มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า 1 มกราคม 2018

สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า

1 มกราคม 2018

บทอ่าน กดว 6:22-27   ;   กท 4:4-7   ;   ลก 2:16-21

พระมารดาของพระเยซูเจ้า

            บทอ่านต่างๆ ในเทศกาลพระคริสตสมภพ  ทำให้เราสนใจพระนางมารีย์ในประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้น  และสนใจประจักษ์พยานชีวิตที่พระนางในฐานะเป็นศิษย์คนแรก  มอบให้เรา

            บังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง

            นักบุญเปาโลเขียนสรุปสั้นๆ เกี่ยวกับพระนางมารีย์  แต่ก็มีพลัง  ท่านเน้นสภาพแวดล้อมของบุตรพระเจ้า  เป็นองค์ประกอบสำคัญแห่งความเชื่อของเรา  ด้วยการเตือนใจเราว่า “พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง” (กท 4:4)  พระองค์จึงเข้ามาในประวัติศาสตร์มนุษย์  และจากหัวใจของประวัติศาสตร์  พระองค์ประกาศความรักของพระเจ้า  การเข้ามารับสภาพมนุษย์ของบุตรพระเจ้า  อาศัยการตอบรับของพระนางมารีย์  และผ่านทางร่างกายของพระนาง

            บรรดาคนเลี้ยงแกะที่เบธเลเฮมได้พบพระกุมารเยซู  ซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้าใกล้พระมารดาและนักบุญโยเซฟ  พวกคนเลี้ยงแกะเข้าไปดูพระกุมาร  เพราะเหตุที่ “พวกเขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร” (วรรคที่ 17)   และพวกเขาเป็นพยานของพระกุมาร  สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกี่ยวกับพระกุมารเป็นเรื่องสำคัญต่อพระมารดา  ผู้ “ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย” (วรรคที่ 19 และดู 2:51 ด้วย)  คำว่า “เรื่องทั้งหมด” หมายถึงคำพยากรณ์ของพระเจ้าซึ่งก็เป็นเหตุการณ์หนึ่ง  พระนางมารีย์ทรงไว้ใจพระเจ้า  จึงยอมรับเป็นมารดาของพระผู้ไถ่  อย่างไรก็ดี  มิได้หมายความว่า  พระนางเข้าใจพันธกิจของพระเยซูเจ้าทั้งหมด

            การเชื่อรวมความถึงการก้าวเดินและการแสวงหาอย่างลึกซึ้ง  พระนางมารีย์ก็เช่นกันต้องการก้าวเดินเองและนี่เป็นเหตุผลที่พระนางทรงคำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  และสิ่งที่มีคนกล่าวถึงในสิ่งแวดล้อมซึ่งครอบครัวและบรรดาเพื่อนบ้านเจริญชีวิต  ดังนั้น ความใกล้ชิดทางฝ่ายร่างกายต่อบุตรในครรภ์  ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพันธกิจที่พระเยซูเจ้าต้องทำให้สำเร็จ  สำหรับเราด้วย  ความเชื่อเป็นกระบวนการซึ่งเราจะมีทั้งก้าวหน้าและถอยหลัง  มีช่วงเวลาแห่งแสงสว่างและความมืด  แต่ประจักษ์พยานของพระนางมารีย์แสดงให้เราก้าวหน้าบนหนทางสู่พระเจ้า  ความหวังของเรา

            พระนาม “เยซู”

            พระเยซูเจ้าทรงบังเกิด “มาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ” (กท 4:4)  เมื่อครบกำหนด 8 วัน ถึงเวลาจะต้องทรงเข้าสุหนัต  เป็นเครื่องหมายว่าเป็นชาวยิว  และรับพระนามว่า “เยซู”  ซึ่งหมายความว่า  พระผู้ช่วยให้รอด  ผู้ทำให้เราได้เรียกพระเจ้าว่า “อับบา  พ่อจ๋า”  ทำให้เราเป็นบุตรบุญธรรม... เป็นอิสระ  สำหรับนักบุญเปาโลและนักบุญยอห์น  การเป็นบุตรก็เท่ากับการเป็นอิสระ  เป็นทายาท  ไม่เป็นทาส (วรรคที่ 6-7)

            ขอบพระคุณพระนางมารีย์  อาศัยพระพักตร์มนุษย์ของพระเยซูเจ้า ชาวนาซาเร็ธ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่าน”  ตามที่อยู่ในบทอวยพร  พระเจ้าต้องการอวยพรประชากร (กดว 6:26)  ด้วยการรับสภาพมนุษย์  บุตรพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงใบหน้ามนุษย์ให้แสดงออกถึงการประทับอยู่  และความต้องการเร่งด่วนของพระเจ้า

            ขอให้เราพบพระพักตร์ของพระคริสตเจ้าในใบหน้าที่กำลังทนทุกข์ของคนจน  ผู้หิวโหย  ตามกฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ค.ศ. 2015 ว่า เราทุกคนต้อง “อยู่เคียงข้างคนจน... ถูกละเมิดทางเพศและถูกล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นๆ... บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์และคนไร้สัญชาติ” (ย่อหน้า 26-27)  ใบหน้าเหล่านี้ทำให้เราซื่อสัตย์ต่อพระวรสาร  เมื่อคำนึงถึงคำสอนและกิจการของพระเยซูเจ้าในใจของเรา  เหมือนพระนางมารีย์กระทำ  จะได้กลายเป็นการเผยแสดงของพระเจ้าแก่เรา

พระสังฆราช  วีระ  อาภรณ์รัตน์  แปล

จาก  Sharing the Word Through the Liturgical Year

 โดย Gustavo Gutierrez, หน้า 33-34.

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown