตของทูตสวรรค์ซึ่งกล่าวว่า พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่
24บางคนในกลุ่มของเราgได้ไปที่พระคูหา และได้พบเหมือนกับที่บรรดาสตรีได้เล่าให้ฟัง แต่ไม่เห็นพระองค์’
25พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า 'เจ้าคนเขลาเอ๋ย! ใจของเจ้าช่างเชื่องช้าที่จะเชื่อข้อความที่บรรดาประกาศกได้กล่าวไว้!
26พระคริสตเจ้าจำเป็นต้องทนทรมานเช่นนี้เพื่อจะเข้าไปรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์มิใช่หรือ?’
27แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ทุกข้อที่กล่าวถึงพระองค์ให้เขาฟังโดยเริ่มตั้งแต่โมเสสจนถึงบรรดาประกาศกทั้งมวล
28เมื่อพระองค์ทรงพระดำเนินพร้อมกับศิษย์ทั้งสองคนใกล้จะถึงหมู่บ้านที่เขาตั้งใจจะไป พระองค์ทรงทำท่าว่าจะทรงพระดำเนินเลยไป
29แต่เขาทั้งสองได้รบเร้าพระองค์ว่า “จงพักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำและวันก็ล่วงไปมากแล้ว’ พระองค์จึงเสด็จเข้าไปพักกับเขา
30ขณะประทับที่โต๊ะกับเขา พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงถวายพระพร ทรงบิขนมปังและยื่นให้เขา
31เขาก็ตาสว่างและจำพระองค์ได้ แต่พระองค์ได้อันตรธานไปจากสายตาของเขา
32ศิษย์ทั้งสองจึงพูดกันว่า ‘ใจของเราไม่ได้เร่าร้อนเป็นไฟอยู่ภายในหรือเมื่อพระองค์ตรัสกับเราตามทาง และอธิบายพระคัมภีร์ให้เราฟัง?’
33เขาทั้งสองคนจึงรีบออกเดินทางกลับไปกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้น ได้พบบรรดาอัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคนกำลังชุมนุมกันอยู่กับศิษย์อื่นๆ
34เขาเหล่านี้ได้บอกว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วจริงๆ และได้ทรงสำแดงพระองค์แก่ซีโมน’
35ศิษย์ทั้งสองคนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทางและเล่าว่าตนจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปังh
พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาอัครสาวก
36ขณะที่บรรดาศิษย์กำลังสนทนากันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา ตรัสว่า ‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด!’
37เขาต่างตกใจกลัว คิดว่าได้เห็นผี
38แต่พระองค์ตรัสว่า ‘ท่านวุ่นวายใจทำไม? เพราะอะไรท่านจึงมีความสงสัยขึ้นในใจ?
39จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริงๆ จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี’
40iตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงแสดงพระหัตถ์และพระบาทjให้เขาเห็น
41เขามีความยินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘ท่านมีอะไรกินบ้าง?’
42เขาได้ถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ 43พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขา
คำแนะนำสุดท้ายแก่บรรดาอัครสาวก
44หลังจากนั้นk พระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘นี่คือความหมายของถ้อยคำที่เราได้กล่าวไว้ขณะที่ยังอยู่กับท่าน ทุกสิ่งที่มีเขียนไว้เกี่ยวกับเราในธรรมบัญญัติของโมเสส บรรดาประกาศกและเพลงสดุดีจะต้องเป็นความจริง’
45แล้วพระองค์ทรงเปิดดวงปัญญาของเขาให้เข้าใจพระคัมภีร์
46ตรัสว่า ‘มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม
47จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติได้กลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม
48ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้
49‘บัดนี้ เรากำลังจะส่งพระผู้ที่พระบิดาทรงสัญญาไว้มาเหนือท่านทั้งหลายl เพราะฉะนั้นท่านจงคอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพจากเบื้องบนมาปกคลุมไว้’
การเสด็จสู่สวรรค์
50พระองค์ได้ทรงนำบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพร
51และขณะที่ทรงอวยพระพรอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงแยกไปจากเขา และทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์m
52บรรดาศิษย์ได้กราบนมัสการพระองค์n แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง
53เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้าo