มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์อาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา

     ในคริสตจักรแห่งหนึ่ง ขณะที่ศิษยาภิบาลเริ่มเทศน์ หญิงคนหนึ่งก็เริ่มร้องไห้ทันที ศิษยาภิบาลคิดว่าบทเทศน์ของเขาคงโดนใจเธอ เลยยิ่งเทศน์ด้วยความร้อนรนขึ้นไปอีก ยิ่งเทศน์หญิงคนนั้นก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้น ที่สุด เมื่อเทศน์เสร็จ ศิษยาภิบาลก็เชิญหญิงผู้นั้นให้แบ่งปัน “คุณผู้หญิงครับ ผมสังเกตว่าพระวาจาของพระเจ้าสะกิดใจคุณมาก ช่วยแบ่งปันให้พวกเราฟังบ้างสิ” หญิงผู้นั้นลังเล แต่เมื่อศิษยาภิบาลกระตุ้นหนักเข้า เธอก็เดินออกมา หยิบไมโครโฟน พูดว่า “ปีที่แล้วดิฉันสูญเสียแพะซึ่งเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของดิฉันไป ดิฉันร้องไห้และก็สวดภาวนาจนกระทั่งลืมมันได้ แต่ทันทีที่ท่านเริ่มเทศน์ ดิฉันเห็นเคราของท่าน มันทำให้ดิฉันคิดถึงแพะตัวนั้นอีก แล้วดิฉันก็ร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงมัน”
แปลว่าเธอไม่ได้ฟังและก็จำบทเทศน์ไม่ได้สักนิดเดียว !
     พี่น้องครับ ทรัพย์สมบัติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเราก็จริง แต่มันก็อาจครอบงำชีวิตของเราจนทำให้เราไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าและไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้อีกต่อไป ดังเช่นชายในพระวรสารวันนี้
ลูกาเล่าว่าชายคนหนึ่งเข้ามาหาพระเยซูเจ้าเพื่อขอให้พระองค์บอกพี่ชายของเขาให้แบ่งมรดกให้บ้าง อันที่จริง พระองค์ไม่ได้ต่อต้านการมีทรัพย์สมบัติ และก็ไม่ได้ต่อต้านความยุติธรรมในการแบ่งมรดกระหว่างพี่กับน้องด้วย แต่พระองค์ค่อนข้างผิดหวังที่หลังจากได้ยินข่าวดีของพระองค์แล้ว เขายังยึดติดอยู่กับส่วนแบ่งมรดกเป็นอันดับแรก เหมือนหญิงผู้นั้นที่เอาแต่ร้องไห้คิดถึงแพะ แล้วก็ปล่อยให้หูหนวก จนไม่ได้ยินพระวาจาของพระเจ้าที่หลั่งไหลออกมาจากผู้เทศน์แม้แต่คำเดียว
     พระเยซูเจ้าทรงเกรงว่าจะมีคนอื่นอีกในฝูงชนที่เป็นเหมือนอย่างชายผู้นี้ พระองค์จึงตรัสว่า “จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา” (ลก 12:15)
บางคนอาจสงสัยว่า ชายคนนี้แค่ร้องขอความยุติธรรมระหว่างพี่กับน้อง ทำไมพระองค์ต้องเตือนเรื่องความโลภด้วย?
ใช่ ชายคนนี้ร้องขอความยุติธรรมก็จริง แต่ลึกๆ แล้วเขาโลภอยากได้มรดก
     พระเยซูเจ้าจึงเตือนให้เราระวังความโลภซึ่งแฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ในรูปแบบของความยุติธรรม พี่น้องเคยได้ยินผู้คนหรือเพื่อนร่วมงานบ่นไม่เห็นด้วยกับประชานิยมหรือประชารัฐบ้างไหม “ฉันทำงานหนักและต้องจ่ายภาษีตลอดชีวิต รัฐบาลจะเอาเงินของฉันไปจ่ายเป็นสวัสดิการให้แก่คนที่ไม่ได้ทำอะไร วันๆ เอาแต่นั่งดูดกัญชาได้อย่างไรกัน?”
ฟังเผินๆ ดูเหมือนเป็นคำโต้แย้งที่แฟร์และยุติธรรมดี แต่จริงๆ แล้วมันมีความโลภแฝงอยู่ คือไม่อยากเสียภาษี จะได้มีเงินมากขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงเตือนและเน้นย้ำให้เรา “ระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด” ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
     พร้อมกันนี้พระองค์ทรงเล่าอุปมาเรื่องเศรษฐีโง่ให้เราฟัง ซึ่งหลายคนฟังแล้วก็อาจสงสัยอีกเช่นกันว่าเศรษฐีคนนี้ทำผิดอะไร?
ลองคิดดูสิ เขาทำงานในที่ดินของเขาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ได้พืชผลดีตามที่คาดหวัง เขาจึงตัดสินใจที่จะสร้างยุ้งฉางใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิมเพื่อจะได้เก็บพืชผลไว้ใช้ในยามแก่เฒ่า ไม่เห็นเขาคอร์รัปชั่นหรือไปโกงเอาทรัพย์สินของคนอื่นมาเลย
     พี่น้องครับ จริงอยู่ เศรษฐีผู้นี้ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ความโลภมันอยู่ในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ คือเขามัวแต่สะสมทรพัย์สมบัติไว้เพื่อจะได้ใช้สำหรับพักผ่อน กินดื่ม และสนุกสนานเท่านั้น แต่ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับชีวิตหลังความตายเลย
พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า”
     หนังสือปัญญาจารย์ในบทอ่านที่หนึ่งก็พูดทำนองเดียวกันว่า “ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ เพราะคนที่ตรากตรำทำงานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้และความชำนาญ จะต้องละทิ้งผลงานให้เป็นมรดกแก่คนที่ไม่ได้ตรากตรำเพื่องานนั้นเลย นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วยและเป็นเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง”
     Sir Fred Catherwood ซึ่งเป็นนักเขียนและนักการเมืองชาวอังกฤษจึงสรุปว่า “ความโลภคือความเชื่อว่าไม่มีชีวิตหลังความตาย ดังนั้นเราจึงฉวยทุกสิ่งที่สามารถ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม แล้วก็ยึดสิ่งนั้นไว้แน่น”
คราวนี้เราคงเห็นแล้วว่าทำไมพระเยซูเจ้าจึงเอาเรื่องของเศรษฐีโง่คนนี้มาเป็นตัวอย่างของความโลภ
เช่นเดียวกัน นักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองวันนี้ก็ถือว่า ความโลภนั้นเป็นการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง และมีความผิดเทียบเท่ากับการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา และความปรารถนาในทางชั่วร้ายต่างๆ จนท่านบอกกับทิโมธีว่า “ความรักเงินตราเป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทุกประการ” (1 ทธ 6:10)
     วันนี้ ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าโปรดให้เราเชื่อมั่นในพระองค์ผู้ทรงสามารถประทานชีวิตนิรันดรให้แก่เราได้แต่เพียงผู้เดียว และโปรดให้เราไม่เชื่อในพระเจ้าของชาวโลกที่สัญญาผิดๆ ว่าจะให้ความสุขและความเป็นอมตะแก่เราโดยการสะสมทรัพย์สมบัติในโลกนี้ เพราะว่ามันไม่เที่ยงแท้... ไม่เที่ยงแท้ที่สุด !

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown