วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2023 น.ลอเรนซ์แห่งบรินดิซี พระสงฆ์และนักปราชญ์
- รายละเอียด
- หมวด: กรกฎาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 08:16
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1308
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 11:10-12:14
ในครั้งนั้น โมเสสและอาโรนได้ทำปาฏิหาริย์เหล่านี้ทั้งหมดเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์ฟาโรห์ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้พระทัยของกษัตริย์ฟาโรห์ดื้อดึง ไม่ทรงยอมปล่อยให้ชาวอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินของพระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในแผ่นดินอียิปต์ว่า “เดือนนี้จะเป็นเดือนแรกสำหรับท่านทั้งหลาย เป็นเดือนเริ่มต้นปี ท่านทั้งสองคนจงบอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมดว่า วันที่สิบเดือนนี้ แต่ละคนต้องเลือกลูกแกะหรือลูกแพะตัวหนึ่งสำหรับครอบครัวของตน หนึ่งตัวต่อหนึ่งครอบครัว แต่ถ้าครอบครัวเล็กเกินไป กินลูกแกะไม่หมด จงเชิญเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงมากินด้วยตามจำนวนคน การเลือกลูกแกะนั้น จงคำนึงว่า แต่ละคนกินได้เท่าไร ลูกแกะนั้นต้องไม่มีตำหนิ เป็นตัวผู้อายุหนึ่งปี จะเลือกลูกแพะแทนลูกแกะก็ได้ จงจับมันเลี้ยงไว้จนถึงวันที่สิบสี่ของเดือนนี้ แล้วให้ชุมชนของชาวอิสราเอลทั้งหมดฆ่าลูกแกะนั้นในตอนเย็น เอาเลือดทากรอบด้านข้างและด้านบนของประตูบ้านที่จะกินลูกแกะนั้น คืนนั้น จงย่างเนื้อสัตว์นั้น แล้วกินกับขนมปังไร้เชื้อและผักรสขม อย่ากินเนื้อดิบหรือเนื้อต้ม แต่จงย่างไฟทั้งหัว ขาและเครื่องใน อย่าให้มีส่วนใดเหลืออยู่จนกระทั่งเช้า ถ้ายังมีส่วนใดเหลือ ก็ให้เผาไฟเสีย ท่านทั้งหลายจงกินโดยพร้อมที่จะเดินทาง คือคาดสะเอว สวมรองเท้า และถือไม้เท้า ท่านจงกินอย่างเร่งรีบ นี่เป็นปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในคืนนั้น เราจะผ่านเข้าไปทั่วแผ่นดินอียิปต์ และประหารชีวิตบุตรคนแรกทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ทั้งของคนและสัตว์ เราจะลงโทษเทพเจ้าทั้งหมดของอียิปต์ เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เลือดที่กรอบประตูจะเป็นเครื่องหมายว่าเป็นบ้านที่ท่านทั้งหลายอาศัยอยู่ เมื่อเราเห็นเลือด เราจะผ่านเลยไป ท่านจะพ้นจากภัยพิบัติที่ทำลาย ขณะที่เราลงโทษแผ่นดินอียิปต์ วันนี้จะเป็นวันที่ท่านทั้งหลายต้องจดจำไว้ ท่านต้องถือเป็นวันฉลองถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านต้องฉลองเช่นนี้เป็นกฎถาวรชั่วลูกชั่วหลาน”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 12:1-8
ครั้งหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลีในวันสับบาโต บรรดาศิษย์รู้สึกหิว จึงเด็ดรวงข้าวมากิน เมื่อชาวฟาริสีสังเกตเห็นดังนั้น จึงทูลพระองค์ว่า “ดูซิ ศิษย์ของท่านกำลังทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่า กษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำสิ่งใดเมื่อหิวโหย พระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า เสวยขนมปังที่ตั้งถวายพร้อมกับบรรดาผู้ติดตาม ขนมปังนั้นผู้ใดจะกินไม่ได้ นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น ท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือว่า ในวันสับบาโตนั้น บรรดาสมณะในพระวิหารย่อมละเมิดวันสับบาโตได้โดยไม่มีความผิด เราบอกท่านทั้งหลายว่า ที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารเสียอีก ถ้าท่านเข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราพอใจความเมตตากรุณา มิใช่พอใจเครื่องบูชา’ ท่านคงจะไม่กล่าวโทษผู้ไม่มีความผิด เพราะบุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”
ข้อคิด
จะทำสิ่งใดให้ทำด้วยความรักวันสำคัญที่สุดของคริสตชนและของชาวอิสราเอลคือ... "วันปัสกา" เป็นงานฉลองใหญ่ประจำปี เพราะวันนี้เป็นวันที่พระเป็นเจ้าแสดงความรักด้วยการสิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้ และพระเจ้าทรงโปรดให้มีชีวิตใหม่ความรักทำให้ทุกเรื่องมีทางออก มีความหวังสำหรับดำเนินชีวิตต่อไป พระวรสารวันนี้ บันทึกเรื่องราววันประกาศอิสรภาพของชาวอิสราเอล และอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องเล็กๆ ที่บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมากินในวันสับบาโต แต่ทั้งสองเรื่องต้องการจะสื่อพลังของความรักที่แก้ไขปัญหาของชาวอิสราเอลและของบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดพระองค์... ความรักเป็นเรื่องราวที่ไม่จบสิ้น ผู้ที่เริ่มต้นรู้จักรักคนอื่นก็เป็นเครื่องหมายว่าเขามีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและมีพระเจ้าประทับอยู่กับเขา
วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม 2023 น.อโปลลินาริส พระสังฆราชและมรณสักขี
- รายละเอียด
- หมวด: กรกฎาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 08:13
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1166
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 3:13-20
ในครั้งนั้น โมเสสทูลพระเจ้าว่า “เมื่อข้าพเจ้าไปหาชาวอิสราเอลแล้วบอกเขาว่า พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่าน ถ้าเขาถามข้าพเจ้าว่า ‘พระองค์ทรงพระนามว่าอะไร’ ข้าพเจ้าจะตอบเขาอย่างไร” พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ที่เราเป็น” แล้วตรัสต่อไปว่า “ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า ‘เราเป็น’ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย” พระเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า ท่านต้องบอกชาวอิสราเอลดังนี้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ ทรงส่งข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย นามนี้จะเป็นนามของเราตลอดไป ชนรุ่นต่อๆ ไปจะต้องเรียกเราด้วยนามนี้”
จงไปเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอล แล้วบอกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย พระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัคและของยาโคบ ทรงสำแดงพระองค์แก่ข้าพเจ้า ตรัสว่า เราได้มาเยี่ยมท่านทั้งหลายแล้ว และได้เห็นสิ่งที่ชาวอียิปต์ทำกับท่าน เราตกลงใจจะนำท่านให้พ้นจากความทุกข์ยากในอียิปต์ที่ท่านถูกข่มเหง ไปยังแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ไปยังแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เขาเหล่านั้นจะฟังท่าน แล้วท่านกับผู้อาวุโสชาวอิสราเอลจงไปเฝ้ากษัตริย์อียิปต์ ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของชาวฮีบรูเสด็จมาหาพวกเรา ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้พวกเราออกเดินทางไปในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสามวัน เพื่อถวายบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา” เรารู้ดีว่า กษัตริย์อียิปต์จะไม่ทรงยอมให้ท่านทั้งหลายไปนอกจากพระองค์จะทรงถูกบังคับด้วยมืออันทรงอานุภาพของเราเท่านั้น เราจะเหยียดมือของเราเฆี่ยนตีชาวอียิปต์ ปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่เราจะทำในหมู่พวกเขา จะทำให้กษัตริย์อียิปต์ปล่อยท่านทั้งหลายไป
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:28-30
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”
ข้อคิด
จะทำการสิ่งใดต้องมีเป้าหมายชัดเจนพระเป็นเจ้าสั่งโมเสสให้ช่วยชาวอิสราเอลกลับบ้านมืองของตน และสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือจะไม่ทอดทิ้งจนกว่างานจะสำเร็จ...เป้าหมายชีวิตเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ขาดเป้าหมายก็เหมือนเรือขาดหางเสือ เพราะความทุกข์ในชีวิตมีหลายเรื่องและจะอยู่กับเราทุกวัน แต่ถ้ามีสำนึกว่าชีวิตของเรามาจากพระเจ้าและจะดำรงอยู่เพี่อองค์พระผู้เป็นเจ้า... นี่เป็นข้อเสนอที่น่ารับฟัง
1. ท่ามกลางความทุกข์ประจำวัน เราจะถวายงานทั้งหมดเป็นเครื่องบูชาให้องค์พระผู้เป็นเจ้า
2. เมื่อเกิดความทุกข์ให้ใช้ความสุภาพ อ่อนโยน และถ่อมตน เป็นแนวทางปฏิบัติ พระองค์ตรัสว่า "จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน"
3. จงมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังและมองไปข้างหน้า เพราะความสำเร็จจะเกิดขึ้น ถ้าเราสู้ชีวิตและมีความอดทน พระองค์ตรัสสอนเราว่าคริสตชนต้องยอมรับกางเขน... ชัยชนะจึงจะบังเกิด
วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: กรกฎาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 08:10
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1173
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 2:1-15ก
ชายผู้หนึ่งจากเผ่าเลวี ได้หญิงชาวเลวีเป็นภรรยา ต่อมานางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย นางเห็นว่าบุตรน่ารัก จึงซ่อนบุตรนั้นไว้สามเดือน เมื่อซ่อนไว้นานกว่านั้นไม่ได้แล้ว นางจึงนำตะกร้าสานด้วยต้นกกมา แล้วยาด้วยยางมะตอยและชัน วางเด็กไว้ในตะกร้านั้น แล้วนำไปวางไว้ในพงอ้อริมฝั่งแม่น้ำ พี่สาวของเด็กยืนคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก
พระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์เสด็จมาสรงน้ำที่แม่น้ำ ขณะที่บรรดานางกำนัลเดินไปตามริมแม่น้ำ พระธิดาทอดพระเนตรเห็นตะกร้าอยู่ในพงอ้อ จึงรับสั่งให้นางกำนัลไปนำมา เมื่อทรงเปิดตะกร้าก็ทอดพระเนตรเห็นทารกเพศชายกำลังร้องไห้อยู่ ก็ทรงสงสาร จึงตรัสว่า “นี่ต้องเป็นลูกของหญิงชาวฮีบรู” พี่สาวของเด็กนั้นก็ทูลถามว่า “จะให้ดิฉันไปเรียกแม่นมชาวฮีบรูมาเลี้ยงเด็กนี้ให้พระองค์ไหมคะ” พระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์รับสั่งว่า “ไปเรียกมาซิ” เด็กหญิงนั้นก็ไปเรียกมารดาของทารกมา พระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์จึงตรัสกับนางว่า “จงนำเด็กคนนี้ไปเลี้ยงให้ฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้าง” หญิงนั้นก็นำทารกไปเลี้ยงไว้ เมื่อเด็กเติบโตพอสมควรแล้ว นางก็นำไปถวายพระธิดาของกษัตริย์ฟาโรห์ พระธิดาทรงรับเขาเป็นบุตร และทรงตั้งชื่อว่าโมเสส ตรัสว่า “ฉันได้ฉุดเขาขึ้นมาจากน้ำ”
ต่อมาเป็นเวลานาน เมื่อโมเสสเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อนร่วมชาติ เห็นเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้ทำงานหนัก เขาเห็นชาวอียิปต์คนหนึ่งกำลังทุบตีชาวฮีบรูเพื่อนร่วมชาติของตน โมเสสมองดูโดยรอบ ไม่เห็นใคร จึงฆ่าชาวอียิปต์ผู้นั้นแล้วเอาศพหมกทรายไว้ วันรุ่งขึ้น เขากลับไปอีก เห็นชาวฮีบรูสองคนกำลังต่อสู้กัน เขาถามคนที่ทำผิดว่า “ทำไมท่านจึงทุบตีเพื่อนร่วมชาติของท่าน” ชาวฮีบรูคนนั้นตอบว่า “ใครตั้งท่านเป็นผู้นำและผู้ตัดสินพวกเรา ท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเหมือนฆ่าชาวอียิปต์ผู้นั้นหรือ” โมเสสกลัวมาก คิดในใจว่า “ใครๆ ต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่ๆ” กษัตริย์ฟาโรห์ทรงทราบเรื่องนี้ จึงทรงพยายามประหารชีวิตโมเสส แต่โมเสสหลบหนีกษัตริย์ฟาโรห์ไปในแผ่นดินมีเดียน
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:20-24
เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาเมืองที่พระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากกว่าที่เมืองอื่น เพราะชาวเมืองไม่ยอมกลับใจว่า
“จงวิบัติเถิด เมืองโคราซิน จงวิบัติเถิด เมืองเบธไซดา เพราะถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบ เอาขี้เถ้าโรยศีรษะ กลับใจเสียนานแล้ว ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองไทระและเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า
ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้ายกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือ ตรงกันข้าม เจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตาย เพราะว่าถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสโดมแล้ว เมืองโสโดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ ฉะนั้น เราบอกเจ้าว่า ในวันพิพากษา เมืองโสโดมจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า”
ข้อคิด
ทุกวิกฤตย่อมนำไปสู่โอกาส ถ้ายังยึดหลักศาสนาชาวอิสราเอลถูกชาวอียิปต์กดขี่ข่มเหงแสนสาหัส ในที่สุดพระเป็นเจ้าได้ให้กำเนิดเด็กทารกชื่อโมเสส และโมเลสเป็นผู้นำเมื่ออายุย่างเข้า 80 ปีแล้ว พระเป็นเจ้าใช้โมเสสเพื่อปลดปล่อยอิสราเอลให้เป็นอิสระสังคมปัจจุบัน สมาชิกมักคิดไม่เหมือนกัน ร้อยคนก็มีความคิดร้อยอย่าง การเมืองก็แบ่งเป็นซ้ายและขวาหลายครั้งมีวิกฤติ แต่ในความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ชาติบ้านมืองเจริญพัฒนาขึ้น... ในความแตกต่าง สังคมก็ก้าวเดินต่อไปได้ โดยทุกคนยอมยึดหลักศีลธรรมในทิศทางเดียวกัน... พระเยซูเจ้าสอนให้เชื่อฟังคำสอนของพระองค์ มิฉะนั้น การเมืองจะพินาศเหมือนเมืองโสโดม ไทระและไชดอน
วันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: กรกฎาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 08:12
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 1036
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 3:1-6,9-12
ในครั้งนั้น โมเสสเลี้ยงฝูงแพะแกะของเยโธรผู้เป็นพ่อตาและสมณะแห่งมีเดียน วันหนึ่งเขาต้อนฝูงแพะแกะข้ามถิ่นทุรกันดารไปถึงโฮเรบ ภูเขาของพระเจ้า ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขาเป็นเปลวไฟลุกอยู่กลางพุ่มไม้ โมเสสมองดูก็เห็นว่าพุ่มไม้นั้นลุกเป็นไฟ แต่ไม่มอดไหม้ จึงคิดว่า “ฉันจะเข้าไปดูเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้ใกล้ๆ ทำไมพุ่มไม้นั้นไม่มอดไหม้” องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขาเข้ามาดูใกล้ๆ จึงตรัสเรียกเขาจากกลางพุ่มไม้ว่า “โมเสส โมเสส” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่” พระองค์ตรัสห้ามว่า “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ จงถอดรองเท้าออก เพราะสถานที่ที่ท่านยืนอยู่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” พระองค์ยังตรัสอีกว่า “เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ” โมเสสยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่กล้ามองดูพระเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของชาวอิสราเอล และเห็นเขาถูกชาวอียิปต์ข่มเหงอย่างทารุณ บัดนี้ เราจะส่งท่านไปเฝ้ากษัตริย์ฟาโรห์ เพื่อนำชาวอิสราเอลประชากรของเราออกจากอียิปต์”
โมเสสทูลพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดที่จะไปเฝ้ากษัตริย์ฟาโรห์ และนำชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์” พระองค์ตรัสว่า “เราจะอยู่กับท่าน และเครื่องหมายแสดงว่าเราส่งท่านไปก็คือ เมื่อท่านนำประชากรออกจากอียิปต์แล้ว ท่านทั้งหลายจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 11:25-27
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อย ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้”
ข้อคิด
ต้องให้ความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์พระเป็นเจ้าสั่งโมเสสให้ถอดรองเท้าเมื่อจะสนทนากับพระองค์... วัดของเราถูกสร้างขึ้นเป็นที่สนทนาระหว่างพระเป็นเจ้ากับผู้เชื่อศรัทธาในพระองค์ วัดจึงกลายเป็นที่ชุมนุมของผู้ที่มีความเชื่อ ทำให้คริสตชนมีสำนึกว่าทุกคนเป็นพี่น้องกัน มีพระเป็นเจ้าเป็นบิดาของเรา พระองค์ประทานพรแก่บางคนให้เป็นผู้สอนความเชื่อ บางคนเป็นนักลังคมสงเคราะห์ช่วยคนยากจนให้มีที่ยืนเหมือนกับคนอื่นๆ... ทุกวันอาทิตย์สมาชิกคริสตชนจะกลับมาขอบคุณพระเป็นเจ้าและถวายผลงานของตนเป็นสักการบูชา... วัดที่มีหน้าตาแบบนี้ก็สื่อถึงความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาคริสตชนก็เป็นพี่น้องกันภายใต้ร่มบารมีของพระองค์
วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: กรกฎาคม 2023
- เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มีนาคม 2566 08:09
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 873
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 1:8-14,22
เมื่อกษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ในอียิปต์ พระองค์มิได้ทรงรู้จักโยเซฟ ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ดูซิ ชาวอิสราเอลมีจำนวนมากและมีกำลังมากกว่าเรา เราจะต้องจัดการขัดขวางมิให้คนเหล่านี้ทวีจำนวนมากขึ้น มิฉะนั้น ถ้าเกิดสงคราม เขาอาจไปเข้าข้างศัตรู มาสู้รบกับเราและหลบหนีออกจากแผ่นดินไป” ชาวอียิปต์จึงตั้งนายงาน เกณฑ์ให้ชาวอิสราเอลทำงานตรากตรำ และสร้างเมืองปิธมและราเมเสสให้กษัตริย์ฟาโรห์ เพื่อเป็นคลังเก็บเสบียงอาหาร แต่ชาวอียิปต์ยิ่งกดขี่ชาวอิสราเอลมากขึ้นเท่าใด ชาวอิสราเอลก็ยิ่งทวีจำนวนแผ่กระจายออกไปมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งชาวอียิปต์รู้สึกกลัวชาวอิสราเอลมาก จึงบังคับชาวอิสราเอลให้ทำงานเป็นทาสอย่างทารุณ ทำให้ชีวิตของเขาเหล่านั้นขมขื่นเพราะถูกบังคับให้ทำงานหนัก ถูกบังคับให้ขุดดินเพื่อนำมาทำอิฐ ถูกบังคับให้ทำนา ชาวอียิปต์บังคับให้ชาวอิสราเอลทำงานหนักทุกชนิดอย่างทารุณ
กษัตริย์ฟาโรห์รับสั่งแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “จงโยนเด็กชายชาวฮีบรูทุกคนที่เกิดใหม่ลงในแม่น้ำไนล์ แต่ปล่อยให้เด็กหญิงทุกคนรอดชีวิต”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 10:34-11:1
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า
“อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”
“ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา”
“ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
“ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”
“ผู้ที่ต้อนรับประกาศก เพราะเป็นประกาศก จะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศก ผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม”
“ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้ว ก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่างๆ ในแคว้นกาลิลี
ข้อคิด
คริสตชนคือบุคคลที่สู้ชีวิตในสมัยโบราณ เมื่ออิสราเอลตกเป็นทาสของชาวอียิปต์มีความทุกข์มาก สมัยปัจจุบันเรามีความทุกข์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน อากาศรุนแรงมากขึ้น โรคภัยใหม่ๆ บังเกิดขึ้น คนฉลาดเอาเปรียบคนอ่อนแอ ส่วนคนเจริญแล้วก็สะสมอาวุธหวังทำลายล้างกันพระเยซูเจ้า พระองค์มิได้นำความทุกข์ออกไปจากชีวิตคน แต่สอนว่าให้ดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ให้ยืดมั่นในพระเป็นเจ้าสูงสุด ให้ยอมสละชีวิตเพื่อผู้อื่น และทำทุกสิ่งถวายแด่พระเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว...ทำได้เช่นนี้คริสตชนก็มีเป้าหมายสูงสุดในองค์พระผู้เป็นเจ้า โดยทราบว่าความตายและชีวิตอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์