มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2023 สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

     วันอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายของปีพิธีกรรม เป็นวันที่พระศาสนจักรทั่วโลกร่วมใจกันสมโภชและยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ของเรา
นอกจากนั้น ในบทอ่านวันนี้ พระศาสนจักรยังเชิญชวนเราให้ไตร่ตรองดูว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แบบใด และมีความหมายกับเราซึ่งเป็นสมาชิกในพระอาณาจักรของพระองค์อย่างไรบ้าง
ในพระธรรมเก่า พระเจ้าทรงมอบหมายให้บรรดากษัตริย์ของชาวอิสราเอลเป็นผู้เลี้ยงแกะของพระองค์ แต่กษัตริย์จำนวนมากไม่ได้ทำหน้าที่นี้อย่างดี พระองค์จึงใช้บรรดาประกาศกให้ไปตักเตือนกษัตริย์เหล่านี้ เมื่อกษัตริย์เหล่านี้ไม่เชื่อฟัง พระองค์ก็ทรงลงโทษ เช่นให้แพ้สงครามบ้าง ให้ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยบ้าง เป็นต้น
     ที่สุด พระเจ้าทรงสัญญาผ่านประกาศกเอเสเคียลดังที่เราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่งว่า “พระองค์เองจะเป็นผู้เลี้ยงแกะของพระองค์ พระองค์จะตามหาแกะที่สูญหายไป จะนำแกะที่หลงทางกลับมา จะพันแผลของแกะที่บาดเจ็บ จะเสริมกำลังแกะที่อ่อนเพลีย และจะเลี้ยงแกะอย่างยุติธรรม” ด้วย
     ในฐานะคริสตชน เราทราบว่าคำสัญญานี้สำเร็จเป็นจริงในองค์พระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาลซึ่งเราร่วมใจกันสมโภชนี้
นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองว่า ระหว่างนี้ “พระเยซูเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย” จากนั้นก็จะถึงวาระสุดท้ายที่พระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา เพื่อพระเจ้าจะได้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน
     พี่น้องครับ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง พระเยซูเจ้าตรัสในพระวรสารวันนี้ว่า พระองค์จะประทับบนบัลลังก์และจะทรงพิพากษาบรรดาประชาชาติ จะทรงแยกเรามนุษย์ทั้งชายและหญิง ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ว่าใครสมควรจะไปรับชีวิตนิรันดรในพระอาณาจักรของพระองค์ และใครสมควรจะไปรับโทษนิรันดรในไฟนรก
     น่าสังเกตว่าทั้งบรรดาผู้ชอบธรรมและผู้ที่ถูกสาปแช่งต่างก็เรียกพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า” ด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญมิได้อยู่ที่เราเรียกพระองค์อย่างไร แต่อยู่ที่ความช่วยเหลือที่เราให้แก่ผู้ขัดสนและด้อยโอกาสที่อยู่ท่ามกลางเราต่างหาก พระองค์ทรงถือว่า “ทุกสิ่งที่เราได้ทำต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเรา เราก็ทำสิ่งนั้นต่อพระองค์เอง”
     นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงยกตัวอย่างความช่วยเหลือที่แสนจะเรียบง่ายเพื่อให้เรานำไปปฏิบัติด้วย นั่นคือ
1. เลี้ยงอาหารผู้หิวโหย
2. ให้นำดื่มแก่ผู้หิวกระหาย
3. ให้เสื้อผ้าแก่ผู้ที่ไม่มีเสื้อผ้า
4. ให้ที่พักแก่ผู้ที่ไร้บ้าน ไร้ที่อยู่อาศัย
5. เยี่ยมเยียนผู้ที่ถูกคุมขัง
6. ดูแลเอาใจใส่คนเจ็บป่วย
7. และสิ่งที่พระศาสนจักรเพิ่มเข้ามาก็คือ ฝังศพผู้ตาย
     ทั้งหมดนี้ คือกิจเมตตาฝ่ายกาย 7 ประการซึ่งจะเป็นเกณฑ์สำคัญในการพิพากษาว่าตัวเรานั้นเป็นคริสตชนที่แท้จริงหรือไม่ เราเหมาะสมและคู่ควรที่จะเป็นสมาชิกของพระอาณาจักรของพระเจ้าตลอดนิรันดรหรือไม่
อนึ่ง การให้ความช่วยเหลือหรือการประกอบกิจเมตตาที่กล่าวมานี้ เราต้องกระทำโดยไม่หวังผลตอบแทน ดังเช่นบรรดาผู้ชอบธรรมในอุปมาที่ทูลถามพระมหากษัตริย์ว่า “พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม....” เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขาให้ความช่วยเหลือโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ เลย
พวกเขาช่วยเหลือเพราะพวกเขามีพระเจ้าอยู่ในหัวใจ นักบุญยอห์นบอกว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” (1 ยน 4:8) ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขาช่วยเหลือผู้อื่นก็เพราะมี “สัญชาติญาณรัก” อยู่ในหัวใจ
ตรงกันข้ามกับบรรดาผู้ถูกสาปแช่ง พวกเขาทูลถามว่า “พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ”
พวกเขาพูดราวกับว่า “ถ้าพวกเรารู้ว่าเป็นพระองค์ก็คงช่วยไปแล้ว แต่เราเห็นพวกเขาต่ำต้อย ช่วยไปก็ไร้ประโยชน์”
     น่าเสียดายที่ยังมีบางคนคิดเหมือนผู้ถูกสาปแช่ง พวกเขาพร้อมจะให้ความช่วยเหลือหากได้รับผลประโยชน์ตอบแทน เช่น ได้รับการยกย่องหรือได้รับคำขอบคุณอย่างเปิดเผย
อันที่จริง ความช่วยเหลือเช่นนี้เป็นเพียงการแสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศใส่ตัว และเป็นได้เพียง “ความเห็นแก่ตัวที่แฝงกายมาในรูปของความเอื้ออาทร” เท่านั้น
พี่น้องครับ หันกลับมาดูข่าวดีสำหรับเราในโอกาสสมโภชนี้ ประกาศกเอเสเคียลบอกว่า เรามีกษัตริย์ซึ่งมิได้เอาพระทัยใส่และตามหาเฉพาะผู้ที่ขัดสน อ่อนแอ และหลงทางเท่านั้น แต่ทรงเอาพระทัยใส่และพร้อมจะช่วยเหลือเราทุกคนที่แข็งแรงแล้วด้วย โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการและเรียกหาพระองค์
     ให้เราวอนขอพระองค์โปรดให้เราเลียนแบบอย่างของพระองค์ ด้วยการลืมความต้องการความสุขของเราเอง แล้วก้าวออกไปด้วยความรัก ไปทำให้คนอื่นซึ่งมีความจำเป็นมากกว่าเรามีความสุข เพราะว่าทุกสิ่งที่เรากระทำต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง เราก็ทำสิ่งนั้นต่อพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นพระเจ้าและกษัตริย์ของเรานั่นเอง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown