มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน 2023 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา ฉลองพระเมตตา

     นักบุญเปโตร พระสันตะปาปาพระองค์แรก กล่าวไว้ในบทอ่านที่สองว่า “พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความหวังที่จะมีชีวิต อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า”
     พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 จึงกำหนดให้วันอาทิตย์ถัดจากวันสมโภชการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นวันฉลองพระเมตตา ซึ่งก็คือวันนี้
     พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระเมตตาของพระเจ้าให้เราเห็นทั้งทางวาจา และทางกิจการของพระองค์ ตัวอย่างเช่นในพระวรสารวันนี้ หลังจากกลับเป็นขึ้นมาจากความตาย แทนที่พระองค์จะโกรธ เคียดแค้น หรือลงโทษประชาชนที่เรียกร้องให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน พระองค์กลับส่งบรรดาอัครสาวกออกไปเพื่อให้อภัย พระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย”
แปลว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้คิดถึงความเจ็บปวดทรมานที่พระองค์ได้รับจนกระทั่งสิ้นพระชนม์เลย แต่กลับคิดถึงหัวจิตหัวใจของคนที่หลงผิด เกรงว่าพวกเขาจะเจ็บปวดทรมานเมื่อสำนึกถึงความผิดบาปของตน
นี่คือพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งพระสันตะปาปา ฟรังซิสตรัสว่า “เราจำเป็นต้องไตร่ตรองธรรมล้ำลึกแห่งพระเมตตาอยู่เสมอ มันเป็นต้นธารแห่งความชื่นชมยินดี ความสงบและสันติสุข ความรอดพ้นของเราขึ้นอยู่กับธรรมล้ำลึกนี้”
และเพื่อพระเมตตาของพระเจ้าจะบังเกิดผลเป็นความรอดพ้นในตัวเรา นักบุญเปโตรกล่าวไว้ในบทอ่านที่สองเช่นกันว่า “ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่างๆ ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้”
พูดง่ายๆ ก็คือ เราต้องเชื่อ แม้ว่ายังจะต้องทนทุกข์เพราะถูกทดสอบอยู่
     เมื่อพูดถึงความเชื่อ เรื่องราวของนักบุญโทมัสในพระวรสารวันนี้ ให้แบบอย่างแก่เรา
ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา สำหรับท่าน เชื่อคือเชื่อ สงสัยคือสงสัย และความสงสัยนี้เองที่นำท่านไปสู่ความเชื่อที่แน่นอน มั่นใจ และมั่นคง
     คนที่ชอบพูดซ้ำซากว่า “ฉันเชื่อ” ในขณะที่จิตใจยังเต็มไปด้วยความสงสัย หรือไม่เข้าใจ แถมยังไม่พยายามแสวงหาความรู้และความเข้าใจเพิ่มเติม เขาจะไม่มีทางเชื่อแบบที่นักบุญโทมัสเชื่อได้เลย
แบบอย่างอีกประการหนึ่งคือ เมื่อเชื่อแล้ว ท่านทุ่มเทชีวิตให้พระเยซูเจ้าอย่างสุดๆ ท่านยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็น “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า !”
     ในหนังสือกิจการของโทมัส มีเรื่องเล่าว่า แม้ไม่เต็มใจนัก แต่โทมัสก็ยอมไปประกาศข่าวดีที่อินเดียตามที่บรรดาอัครสาวกมอบหมาย พระราชาของอินเดียมีบัญชาให้ท่านสร้างพระราชวังให้พระองค์หลังหนึ่ง พร้อมกับมอบเงินจำนวนมากเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย แต่ท่านกลับนำเงินทั้งหมดไปแจกจ่ายคนจน มิหนำซ้ำยังรายงานพระราชาว่าการก่อสร้างกำลังรุดหน้าไปเรื่อยๆ ที่สุดพระราชาขอให้ท่านพาไปดูพระราชวังหลังใหม่ ท่านทูลว่า “ตอนนี้พระองค์ยังไม่อาจทอดพระเนตรเห็นได้ ต้องรอให้จากโลกนี้ไปก่อน จึงจะทรงเห็นได้” พระราชาทรงกริ้วมาก เกือบสั่งประหารชีวิตท่าน แต่เมื่อได้ฟังข่าวดีจากปากของท่านแล้ว พระองค์ทรงกลับใจและเชื่อในพระเยซูเจ้า
ด้วยการเสี่ยงนำชีวิตเข้าแลก ท่านนำคริสตศาสนามาสู่อินเดีย !
     ทุกวันนี้ เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตแบบนักบุญโทมัสอีกแล้ว ขอเพียงให้เราดำเนินชีวิตทุ่มเทแบบคริสตชนยุคเริ่มแรกที่เราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ก็พอแล้ว
หนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่า “42บรรดาคริสตชนประชุมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวก ดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้อง ร่วมพิธีบิขนมปัง และอธิษฐานภาวนา 44ผู้มีความเชื่อทุกคนดำเนินชีวิตร่วมกันและมีทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม 45เขาขายที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ แบ่งเงินให้ทุกคนตามความต้องการ
     46ทุกๆ วัน เขาพร้อมใจกันไปที่พระวิหารและไปตามบ้านเพื่อทำพิธีบิขนมปัง ร่วมกินอาหารด้วยความยินดี และเข้าใจกัน สรรเสริญพระเจ้า และได้รับความนิยมจากประชาชนทุกคน 47องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับความรอดพ้นเพิ่มขึ้นทุกวัน”
     ขอให้มิสซาโอกาสฉลองพระเมตตาวันนี้ ช่วยปลุกความเชื่อของเราให้มั่นคง เข็มแข็ง ซึ่งนักบุญเปโตรถือว่าประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตอุทิศตนทุ่มเทให้กับพระเยซูเจ้าดุจเดียวกับนักบุญโทมัสและบรรดาคริสตชนยุคเริ่มแรก เพื่อพระเมตตาของพระองค์จะได้เผยแผ่และนำความรอดพ้นมาสู่เรามนุษย์ทุกคน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown