มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2023 น.ดามาซัส ที่ 1 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                      อสย 35:1-10

       ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง

      จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระน้ำ และดินที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุน้ำ รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะมีทางหลวงซึ่งจะเรียกว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น ที่นั่นจะไม่มีสิงโตอีกต่อไป จะไม่มีใครพบสัตว์ร้ายเดินตามทางนั้น แต่ผู้ที่ได้รับความรอดพ้นจะเดินที่นั่น ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                           ลก 5:17-26

     วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำคนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำคนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่กลับไปบ้าน พลางสรรเสริญพระเจ้า        ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง”

 

ข้อคิด

     ความเข้าใจของประชาชนในสมัยของพระเยซูเจ้า ส่วนใหญ่เห็นพระองค์เป็นหมดวิเศษทำอัศจรรย์ได้ จึงติดตามพระองค์มามากมาย และมีความหวังที่จะให้พระองค์ช่วยรักษาพวกเขาที่เจ็บป่วย พวกเขายังไม่รู้ว่าพระองค์คือพระเป็นดเจ้า พฤติกรรมของพวกเขาคือความเชื่อในพระองค์ในฐานะหมอวิเศษ

     วันนี้พระองค์ทรงรักษาพวกเขาด้วยประโยคที่ว่า “บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” ...เพราะคนสมัยนั้นเสชื่อว่าความเจ็บป่วย ความทุกข์ยากต่างๆเป็นผลของบาป ในเวลาเดียวกัน ชาวฟารีสีและนักกฎหมายที่คอยจับผิดพระองค์จึงถือว่าพระองค์ทรงดูหมิ่นพระเป็นเจ้า เพราะผู้ที่ยกบาปได้มีแต่พระเป็นเจ้เท่านั้น สำหรับเราสมัยนี้ เราทราบว่าพระองค์เป็นพระเจ้าอย่างไม่มีข้อสงสัยประการใด แล้วเรามีท่าที มีความสัมพันธ์กับพระองค์อย่างไร

 

 

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม 2023 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                         อสย 40:1-5,9-11

        พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้ว เพราะบาปทั้งหมดของตน”

       เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำหรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ต่ำๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้”

         “ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’ ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำนาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำหน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกร ทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำแม่แกะอย่างทะนุถนอม”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่สอง          2 ปต 3:8-14

         ท่านที่รักทั้งหลาย สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องไม่ลืมคือ สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงหนึ่งวันก็เหมือนกับหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนกับหนึ่งวัน องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจเปลี่ยนวิถีชีวิต วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาถึงอย่างไม่รู้ตัวเหมือนขโมย วันนั้นท้องฟ้าจะอันตรธานสูญสิ้นไปด้วยเสียงกึกก้อง โลกธาตุจะลุกเป็นไฟแตกแยกจากกัน แผ่นดินและสรรพสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะมอดไหม้สูญสิ้นไป

        เมื่อทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ ท่านจงตระหนักว่าจะต้องประพฤติตนอย่างไร จะต้องดำเนินชีวิตให้ศักดิ์สิทธิ์และมีความเลื่อมใสศรัทธา รอคอยวันของพระเจ้าและพยายามเร่งให้วันนั้นมาถึง ในวันนั้นท้องฟ้าจะถูกไฟเผาผลาญ และโลกธาตุจะถูกไฟเผาละลายไป เรากำลังรอคอยฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ ซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของความชอบธรรมตามพระสัญญา ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติ ปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ

 

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก                  มก 1:1-8

          การเริ่มต้นข่าวดีเรื่องพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศกอิสยาห์ว่า

          ดูซิ เราส่งผู้นำสารของเราไปข้างหน้าท่าน

                        เพื่อเตรียมทางสำหรับท่าน

            คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า

                        จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า

          จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด

        เพื่อให้ข้อความนี้เป็นจริง ยอห์นจึงทำพิธีล้างในถิ่นทุรกันดาร เทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ซึ่งแสดงการกลับใจเพื่อจะได้รับการอภัยบาป ประชาชนจากทั่วแคว้นยูเดีย และชาวกรุงเยรูซาเล็มทั้งหลายไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดน โดยสารภาพบาปของตน ยอห์นแต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่เขาจะทำพิธีล้างให้ท่าน เดชะพระจิตเจ้า”

 

 

ข้อคิด

     วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 2 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า พระวาจาส่วนใหญ่จึงกล่าวถึงการเตรียมตัวของเราให้เหมาะสมเมื่อพระองค์จะทรงเสด็จลงมา มีการกล่าวถึงตั่งแต่สมัยประกาศกอิสยาห์แล้วว่าต้องเตรียมทางของพระองค์ที่จะเสด็จมานั้นให้ดี และในที่สุดก็เด่นชัดในพันธสัญญาใหม่ด้วย การประกาศของท่านยอห์นบัปติสต์ “มีอีกผู้หนึ่งจะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจ... จะทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า”

พี่น้อง เรารู้เสื่อมใสและเชื่อว่าผุ้นั้นคือองค์พระเยซูเจ้าที่กำลังเสด็จมา จงเตรียมตนให้พร้อมที่จะต้อนรับพระองค์เถิด

 

 

 

วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2023 สมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                                      ปฐก 3:9-15,20

         องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ ตรัสถามว่า “ท่านอยู่ไหน” มนุษย์ทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินเสียงของพระองค์ในสวน ก็กลัวเพราะข้าพเจ้าเปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัว” พระองค์ตรัสถามว่า “ใครบอกท่านว่าท่านเปลือยกายอยู่ ท่านได้กินผลจากต้นไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ” มนุษย์ทูลตอบว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้าพเจ้าได้ให้ผลจากต้นไม้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสกับหญิงว่า “ท่านทำอะไรไป” หญิงทูลตอบว่า “งูหลอกลวงข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงกิน”

          องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจงถูกสาปแช่ง ในบรรดาสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าทั้งปวง เจ้าจะต้องใช้ท้องเลื้อยไปตามพื้นดิน และกินฝุ่นเป็นอาหารทุกวันตลอดชีวิต เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา”

          มนุษย์เรียกภรรยาของตนว่า “เอวา” เพราะนางเป็นมารดาของผู้มีชีวิตทั้งหลาย

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวเอเฟซัส               อฟ 1:3-6,11-12

        ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า

        พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความรัก

      พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก

       ในองค์พระคริสตเจ้านี้ เราได้รับเลือกเป็นพิเศษไว้ล่วงหน้าตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งให้เป็นไปตามแผนการนั้น เพื่อเราจะได้สรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ เพราะเราเป็นคนแรกที่มีความหวังในพระคริสตเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                              ลก 1:26-38

          เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า ดูซิ เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆ ที่ชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆ คิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้”

           พระนางมารีย์จึงตรัสว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากพระนางไป

 

ข้อคิด

     การสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล  เป็นความเชื่อที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1854  วันที่ 8 เดือนธันวาคม  อันหมายถึงคริสตชนคาทอลิกทุกคนเชื่อว่า  พระเป็นเจ้าทรงประทานพระพรพิเศษสูงสุดแก่พระแม่มารีย์  ได้ถือกำเนิดมาโดยปราศจากมลทินบาปทั้งปวง  เพราะพระเป้นเจ้าทรงเลือกพระนางให้เป็นพระมารดาของพระผู้ไถ่ (พระเยซูเจ้า) ไว้แล้วนั่นเอง

    พวกเราชาวคาทอลิกจึงมีความรักเคารพในพระแม่มารัย์เป็นมารดาของเราด้วย  ดังนั้น  ความศรัทธาภักดีต่อพระแม่จึงถือปฏิบัติกันอย่างเด่นชัดในพระศาสนจักรคาทอลิกของเรา

 

 

 

 

วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2023 น.ฮวน ดิเอโก

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                      อสย 30:19-21,23-26

          องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ประชากรแห่งศิโยน ผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังเถิด ท่านทั้งหลายจะไม่ต้องร้องไห้อีกเลย เมื่อท่านร้องขอความช่วยเหลือ พระองค์จะทรงพระเมตตาต่อท่าน เมื่อทรงได้ยิน พระองค์จะทรงตอบท่าน แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความยากลำบากให้เป็นเหมือนอาหาร และประทานความทุกข์ใจให้เป็นเหมือนน้ำดื่ม ถึงกระนั้นพระอาจารย์ของท่านจะไม่ซ่อนพระองค์อีก ตาของท่านจะเห็นพระอาจารย์ หูของท่านจะได้ยินถ้อยคำนี้จากเบื้องหลังว่า “นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้เถิด” ไม่ว่าท่านจะหันไปทางขวาหรือหันไปทางซ้าย

          แล้วพระองค์จะประทานฝนแก่เมล็ดพืชที่ท่านได้หว่านลงในดิน ข้าวสาลีผลิตผลของดินจะอุดมสมบูรณ์ วันนั้น สัตว์เลี้ยงของท่านจะหากินอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ โคและลาที่ใช้ทำนาจะกินหญ้าหมักรสอร่อยที่ใช้พลั่วและส้อมซัดตักมาให้ บนภูเขาและเนินสูงทุกแห่งจะมีลำธารและคูน้ำไหล ในวันที่ศัตรูจำนวนมากจะถูกฆ่า เมื่อหอคอยจะพังทลาย ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพันบาดแผลให้ประชากรของพระองค์ และจะทรงรักษาบาดแผลซึ่งเขาถูกพระองค์ทรงโบยตี แสงของดวงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงของดวงอาทิตย์ และแสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็นเจ็ดเท่า จะเป็นเหมือนแสงสว่างของเจ็ดวัน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                        มธ 9:35-36,10:1,5ก,6-8

        เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสาร เพราะเขาเหล่านั้นเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ประดุจฝูงแกะที่ไม่มีคนเลี้ยง แล้วพระองค์ตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”

          พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบ ประทานอำนาจให้เขาขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนนี้ออกไป ทรงสั่งเขาว่า “จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน จงไปประกาศว่าอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว จงรักษาคนเจ็บไข้ จงปลุกคนตายให้กลับคืนชีพ จงรักษาคนโรคเรื้อนให้สะอาด จงขับไล่ปีศาจให้ออกไป ท่านได้รับมาโดยไม่เสียค่าตอบแทน ก็จงให้เขาโดยไม่รับค่าตอบแทนด้วย”

 

 

ข้อคิด

     “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวนั้นมีมาก  แต่คนงานมีน้อย  จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”  เมื่อเราได้ยินพระวาจานี้  เราก็จะคิดถึงบรรดาพระสงฆ์  นักบวช  ศาสนบริกรต่างๆซึ่งก็ถูกต้อง  เต่ถ้าจะพิจารณาให้ลึกซึ้งครอบคลุมแล้ว  พระวาจานี้ยังหมายถึงพวกเราด้วยที่ต้องมรีส่วนในการเก็บเกี่ยวข้าวนี้ด้วย  คือเรามีหน้าที่ที่จะต้องร่วมมือ  ก้าวไปด้วยกัน  เป็นหนึ่งเดียวกัน  และเป็นประจักษ์พยานในชีวิตถึงองค์พระเยซูคริสตเจ้า  ตามหน้าที่ที่เราทุกคนได้รับมาเมื่อรับศีลล้างบาป  นั้นคือ หน้าที่ของสงฆ์  ประกาศก และกษัตริย์

 

 

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2023 ระลึกถึง น.อัมโบรส พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                      อสย 26:1-6

             วันนั้น ทุกคนในแผ่นดินยูดาห์จะร้องเพลงบทนี้

          “พวกเรามีเมืองเข้มแข็งเมืองหนึ่ง พระองค์ทรงสร้างกำแพงและเชิงเทินไว้เพื่อปกป้อง จงเปิดประตูเมืองเถิด ประชาชาติที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามาพระองค์ทรงรักษาชนชาติที่มีใจมั่นคงให้อยู่ในสันติ เขาอยู่ในสันติ เพราะวางใจในพระองค์ จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเถิด เพราะพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร เพราะพระองค์ทรงกดผู้อยู่บนที่สูงให้ต่ำลง ทรงทำลายเมืองบนที่สูงให้ราบถึงพื้นดิน กลายเป็นฝุ่นดิน เท้าที่เหยียบเมืองนั้นคือเท้าของผู้ถูกกดขี่ คนยากจนจะเดินเหยียบย่ำเมืองนั้น”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                        มธ 7:21,24-27

           เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า

          “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละ จะเข้าสู่สวรรค์ได้”

          “ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหิน ฝนจะตก น้ำจะไหลเชี่ยว ลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น บ้านก็ไม่พัง เพราะมีรากฐานอยู่บนหิน ผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเรา และไม่ปฏิบัติตาม ก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทราย เมื่อฝนตก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้น มันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”

 

ข้อคิด

     คำสอนที่พระเยซูเจ้าทรงสอนศิษย์ของพระองค์ในวันนี้  ชัดเจน  ตรงไปตรงมาบอกว่าคนที่รอดพ้น (ไปสวรรค์)  นั้นคือผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพะรบิดา  กล่าวคือ ผู้ที่มีความเชื่อเลื่อมใสและศรัทธาในพระเจ้า  คือผุ้ที่มีชีวิตที่มั่นคง  มีรากฐานของชีวิตที่เข้มแข็ง  สามารถต่อสู้กับการทอลองต่างๆเขาจะไม่หวั่นไหวในการประจญล่อล่วง  เรามีแบบอย่างมากมายของบรรดาผุ้ศักดิ์สิทธิ์ (บรรดานักบุญ) ที่เป้นประจักษ์พยานมาแล้ว... วันนี้จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องเป็นประจักษ์พยานถึงองค์พระเยซูคริสตเจ้าเช่นเดียวกัน

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown