มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2019 ระลึกถึง น.หลุยส์ คอนซากา นักบวช

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง     2 คร 11:18,21-30
     พี่น้อง เมื่อหลายคนโอ้อวดตามธรรมชาติของมนุษย์ ข้าพเจ้าก็จะโอ้อวดด้วย ข้าพเจ้าพูดด้วยความอับอายว่า เราช่างอ่อนแอยิ่งนัก
      ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะกล้าโอ้อวดเรื่องใด ข้าพเจ้าพูดอย่างคนโง่เขลาว่าข้าพเจ้าก็กล้าโอ้อวดด้วย เขาเป็นชาวฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชาว อิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาเป็นเชื้อสายของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นด้วย เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าหรือ ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเสียสติว่าข้าพเจ้าเป็นมากกว่าเขาเสียอีก ข้าพเจ้าลำบากตรากตรำมากกว่าเขา ถูกจองจำมากกว่าเขา ถูกโบยตีมากกว่าเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน ต้องเผชิญกับความตายหลายครั้ง ข้าพเจ้าถูกชาวยิวลงแส้ห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที ข้าพเจ้าถูกชาวโรมันเฆี่ยนตีสามครั้ง ถูกขว้างด้วยหินหนึ่งครั้ง เรืออับปางสามครั้ง ลอยคออยู่กลางทะเลหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน ข้าพเจ้าต้องเดินทางเสมอ ต้องเผชิญอันตรายในแม่น้ำ อันตรายจากโจรผู้ร้าย อันตรายจากเพื่อนร่วมชาติ อันตรายจากคนต่างชาติ อันตรายในเมือง อันตรายในถิ่นทุรกันดาร อันตรายในทะเล อันตรายจากพี่น้องทรยศ ข้าพเจ้าต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยลำบากตรากตรำ อดนอนบ่อยๆ ต้องหิวกระหาย ต้องอดอาหารหลายครั้ง ต้องทนหนาว ไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้ายังถูกบีบคั้นทุกวัน นั่นคือเป็นห่วงพระศาสนจักรทุกแห่ง ใครบ้างอ่อนแอ และข้าพเจ้ามิได้อ่อนแอด้วย ใครบ้างถูกชักนำให้ทำบาป และข้าพเจ้าไม่เป็นทุกข์ด้วย ถ้าจำเป็นจะต้องโอ้อวด ข้าพเจ้าจะโอ้อวดในเรื่องที่แสดงถึงความอ่อนแอของข้าพเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 6:19-23
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนแผ่นดินนี้เลย ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมและตัวขมวนทำลาย ถูกขโมยเจาะช่องเข้ามาขโมยไปได้ แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่นไม่มีสนิมและตัวขมวนทำลาย ขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไปไม่ได้ เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย”
     “ประทีปของร่างกายคือดวงตา ดังนั้น ถ้าดวงตาของท่านเป็นปกติดี ร่างกายของท่านก็จะสว่างไปด้วย แต่ถ้าดวงตาของท่านไม่ดี ร่างกายของท่านก็จะมืดไปด้วย ฉะนั้น ถ้าความสว่างในท่านมืดไปแล้ว ความมืดจะยิ่งมืดมิดสักเพียงใด”

 

ข้อคิด

     ชีวิตบนโลกนี้เป็นของชั่วคราวและความตายก็คือความเป็นจริงของชีวิต ทว่าบ่อยครั้งทีเดียวที่เราละเลยไม่ใส่ใจต่อความจริงอันนี้อย่างดี จนทำให้ชีวิตเรานั้นยึดติดและลุ่มหลงไปกับสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนบนโลกนี้ไปมาก วันนี้พระเยซูเจ้าเตือนใจเราให้ไตร่ตรองถึงความจริงนี้อย่างดีอีกครั้ง ให้เราเข้าใจว่าทรัพย์สมบัติบนโลกนี้นั้นเสื่อมสลายได้ แม้แต่ชีวิตเราเองก็เช่นกัน ดังนั้นให้เราแสวงหาคุณงามความดีเถิด เพื่อที่เราจะได้สมบัติในสวรรค์บ้านแท้นิรันดร

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2019 น.เปาโล แห่งโนลา พระสังฆราช น.ยอห์น ฟิชเชอร์ และ น.โทมัส โมร์ มรณสักขี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร 12:1-10
      พี่น้อง ข้าพเจ้าจำเป็นต้องโอ้อวด แม้จะไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แต่ข้าพเจ้าจะเล่าถึงนิมิตและการเปิดเผยที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ข้าพเจ้ารู้จักมนุษย์คนหนึ่งผู้เลื่อมใสในพระคริสตเจ้า เมื่อสิบสี่ปีมาแล้วเขาถูกดึงตัวขึ้นสวรรค์ชั้นที่สาม แต่จะไปในร่างกายหรือนอกร่างกาย ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ พระเจ้าทรงทราบ ข้าพเจ้ารู้จักมนุษย์ผู้นี้ จะอยู่ในร่างกาย หรือนอกร่างกาย ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ พระเจ้าทรงทราบ เขาถูกดึงตัวขึ้นสรวงสวรรค์และได้ยินวาจาซึ่งอธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ และไม่มีมนุษย์คนใดพูดได้ สำหรับคนนี้ ข้าพเจ้าโอ้อวดได้ แต่สำหรับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะไม่โอ้อวดสิ่งใดนอกจากความอ่อนแอของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าอยากจะโอ้อวด ข้าพเจ้าก็มิใช่คนโง่เขลา เพราะข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้าระงับไว้เพื่อมิให้ผู้ใดตีราคาข้าพเจ้าเกินกว่าที่เห็นในตัวข้าพเจ้าและที่ได้ฟังจากข้าพเจ้า เพื่อมิให้การเปิดเผยยิ่งใหญ่นี้ทำให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป พระเจ้าทรงให้มีหนามทิ่มแทงเนื้อหนังของข้าพเจ้า ดุจทูตของซาตานที่คอยตบตีข้าพเจ้ามิให้ข้าพเจ้ายกตนเกินไป เรื่องนี้ข้าพเจ้าวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสามครั้ง ขอให้พ้นไปจากข้าพเจ้า แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน เพราะพระอานุภาพแสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเต็มใจที่จะโอ้อวดเรื่องความอ่อนแอ เพื่อให้พระอานุภาพของพระคริสตเจ้าพำนักอยู่ในข้าพเจ้า ฉะนั้นเพราะความรักต่อพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจึงพอใจความอ่อนแอต่างๆ เมื่อถูกสบประมาท เมื่อมีความคับแค้น เมื่อถูกข่มเหงและอับจน เพราะข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ย่อมเข้มแข็งเมื่อนั้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                             มธ 6:24-34
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาจะชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง เขาจะจงรักภักดีต่อนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
     “ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาหาร และร่างกายย่อมสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงมองดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ ท่านใดบ้างที่กังวลแล้วต่ออายุของตนให้ยาวออกไปอีกสักหนึ่งวันได้ ท่านจะกังวลถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงสังเกตดูดอกไม้ในทุ่งนาเถิด มันเจริญงอกงามขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า กษัตริย์ซาโลมอนเมื่อทรงเครื่องอย่างหรูหรา ก็ยังไม่งดงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง แม้แต่หญ้าในทุ่งนา ซึ่งมีชีวิตอยู่วันนี้ รุ่งขึ้นจะถูกโยนทิ้งในเตาไฟ พระเจ้ายังทรงตกแต่งให้งดงามเช่นนี้ พระองค์จะไม่สนพระทัยท่านมากกว่านั้นหรือ ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริง ดังนั้น อย่ากังวลและกล่าวว่า ‘เราจะกินอะไร หรือจะดื่มอะไร หรือเราจะนุ่งห่มอะไร’ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้คนต่างศาสนาแสวงหา พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้ จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้”
“ดังนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว”

 

 

ข้อคิด

     ความกังวลคือสิ่งหนึ่งที่มีผลกระทบอย่างมากกับสุขภาพจิตของผู้คน เมื่อเรามีความกังวลกับสิ่งต่างๆในชีวิตมากเกินไป ชีวิตก็เดินต่อไปได้ยาก และความกังวลเหล่านี้อาจนำเราไปสู่ความกลัวได้อีกด้วย แม้วิทยาศาสตร์และวิทยาการต่างๆจะพยายามช่วยให้เราควบคุมและจัดการสิ่งต่างๆในชีวิตได้อย่างเต็มที่ เพื่อที่เราจะได้ไม่กังวลใดๆ ทว่าเราก็ยังควบคุมไม่ได้ทุกอย่าง ดังนั้นมิติของความเชื่อยังคงสำคัญและจำเป็นอยู่ การวางใจในพระเจ้าจะช่วยเราขจัดความกังวลต่อสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2019 สมโภชนักบุญยอห์น บัปติสต์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                 อสย 49:1-6
     ดินแดนชายทะเลและเกาะทั้งหลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ประชาชนที่อยู่สุดแดนไกล จงตั้งใจฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าเกิด ทรงขานชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ทรงทำให้ปากข้าพเจ้าเป็นเสมือนดาบคม ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์พระองค์ ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนลูกศรแหลมคม และทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งเก็บลูกศรของพระองค์ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” แต่ข้าพเจ้ากลับคิดว่า “ข้าพเจ้าได้ทำงานเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเสียแรงไปเปล่าๆ ไร้ประโยชน์” ถึงกระนั้น รางวัลของข้าพเจ้าอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าก็อยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า 6พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่ และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง เราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติ เพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”

 

สดด 139:1-3,13-14,15-16

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 13:22-26
     เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอล ดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า ‘เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ’ จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิด แต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา’
พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 1:57-66,80
     เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง
     เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า 65เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
     เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้น จิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล

 

ข้อคิด

     การบังเกิดของนักบุญยอห์น บัปติสต์ เป็นแผนการอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์ให้โอกาสมนุษย์ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการต้อนรับองค์พระผู้ไถ่ ที่จะมาไถ่กู้พวกเขาให้พ้นจากบาปและความตายผ่านทางนักบุญยอห์น ท่านคือสะพานที่นำผู้คนไปสู่พระเยซูเจ้า องค์พระผู้ไถ่ของมนุษยชาติ ดังนั้นขอให้เราเตรียมตัวเตรียมใจของเราให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อจะได้ต้อนรับองค์พระผู้ไถ่ในวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งอย่างเหมาะสม

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2019 วันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                        ปฐก 14:18-20
     ในครั้งนั้น เมลคีเซเดคกษัตริย์เมืองซาเลมทรงเอาขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้ พระองค์ทรงเป็นสมณะของพระเจ้าสูงสุด ทรงอวยพรอับรามว่าดังนี้
“อับรามจงได้รับพรจากพระเจ้าสูงสุด
ผู้ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน
ขอถวายพระพรแด่พระเจ้าสูงสุด
เพราะพระองค์ทรงมอบศัตรูไว้ในมือของท่าน”
อับรามถวายหนึ่งในสิบของทุกสิ่งที่ยึดมาได้ให้แก่เมลคีเซเดค

 

เพลงสดุดี                                                                  สดด 110:1,2,3,4
     ก) พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
"จงประทับทางขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นดังแท่นวางเท้าของท่าน"
      ข) จากศิโยนองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแผ่ขยายอำนาจกษัตริย์ปกครองแก่ท่าน ตรัสว่า
"จงปกครองเหนือบรรดาศัตรู
      ค) อำนาจปกครองเป็นของท่านตั้งแต่วันกำเนิดในความรุ่งโรจน์ศักดิ์สิทธิ์
ตั้งแต่รุ่งอรุณเราให้กำเนิดท่านเหมือนน้ำค้าง"
     ง) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณไว้แล้ว และจะไม่เปลี่ยนพระทัย
"ท่านเป็นสมณะตลอดไปตามแบบของเมลคีเซเดค"

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง     1 คร 11:23-26
     พี่น้อง ข้าพเจ้าได้รับสิ่งใดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้มอบสิ่งนั้นต่อให้ท่าน คือในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเอง พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 9:11ข-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงต้อนรับฝูงชนและตรัสสอนเขาเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า ทรงรักษาคนที่ต้องการการบำบัดรักษา
     เมื่อจวนถึงเวลาเย็น อัครสาวกสิบสองคนมาทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเถิด เขาจะได้ไปตามหมู่บ้านและชนบทโดยรอบเพื่อหาที่พักและอาหาร เพราะขณะนี้เราอยู่ในที่เปลี่ยว” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงหาอาหารให้เขากินเถิด” เขาทูลว่า “เราไม่มีอะไรนอกจากขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัวเท่านั้น หรือว่าเราจะไปซื้ออาหารสำหรับคนเหล่านี้ทั้งหมด” ที่นั่นมีผู้ชายประมาณห้าพันคน พระองค์จึงตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงบอกให้พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณห้าสิบคน” เขาก็ทำตามและให้ทุกคนนั่งลง พระเยซูเจ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นมา ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง

 

ข้อคิด

     เราจะโทษบรรดาสาวกที่มาขอให้พระเยซูเจ้าอนุญาตให้ประชาชนกลับไปเสียทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะ พวกเขามองดูสถานการณ์ในสายตาของมนุษย์ ซึ่งพวกเขาพบว่ามันยากและแทบเป็นไปไม่ได้ ที่จะหาอาหารมาเลี้ยงคนหลายพันคนที่ติดตามมาฟังพระเยซูเจ้าเทศน์สอนและมาให้พระองค์เยียวยารักษา ทว่าพระเยซูเจ้าได้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในการดูแลเอาใจใส่พวกเขา สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลทางกายให้อิ่มหนำเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงความรักความห่วงใยอันลึกซึ้งที่พระองค์มีต่อประชาชนรวมถึงพวกเราทุกคนอีกด้วย

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน 2019 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                         ปฐก 13:2,5-18
     ในครั้งนั้น อับรามมั่งมีมาก มีฝูงแพะแกะ เงินทอง โลทซึ่งไปกับอับรามมีฝูงแกะ โค และกระโจมของตนด้วย ที่ดินแถบนั้นไม่กว้างขวางพอที่จะให้เขาทั้งสองคนอยู่ร่วมกันได้ เพราะต่างคนต่างมีทรัพย์สมบัติมากมาย จึงอยู่รวมกันไม่ได้ คนเลี้ยงสัตว์ของอับรามกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลทวิวาทกัน เวลานั้น ชาวคานาอันและชาวเปริสซียังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น อับรามจึงบอกโลทว่า “เราอย่าวิวาทกันเลย อย่าให้คนเลี้ยงสัตว์ของท่านกับคนเลี้ยงสัตว์ของฉันวิวาทกัน เพราะเราเป็นญาติกัน แผ่นดินทั้งหมดอยู่ต่อหน้าท่านไม่ใช่หรือ จงแยกจากฉันเถิด ถ้าท่านไปทางซ้าย ฉันจะไปทางขวา ถ้าท่านไปทางขวา ฉันจะไปทางซ้าย”
     โลทเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าตลอดลุ่มแม่น้ำจอร์แดนไปจนถึงโศอาร์ มีน้ำบริบูรณ์เหมือนอุทยานขององค์พระผู้เป็นเจ้าหรือเหมือนแผ่นดินอียิปต์ เวลานั้นองค์พระผู้เป็นเจ้ายังไม่ได้ทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ ดังนั้น โลทจึงเลือกเอาลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมดไว้เป็นของตน แล้วย้ายกระโจมไปทางตะวันออก เขาทั้งสองคนจึงแยกกัน อับรามอาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอัน ส่วนโลทอาศัยอยู่ท่ามกลางหัวเมืองในลุ่มแม่น้ำตั้งกระโจมอยู่ใกล้ชานเมืองโสโดม ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นอันมาก
      เมื่อโลทแยกไปแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอับรามว่า “จงเงยหน้าขึ้นจากที่ที่ท่านอยู่ มองไปทางทิศเหนือทิศใต้ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก แผ่นดินทั้งหมดที่ท่านเห็นนี้ เราจะมอบให้ท่านและให้ลูกหลานของท่านตลอดไป เราจะทำให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนฝุ่นผงของแผ่นดิน ผู้ใดนับฝุ่นผงของแผ่นดินได้ ก็จะนับจำนวนลูกหลานของท่านได้เช่นเดียวกัน ท่านจงลุกขึ้นเดินทางไปให้ทั่วแผ่นดินนี้ ทั้งด้านยาวและด้านกว้างเถิด เพราะว่า เราจะมอบให้ท่าน”
     อับรามจึงย้ายกระโจมมาอาศัยอยู่ที่หมู่ต้นโอ๊กของมัมเร ที่เฮโบรน แล้วสร้างพระแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 7:6,12-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “อย่าให้ของศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกรเพราะมันจะเหยียบย่ำทำให้เสียของ และหันมากัดท่านอีกด้วย”
“ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก”
“จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก แต่ประตูและทางซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย”

 

ข้อคิด

     พระเยซูเจ้าสอนเราให้เข้าใจถึงความจริงที่ว่า หนทางแห่งความดีและหนทางที่จะนำไปสู่ชีวิตนิรันดรนั้น เป็นหนทางที่ยากลำบาก เป็นดังประตูแคบที่ไม่สะดวกสบายอะไร และไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับประตูกว้างที่สะดวกสบายมากกว่า การออกแรงทำความดีและหักห้ามใจจากความสุขทางโลกนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากทีเดียว ทว่าผลของมันมีคุณค่าและสวยงามเสมอ หนทางแห่งความดีอาจดูไม่สนุกสนานมากนัก แต่ขอให้เราตระหนักอยู่เสมอถึงผลอันยิ่งใหญ่ของมันที่ทำให้ชีวิตมีความหมายอย่างแท้จริง

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown