บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2023 สัปดาห์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 781
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเกี่ยวกับอาณาจักรสวรรค์ให้เราฟังว่า “บุรุษผู้หนึ่งกำลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป”
ขอให้พี่น้องสังเกตคำว่า “ตามความสามารถของแต่ละคน” ซึ่งบ่งบอกว่าผู้รับใช้ที่ได้รับหนึ่งตะลันต์นั้นเป็นคนที่มีความสามารถน้อย ไม่เก่ง แต่แม้ไม่เก่งนายก็ยังให้เขาหนึ่งตะลันต์ทั้งๆ ที่เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วดูเหมือนจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเลยก็ตาม
นี่หมายความว่าพระเจ้าทรงมอบตะลันต์ให้กับมนุษย์ทุกคนโดยไม่เว้นใครเลย แม้บางคนดูเหมือนจะได้รับน้อยกว่า หรือมีความสามารถน้อยกว่าคนอื่นบ้างก็ตาม
มัทธิวเล่าว่าเมื่อนายออกเดินทางไปแล้ว ผู้รับใช้สองคนแรกก็รีบนำเงินที่ได้รับไปลงทุนทันที ส่วนคนที่สามกลับนำเงินหนึ่งตะลันต์ของตนไปฝังดินซ่อนไว้ เขาคงคิดทำนองนี้ว่า “ฉันมีแค่ตะลันต์เดียว หากขาดทุนก็หมดตัวกัน เพราะฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย ฉันเอาเงินไปฝังดินไว้ดีกว่า”
จริงๆ แล้วผู้คนมากมายในพระศาสนจักรก็เป็นเหมือนผู้รับใช้คนที่สามนี่แหละ คือเรามักคิดว่าตัวเราได้รับตะลันต์มาน้อย มีความสามารถ หรือมีพรสวรรค์น้อย ไม่โดดเด่นเหมือนคนอื่น เราก็เลยไม่กล้าเสี่ยงลงทุน ไม่กล้ารับผิดชอบ ไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าแม้แต่จะเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์หรือเป็นนักขับร้องในวัด ด้วยเกรงว่าเสียงของเราจะดีสู้เสียงของคนอื่นไม่ได้
พี่น้องครับ เมื่อเราลงเอยด้วยการไม่ทำอะไร เราก็กำลังเดินตามรอยของผู้รับใช้คนที่สามที่นำเงินหนึ่งตะลันต์ของตนไปฝังดินไว้นั่นแหละ
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตในอปุมาเรื่องนี้ก็คือ เมื่อนายของผู้รับใช้พวกนี้กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา ปรากฏว่าผู้รับใช้คนแรกที่ได้รับห้าตะลันต์และทำกำไรได้อีกห้าตะลันต์ กับผู้รับใช้คนที่สองที่ได้รับสองตะลันต์และทำกำไรได้อีกสองตะลันต์ ต่างก็ได้รับคำชมเชยและรางวัลเหมือนกันและเท่ากันทุกประการเลย นั่นคือ “ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด”
จะเห็นว่าพวกเขาไม่ได้รับรางวัลตามสัดส่วนของกำไรที่ทำได้ แต่ตามสัดส่วนของความพยายามของพวกเขา ถ้าเขาพยายามเต็มร้อยก็จะได้รับรางวัลเต็มร้อยเช่นเดียวกัน
หากผู้รับใช้คนที่สามนำเงินหนึ่งตะลันต์ของตนไปลงทุน แล้วทำกำไรได้แค่ตะลันต์เดียว เขาก็จะได้รับรางวัลเท่ากับผู้ที่ทำกำไรได้ห้าตะลันต์และสองตะลันต์ เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ตัดสินโดยดูที่ผลงานแต่ทรงดูที่ความพยายามของเรา
เราอาจได้รับตะลันต์ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนพยายามเต็มที่เท่ากัน หรือ พยายามเต็มร้อยเท่ากันได้
พี่น้องครับ ทุกวันนี้ เราทุกคนในพระศาสนจักรล้วนได้รับอย่างน้อยคนละหนึ่งตะลันต์ นั่นคือเราได้รับ “พระพรแห่งความเชื่อ” ความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้มีความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ผู้ใหญ่หรือเด็ก จึงต้องไม่ใช่แค่เพียงเก็บรักษาความเชื่อของตนซึ่งเท่ากับนำไปฝังดินไว้ แต่ต้องนำความเชื่อนี้ไปลงทุนทำกำไรให้ได้
เช่น...เราต้องเอาความเชื่อของเราไปขายให้แก่ผู้คนรอบข้าง เขาจะได้มีความเชื่อ แล้วเราก็มีกำไร
หรือ...เราต้องสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับความเชื่อของเรา เหมือนอย่างภรรยาในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ที่สร้างคุณค่าเพิ่มให้กับตนเอง ด้วยการไปหาขนแกะ ไปหาป่านมาทอผ้าบ้าง ไปช่วยเหลือคนยากจนขัดสนบ้าง นี่แหละที่ทำให้หนังสือสุภาษิตบอกว่าภรรยาที่ยำเกรงพระเจ้าและมีความเชื่อเช่นนี้ประเสริฐยิ่งกว่าไขมุก ส่วนเสน่ห์นั้นเป็นสิ่งหลอกลวง และความสวยงามมันก็ไม่จีรังยั่งยืน
พี่น้องครับ ทุกวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 33 ของแต่ละปี ซึ่งก็คืออาทิตย์นี้ พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงประกาศให้เป็น “วันระลึกถึงผู้ยากจนสากล” และทรงออกสมณสาสน์เรียกร้องให้เรารักกัน ไม่ใช่ด้วยปาก แต่ด้วยการกระทำ นี่ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อของเราบังเกิดผล และเกิดกำไรได้
จริงอยู่การจะทำให้ความเชื่อของเราบังเกิดผลนั้นมันทำให้เราลำบาก แต่ถ้าเราไม่ทำมัน เราก็เสี่ยงที่จะสูญเสียความเชื่อเหมือนผู้รับใช้คนที่สามที่ต้องสูญเสียตะลันต์ของตนให้แก่คนอื่นซึ่งมีมากอยู่แล้ว
อย่าลืมว่า วิธีที่จะรักษาความเชื่อรวมถึงพระพรอื่นๆ ที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่เราก็คือต้องใช้พระพรนั้นบ่อยๆ และทำให้มันบังเกิดผล
นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “เราเป็นบุตรแห่งความสว่าง เรามิได้อยู่ฝ่ายราตรีกาลหรือความมืด ดังนั้น เราอย่าหลับใหลเหมือนคนอื่น”
เพราะฉะนั้น ขออย่าให้เราหลับใหล แต่จงพยายามใช้พระพรต่างๆ ที่พระเจ้าทรงโปรดประทานแก่เราไม่ว่าจะมากหรือน้อยอย่างเต็มที่ เพื่อให้บังเกิดผลสูงสุด เพื่อว่าเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อตรวจบัญชีของเรา เราจะได้ยินพระองค์ตรัสเช่นเดียวกับผู้รับใช้คนที่หนึ่งและสองว่า “ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด”