มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2023 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา

     เทศกาลปัสกานักบุญเปโตรขึ้นต้นจดหมายฉบับแรกของท่านว่า “เปโตร อัครสาวกของพระเยซูคริสตเจ้า ถึงผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ซึ่งอาศัยอยู่อย่างคนพลัดถิ่น” (1 ปต 1:1)
เราคริสตชนทุกคนคือคนพลัดถิ่น เป็นคนต่างแดน เพราะบ้านแท้ของเราอยู่ในสวรรค์
     ด้วยเหตุนี้ นักบุญเปโตรจึงเริ่มต้นบทอ่านที่สองของวันนี้ว่า “17ถ้าท่านเรียกพระองค์ผู้ทรงพิพากษาตามการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียงว่า ‘พระบิดา’ ก็จงดำเนินชีวิตขณะที่อยู่ต่างแดนนี้ด้วยความเคารพยำเกรงพระองค์”
สิ่งที่นักบุญเปโตรต้องการบอกเราก็คือ พระเจ้าทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาก็จริง แต่พระองค์จะทรงพิพากษาเราโดยไม่ลำเอียง คือพระองค์ไม่สนใจว่าเราจะมีเชื้อชาติใด มีฐานะใด หรือมีการศึกษาระดับใด แต่ทรงดูที่การกระทำของเรา เราจะรอดพ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของเราเองเท่านั้น
     วันนี้ พระวรสารให้แนวทางสำหรับดำเนินชีวิตแก่เรา
ศิษย์สองคนเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเอมมาอุสด้วยความโศกเศร้า สิ้นหวัง หมดอาลัยตายอยาก แล้วคืนเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เดินทางกลับมากรุงเยรูซาเล็ม มาร่วมชุมนุมกับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้มีความเชื่อด้วยความชื่นชมยินดี
     เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พวกเขาเดินทางหรือ ?
นักบุญลูกาเล่าว่าเขาทั้งสองคนพบคนแปลกหน้า พวกเขาจำไม่ได้และไม่รู้จักว่าคนแปลกหน้านั้นคือใคร
พี่น้องคงเคยได้ยินคำที่พ่อแม่มักใช้สั่งสอนลูกๆ ว่า “อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้า” ใช่ไหม
แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากเคลโอปัสและเพื่อนของเขาเดินตามคำสั่งสอนนี้ ?!
ชายแปลกหน้าคนนั้นก็คงจะเดินผ่านไปโดยที่พวกเขาไม่มีทางจะได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพเลย และก็คงไม่มีทางที่พวกเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากความโศกเศร้าไปสู่ความยินดี จากความหมดอาลัยตายอยากไปสู่ความหวังและความกระตือรือร้น
     ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินทาง อยู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาร่วมเดินทางด้วย แล้วยังถามพวกเขาว่า “ท่านสนทนากันเรื่องอะไรตามทาง”
หากเป็นเรา เราคงสวนกลับว่า “แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ?”
     แต่เคลโอปัสและเพื่อนของเขากลับตอบว่า “ท่านเป็นเพียงคนเดียวในกรุงเยรูซาเล็มหรือที่ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นั่นเมื่อสองสามวันมานี้”
คนแปลกหน้าถามกลับว่า “เรื่องอะไรกัน?”
     แล้วทั้งคู่ก็เล่าความรู้สึกนึกคิดของพวกตนให้คนแปลกหน้าฟัง และก็พร้อมจะรับฟังคนแปลกหน้าด้วย
     นอกจากแบ่งปันความรู้สึกนึกคิดแล้ว พวกเขายังแบ่งปันที่พัก แบ่งปันอาหารให้แก่คนแปลกหน้าอีกด้วย พวกเขารบเร้าคนแปลกหน้าว่า “จงพักอยู่กับพวกเราเถิด เพราะใกล้ค่ำและวันก็ล่วงไปมากแล้ว”
อาศัยการแบ่งปันนี่แหละที่ทำให้พวกเขาค้นพบและตระหนักว่า คนแปลกหน้าพเนจร ไร้ที่พักพิงนี่แหละ คือพระเยซูเจ้า ที่พวกเขาเคยหวังไว้ว่าจะทรงปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ
     การที่พวกเขาค้นพบว่าผู้ที่เขามอบความหวัง มอบความไว้วางใจให้ ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย นี่แหละที่ให้ความหมายใหม่แก่ชีวิต แก่ความเชื่อ และแก่กระแสเรียกของพวกเขา
พวกเขาหายเหนื่อย เลิกกลัว แล้วรีบเดินทางกลับกรุงเยรูซาเล็มค่ำคืนนั้นเอง เพื่อจะไปแบ่งปันข่าวดี ไปร่วมความชื่นชมยินดีกับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้มีความเชื่อ
การกลับคืนพระชนมชีพทำให้ข้อจำกัดของพระเยซูเจ้าว่าจะต้องเป็นคนยิวและเป็นชาวเมืองนาซาเร็ธหมดไป บัดนี้ พระองค์สามารถปรากฏมาหาเราในรูปแบบต่างๆ พระองค์เป็นได้ทั้งชายและหญิง ทั้งคนดำและคนขาว ทั้งคนหนุ่มและคนแก่ ทั้งคนรวยและคนจน ทั้งคนดีและคนพิการ ทั้งคนท้องถิ่นและคนต่างถิ่น ทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนท์ ทั้งพุทธและคริสต์
     พี่น้องครับ แม้เราจะมองคนที่ต่างจากเราว่าเป็นคนแปลกหน้า เป็นคนต่างแดน แต่พระวรสารวันนี้ เชิญชวนให้เรามองพวกเขาว่าเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกับเรา ซึ่งเราจะต้องแบ่งปันและหยิบยื่นไมตรีจิตให้
     ใครจะไปรู้ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่พระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพเดินผ่านเรา เดินเฉียดเรา โดยที่เราจำไม่ได้ว่าเป็นพระองค์ แล้วเราก็อดรับพระหรรษทานที่จะทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างศิษย์สองคนที่เดินทางไปยังหมู่บ้านเอมมาอุส ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพราะเรากลัวคนแปลกหน้า
     ในมิสซานี้ ให้เราวอนขอพระหรรษทานช่วยเรา ให้เราไม่เพียงเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว แต่ขอให้ความเชื่อนี้ส่งผลต่อชีวิตของเรา ให้เราตระหนักว่าเราคือผู้เดินทาง เราคือคนพลัดถิ่น บ้านแท้ของเรา ไม่ใช่โลกนี้ แต่อยู่ในสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราควรจะสะสมทรัพย์สมบัติเก็บไว้ อีกทั้งให้เราสามารถเอาชนะความกลัวคนแปลกหน้า ให้เรากล้าที่จะก้าวออกไปหาคนที่แตกต่างจากเราด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง โดยสำนึกอยู่เสมอว่า แม้คนแปลกหน้าที่เราพบจะดูไม่เหมือนพระเยซูเจ้าเลย แต่จริงๆ แล้วเขาอาจเป็นพระเยซูเจ้า เหมือนคนแปลกหน้าผู้โดดเดี่ยวบนหนทางสู่เอมมาอุสที่เราได้ฟังในพระวรสารวันนี้....

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown