มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2022 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 3:1-9
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้าได้ แต่พูดเหมือนพูดกับคนที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับทารกในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าใช้น้ำนมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้นท่านยังรับไม่ได้ และแม้เวลานี้ ท่านก็ยังรับไม่ได้ เพราะท่านยังเป็นผู้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ในเมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำรงชีวิตตามธรรมชาติ และดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของเปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ทั่วๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ
     อปอลโลเป็นใคร เปาโลเป็นใคร ทั้งสองคนเป็นผู้รับใช้ที่นำความเชื่อมาให้ท่าน ต่างก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ทำเท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลูก อปอลโลเป็นผู้รดน้ำ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้งผู้ปลูกและผู้รดน้ำก็ไม่สำคัญ แต่ผู้มีความสำคัญแท้จริงคือพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เติบโตขึ้น ผู้ปลูกและผู้รดน้ำมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจะได้รับค่าจ้างของตนตามส่วนของงานที่ทำ เพราะเราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า เป็นอาคารของพระเจ้า

 

สดด 33:11-12,13-15,20-22

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 4:38-44
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยาซีโมนกำลังป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์จึงทรงก้มลงเหนือนางและทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที
เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคน และทรงรักษาเขาให้หายจากโรค ปีศาจออกจากคนจำนวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า
     เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมืองอื่นด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพื่อการนี้” พระองค์จึงทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย

 

ข้อคิด
     ในชีวิตของพระเยซูเจ้า การประกาศความดีละพระเมตตาของพระเจ้า ประกาศการปกครองของพระองค์เป็นความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องสร้างให้เป็นจริง การทำอัศจรรย์ การรักษาคนป่วยหรือการขับไล่ปีศาจเป็นเรื่องรอง พระองค์อยากบอกว่าหากมนุษย์เห็นความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ ชีวิตของพวกเขาก็จะทำให้สังคมพบความสุขและสันติ น่าเสียดายคนทั่วไปคงไม่เข้าใจและมองไม่ออกว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วย โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ล้วนเป็นผลมาจากบาปตั้งแต่แรกสร้างมนุษย์แล้ว คนทุกนั้นนี้ได้รับผลของบาปในอดีต ปาฏิหาริย์เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่หลายเหตุ การแก้ที่ต้นเหตุคือการยอมให้พระเจ้าเข้ามามีบทในชีวิตเขา และการให้จิตมั่นใจในพระเมตตาของพระองค์

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2022 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 2:10ข-16
     พี่น้อง เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า ใครเล่าล่วงรู้ความคิดของมนุษย์ ถ้ามิใช่จิตของมนุษย์ที่อยู่ในตัวมนุษย์คนนั้น เช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดของพระเจ้านอกจากพระจิตของพระเจ้า เรามิได้รับจิตของโลก แต่รับพระจิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อให้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้ มิใช่ด้วยวาจาซึ่งปรีชาญาณของมนุษย์สอนให้ แต่พูดด้วยถ้อยคำที่พระจิตเจ้าทรงสอน เราจึงอธิบายเรื่องฝ่ายจิตโดยใช้ถ้อยคำของพระจิตเจ้า มนุษย์ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ รับสิ่งที่เป็นของพระจิตของพระเจ้าไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับเขา เขาไม่อาจเข้าใจได้ เพราะต้องใช้จิตพิจารณา อาศัยพระจิตเจ้าเท่านั้น ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้าย่อมตัดสินทุกสิ่งและไม่มีใครตัดสินเขาได้ ใครเล่าหยั่งรู้ความคิดขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้คำแนะนำแก่พระองค์ได้ เรานั่นเองที่มีความคิดของพระคริสตเจ้า

 

สดด 145:8-10,11-12,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 4:31-37
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังประทับใจอย่างมาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจ
     ในศาลาธรรม ชายคนหนึ่งถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมายุ่งกับพวกเราทำไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำลายพวกเราใช่ไหม ฉันรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ทำร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมีอำนาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น

 

ข้อคิด
     ชาวคาเปอรนาอุมล่าลือกันว่า พระเยซูเจ้ามีวาจาที่เปรี่ยมด้วยอานุภาพ..พลังอำนาจนี้อาจเป็นพลังชนิดใด. เอามาได้อย่างไร พลังอำนาจของพระวาจานั้นเกิดมาจากความดีงาม จิตชั่วเมื่ออยู่ใกล้จิตดีก็จะอึดอัด มีปฏิกิยา เพราะความดีตีแผ่ความจริงของพระจิตชั่วว่าเป็นจิตที่ครองงำ เห็นแก่ตัว ไม่เคารพในอิสรภาพ เป็นจิตที่ไม่ส่งเสริมแต่นำไปสู่การทำลายชีวิต พระเยซูเจ้าขับไล่มันออกไปเพราะมันไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองจิตของคนที่เป็นลูกพระเจ้า พระเยซูเจ้าได้พลังแห่งพระวาจามาจากไหน พระองค์ได้มาจากความมั่นใจของพระองค์ จิตนั้นไม่มีสิทธิ์ทำร้ายผู้อ่อนแอ พระองค์พลังมาจากจิตที่ดีงามและจิตที่สนิทกับพระเจ้าพพรบิดา พระองค์สั่งจิตชั่วออกไปเพราะใจที่มันสิงอยู่นั้นต้องการพระไม่ใช่ต้องการมัน....จิตที่แสวงหาพระเจ้าเสมอย่อมได้รับความรอดพ้น

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2022 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                        บสร 3:17-18,20,28-29
      ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จงทำด้วยความอ่อนโยนเถิด แล้วท่านจะเป็นที่รักมากกว่าคนให้ของกำนัล
ท่านยิ่งเป็นใหญ่มากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งต้องถ่อมตนลงมากเท่านั้น แล้วพระเจ้าจะโปรดปรานท่าน เพราะพระอานุภาพขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงได้รับเกียรติจากผู้ต่ำต้อย
     ผลร้ายของความเย่อหยิ่งยากอย่างยิ่งที่จะบำบัดได้ เพราะความชั่วร้ายฝังรากลึกในตัวเขา จิตใจของคนฉลาดย่อมไตร่ตรองเรื่องอุปมา ผู้มีปัญญาย่อมใฝ่หาคนที่ตั้งใจฟัง

 

เพลงสดุดี                                                                 สดด 68:3-4,5-6,9-10
     ก) ผู้ชอบธรรมจะยินดีร่าเริงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
และจะร้องเพลงด้วยความปรีดา
จงร้องเพลงถวายพระเจ้าเถิด จงร้องเพลงสดุดีสรรเสริญพระนามพระองค์
จงเตรียมทางแด่พระองค์ผู้เสด็จมาโดยมีเมฆเป็นพาหนะ
พระนามพระองค์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงมีความสุขเฉพาะพระพักตร์เถิด
     ข) พระเจ้าในที่ประทับศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ทรงเป็นบิดาของลูกกำพร้า ทรงปกป้องหญิงม่าย
พระองค์ประทานบ้านเรือนให้คนเดียวดายพำนักอยู่
ทรงนำผู้ต้องขังออกมารับความรุ่งเรือง
แต่ทรงทิ้งคนกบฏให้อยู่ในที่แห้งแล้ง
     ค) ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ประทานฝนมากมายลงมา
พระองค์ทรงบันดาลให้แผ่นดินที่แห้งแล้งกลับชุ่มชื่น
ประชากรของพระองค์เข้าพำนักในแผ่นดินนั้น
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระทัยดี เตรียมแผ่นดินนี้ไว้สำหรับคนขัดสน

 

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                    ฮบ 12:18-19,22-24ก
     พี่น้อง ท่านทั้งหลายมิได้เข้าใกล้สิ่งที่ประสาทสัมผัสได้ หรือสิ่งที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง หรือสิ่งที่มีความมืดมัวและมืดมิดหรือพายุ หรือเสียงแตรหรือพระสุรเสียง ซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้ยินพากันร้องขอให้ยุติ แต่ท่านเข้ามาถึงภูเขาศิโยนและนครแห่งพระเจ้าผู้ทรงชีวิต คือนครเยรูซาเล็มในสวรรค์ ซึ่งมีทูตสวรรค์เหลือคณานับ ท่านเข้ามาถึงที่ชุมนุมฉลองชัยและมาถึงชุมนุมของบุตรคนแรกที่ได้รับการลงชื่อไว้ในสวรรค์แล้ว มาถึงพระเจ้า พระตุลาการของมนุษย์ทุกคน ร่วมกับบรรดาจิตของผู้ชอบธรรมที่บรรลุถึงความสมบูรณ์แล้ว และยังเข้ามาถึงพระเยซูเจ้าผู้เป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 14:1,7-14
      วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จไปเสวยพระกระยาหารที่บ้านของหัวหน้าชาวฟาริสีผู้หนึ่ง ผู้ที่อยู่ที่นั่นต่างจ้องมองพระองค์
     พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า “เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคนสำคัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า ‘จงให้ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น”
     พระองค์ตรัสกับผู้ที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดเลี้ยงอาหารกลางวันหรืออาหารค่ำ อย่าเชิญมิตรสหาย พี่น้องหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี เพราะเขาจะเชิญท่านและท่านจะได้รับการตอบแทน แต่เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้ ท่านจะได้รับการตอบแทนจากพระเจ้าเมื่อผู้ชอบธรรมกลับคืนชีวิต”

 

ข้อคิด
     พระวาจาจองพระอาจารย์ในวันนี้มีข้อคิด 2 ประการคือ ถ้าหากท่านเป็นผู้ได้รับเชิญจงไปนั่งในที่สุดท้าย หากท่านมีเกียรติในสายตาของเจ้าภาพจริง เขาจะมาเชิญท่านไปนั่งในที่เหมาะสมเอง พระเยซูเจ้าอยากให้ศิษย์คิดถึงคำว่าเกียรตินั้นหมายถึงอะไร ตัวเรามีเกียรติจริงหรือไม่ เราแสวงหาเกียรติจากใคร ข้อคิดประการที่สองคือ หากท่านเจ้าภาพ ท่านจะเชิญใคร เชิญคนที่มีเกียรติเพื่อว่าท่านจะได้เกียรตินั้นตอบแทนซึ่งก็เป็นการลงทุนหวังผล พระเยซูเจ้าอยากสอนว่าในวันมงคลของท่าน เป็นวันแห่งความยินดีแท้จริง จงแบ่งปันความยินดีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน จงขอบคุณพระในพระพรที่พรองค์ประทานให้โดยการเลี้ยงคนยากจน คนพิการ คนที่ไม่มีใครเหลียวแล เพราะเขาเหล่านี้คือคนที่พระเจ้ารัก เราเลี้ยงอาหารที่พระองค์รักเท่ากับเลี้ยงพระองค์รักก็เท่ากับเลี้ยงพระองค์เอง นี้คือเกียรติที่แท้จริง

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2022 ระลึกถึง น.ยอห์น บัปติสต์ ถูกตัดศีรษะ

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                               ยรม 1:17-19
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ดังนั้น ท่านจงคาดสะเอว จงลุกขึ้นไปบอกทุกสิ่งที่เราจะสั่งท่านให้เขาฟัง อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราจะทำให้ท่านไม่พรั่นพรึงต่อหน้าเขา ดูซิ วันนี้เราทำให้ท่านเป็นเหมือนเมืองป้อม เป็นเหมือนเสาเหล็ก และเป็นเหมือนกำแพงทองสัมฤทธิ์ ต่อสู้กับทั่วแผ่นดิน กับบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์และเจ้านาย บรรดาสมณะและประชากรของแผ่นดิน เขาทั้งหลายจะต่อสู้กับท่าน แต่จะไม่ชนะท่าน เพราะเราอยู่กับท่านเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                           มก 6:17-29
     เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดองค์นี้เคยทรงสั่งให้จับกุมยอห์น และล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิปพระอนุชา ซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสีย แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์ จึงทรงป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำพูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสน แต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง
     นางเฮโรเดียสได้โอกาสเมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคนสำคัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำเป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรด และเป็นที่พอใจของผู้รับเชิญ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้ แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรของเราก็ตาม”
หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี”
มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง” หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้”
     กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรงปรารถนาจะขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก ใส่ถาดนำมาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น นำไปฝังไว้ในคูหา

 

ข้อคิด
     พระวรสารสะท้อนเรื่องของจิต 3 ประการ คือจิตประกาศก จิตกษัตริย์ และจิตโสเภณีชั้นสูง ท่านยอห์นแสวงหาแผนการของพระเจ้าจนมั่นใจว่า พระเจ้าอยากให้ท่านประกาศการมาของพระผู้ไถ่ ท่านจึงประกาศและจิตวิญญาณของท่านก็เต็มเปรี่ยม จิตที่สองเป็นของกษัตริย์เฮโรดที่แสวงหาอำนาจ เกียรติและการยอมรับ กษัตริย์เอโรดได้อำนาจมากมายจากรัฐบาลโรมัน แต่หัวใจของเขาก็ยังไม่เต็ม เขาอยากได้อำนาจและการยอมรับจากพระเจ้าด้วย น่าเสียดายหัวใจของเขาถูกกลบด้วยบาปหลายชั้น จนทำให้เขาฆ่าท่านยอห์น จิตที่สามเป็นของนางเฮโรเดียสท่านยอห์นได้ตีแผ่สภาพจิตของนางออกมาว่าเดินในทางชั่ว นางอับอาย เกิดจิตอาฆาตถึงระดับทำลายชีวิต...โลกยังคงจดจำจิตดีของท่านยอห์น และจดจำจิตชั่วร้ายของกษัตริย์เฮโรเดียสไปจนตลอดนิรันดร์

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2022 ระลึกถึง น.โมนิกา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 1:26-31
      พี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูเถิด เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านนั้น มีน้อยคนที่ฉลาดตามมาตรฐานของมนุษย์ น้อยคนที่มีอิทธิพล น้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลก เพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอาย พระเจ้าทรงเลือกสรรคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้ผู้แข็งแรงต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลก เพื่อทำลายสิ่งที่โลกเห็นว่าสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มนุษย์โอ้อวดเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ เดชะพระองค์ ท่านจึงมีความเป็นอยู่ในพระคริสตเยซู ผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งให้เป็นปรีชาญาณสำหรับเรา ทั้งยังทรงเป็นผู้บันดาลความชอบธรรม ความศักดิ์สิทธิ์และการไถ่กู้อีกด้วย เพื่อให้เป็นไปตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ผู้ใดจะโอ้อวด ก็ให้ผู้นั้นโอ้อวดในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”

 

สดด 33:11-13,18-19,20-22

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 25:14-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “อาณาจักรสวรรค์ยังจะเปรียบได้กับบุรุษผู้หนึ่งกำลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป
     คนที่รับห้าตะลันต์รีบนำเงินนั้นไปลงทุน ได้กำไรมาอีกห้าตะลันต์ คนที่รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรมาอีกสองตะลันต์เช่นเดียวกัน แต่คนที่รับหนึ่งตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนเงินของนายไว้
     หลังจากนั้นอีกนาน นายของผู้รับใช้พวกนี้ก็กลับมาและตรวจบัญชีของพวกเขา คนที่รับห้าตะลันต์เข้ามา นำกำไรอีกห้าตะลันต์มาด้วย กล่าวว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าห้าตะลันต์ นี่คือเงินอีกห้าตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำกำไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ คนที่รับสองตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ท่านให้ข้าพเจ้าสองตะลันต์ นี่คือเงินอีกสองตะลันต์ที่ข้าพเจ้าทำกำไรได้’ นายพูดว่า ‘ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย เราจะให้เจ้าจัดการในเรื่องใหญ่ๆ จงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’
     คนที่รับหนึ่งตะลันต์เข้ามารายงานว่า ‘นายขอรับ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านเป็นคนเข้มงวด เก็บเกี่ยวในที่ที่ท่านไม่ได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ท่านไม่ได้โปรย ข้าพเจ้ามีความกลัว จึงนำเงินของท่านไปฝังดินซ่อนไว้ นี่คือเงินของท่าน’ นายจึงตอบว่า ‘ผู้รับใช้เลวและเกียจคร้าน เจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ที่ข้ามิได้หว่าน เก็บรวบรวมในที่ที่ข้ามิได้โปรย เจ้าก็ควรนำเงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เมื่อข้ากลับมาจะได้ถอนเงินของข้าพร้อมกับดอกเบี้ย จงนำเงินหนึ่งตะลันต์จากเขาไปให้แก่ผู้ที่มีสิบตะลันต์ เพราะผู้ที่มีมาก จะได้รับมากขึ้น และเขาจะมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่มีน้อย สิ่งเล็กน้อยที่เขามีก็จะถูกริบไปด้วย ส่วนผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์นี้ จงนำไปทิ้งในที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง’”

 

ข้อคิด
     วันนี้พระอาจารย์อยากสอนเราว่า มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับพระพรอย่างพอเพียง การเดนทางในโลกนี้ บางชีวิตมีพระพรน้อยเช่น คนพิการ คนยากจน สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย บางชีวิตเกิดมาพร้อมกับสติปัญญา เขาใช้ปัญญาในการเอาชีวิตเขาเองให้รอดและช่วยเหลือผู้อื่นได้ สิ่งที่ท้าทายมนุษย์เราคือ เขาจะยอมรับหรือไม่ว่า เขาเกิดมาพร้อมกับพระพร และเขาพัฒนาพระพรที่มีให้เกิดประโยชน์ใด...เคล็ดลับประการหนึ่ง คือ พระพรที่พระเจ้ามอบให้นั้นยิ่งใหญ่เขาแบ่งปันกับคนที่มีน้อย พระพรนั้นก็ยิ่งงอกงามแตกยอด แต่ถ้าเขายอมแพ้เพราะความเกียจคร้าน การเดินทางชีวิตของเขาก็จะเหนื่อยล้าและไปไม่ถึงจุดหมาย…

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown