มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2022 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล                         อสค 18:21-28
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ถ้าคนชั่วร้ายกลับใจไม่ทำบาปทุกอย่างที่เขาเคยทำ แล้วกลับมารักษาข้อกำหนดทุกข้อของเรา ปฏิบัติความถูกต้องและความยุติธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย การล่วงละเมิดใดๆ ที่เขาเคยทำจะไม่ถูกจดจำไว้เพื่อเอาโทษเขา เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรมที่เขาได้ทำ เราพอใจในความตายของคนอธรรมหรือ พระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราพอใจที่เขากลับใจจากความประพฤติชั่วของเขาและมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ
แต่ถ้าผู้ชอบธรรมละทิ้งความชอบธรรมของตนไปทำความชั่ว ประพฤติตามการกระทำน่าสะอิดสะเอียนทุกอย่างที่คนชั่วทำ ผู้นั้นจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ การกระทำชอบธรรมทั้งหมดที่เขาได้ทำมาแล้วจะไม่ถูกจดจำไว้อีกเลย เขาจะต้องตายเพราะความผิดที่เขาไม่ได้ซื่อสัตย์ และเพราะบาปที่เขาได้ทำ
     ท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของเราไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติความชอบธรรมมาทำผิด เขาจะต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตายเพราะความผิดที่เขาได้ทำ ถ้าคนชั่วร้ายเลิกทำความชั่วร้ายที่เขาได้ทำ มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วงละเมิดทั้งหมดที่เคยทำ เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย”

 

สดด 130:1-4,5-6,7-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 5:20-26
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีแล้ว ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย
ท่านได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า อย่าฆ่าคน ผู้ใดฆ่าคนจะต้องขึ้นศาล แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูง ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก ดังนั้น ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น จงคืนดีกับคู่ความของท่านขณะที่กำลังเดินทางไปศาลด้วยกัน มิฉะนั้น คู่ความจะมอบท่านแก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้ผู้คุม ซึ่งจะขังท่านในคุก เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้ จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนเศษสตางค์สุดท้าย”


ข้อคิด
      พระเยซูคริสตเจ้าอยากให้มาตรฐานการดำเนินชีวิตของบรรดาศิษย์สูงกว่าพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริส ในด้านคุณธรรม และความชอบธรรม พระองค์จึงสอนบรรดาศิษย์ว่า พวกเขาต้องไม่โกรธเคืองพี่น้อง ไม่ด่าว่าพี่น้อง "ไอ้โง่" ไอ้ไง่บัดซบ" นั้นคือการทำร้ายคนอื่น ทำลายหน้าที่การงานของเขา หากโกรธเคืองต้องเป็นคนรู้จักให้อภัย และการกลับคืนดีกัน แม้ความผิดนั้นตัวเราเองเป็นสาเหตุก็ตาม พระองค์ได้สอนในทางปฏิบัติว่า ขณะที่นำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น จำได้ว่ายังมีข้อบาดหมางกับพี่น้อง ต้องกลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน พระองค์เตือนสติบรรดาศิษย์ และเรา "ศิษย์พระคริสต์" ให้เป็นคนดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพถ่อมตน สำนึกในจิตผิดชอบชั่วดี

วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2022 สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสือเอสเธอร์                                        อสธ 4:17K-17M,17R-17U
       ในครั้งนั้น พระราชินีเอสเธอร์ทรงเป็นทุกข์แทบจะสิ้นพระชนม์ จึงทรงแสวงหาความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าแต่พระมหากษัตริย์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า โปรดทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือข้าพเจ้านอกจากพระองค์เท่านั้น ข้าพเจ้ากำลังเผชิญอันตรายเสี่ยงชีวิต
     ตั้งแต่เป็นเด็ก ข้าพเจ้าเคยได้ยินจากบุคคลในครอบครัวเล่าว่าพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเลือกสรรชาวอิสราเอลจากชนชาติทั้งหลาย ทรงเลือกบรรพบุรุษของข้าพเจ้าจากบรรพบุรุษของเขา เป็นมรดกถาวรของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้กับเขาทุกประการ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกถึงข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด โปรดทรงสำแดงพระองค์ในเวลาที่ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความทุกข์ โปรดให้ข้าพเจ้ามีความกล้าหาญเถิด ข้าแต่กษัตริย์ของบรรดาเทพเจ้า พระองค์ทรงพระอานุภาพเหนือผู้มีอำนาจทุกคน โปรดทรงใส่ถ้อยคำจูงใจไว้ในปากของข้าพเจ้า เมื่อต้องเผชิญกับสิงโต โปรดทรงเปลี่ยนใจของเขาให้เกลียดชังศัตรูที่ต่อสู้กับข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อเขากับพวกจะพินาศ
      โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นอันตรายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดทรงช่วยเหลือข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าอยู่คนเดียว ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนอกจากพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรอบรู้ทุกอย่าง

 

สดด 138:1-2ก,2ข-3,7ข-8

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 7:7-12
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่านเพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านใดที่ลูกขออาหาร แล้วจะให้ก้อนหิน ถ้าลูกขอปลา ท่านจะให้งูหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด นี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก”

 

ข้อคิด

      คริสตชนจะหันหน้าไปพึ่งใครเล่า หากไม่พึ่งพระเยชูคริสตเจ้าองค์พระเจ้าและพระผู้ไถ่พระหรรษทานและฤทธิ์กุศลทั้งปวง คริสตชนจะแสวงหาสมบัติที่ไหนเล่า หากไม่ใส่คลังที่เปี่ยมด้วายความรักและความมตตาของพระองค์ คริสดชนจะเคาะประตูใดเล่า นอกจากประตูแคบๆ นั้น ซึ่งเปิดเป็นทางผ่านไปสู่พระเจ้า เมื่อโศกเศร้าในพระองค์เราพบความบรรเทา เมื่อถูกคุกคามเบียดเบียนเราพบพละกำลัง เมื่ออยู่ในความมืดมนเราพบแสงสว่าง พระเยซูเจ้าบอกเราผ่านข้อความในพระวรสารวันนี้ ให้ยืดมั่นเชื่อมั่นในพระองค์ว่า พระองค์รักห่วงใย และพร้อมจะช่วยเราเสมอ อย่าปล่อยให้อะไรทำให้สิ้นหวัง

วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2022 น.ยอห์น แห่งพระเจ้า นักบวช

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                             อสย 55:10-11
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินอุดม ทำให้พืชงอกขึ้น เพื่อให้ผู้หว่านมีเมล็ดพันธุ์ และให้ผู้กินมีอาหารฉันใด ถ้อยคำที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผล ไม่ทำตามที่เราปรารถนา และไม่บรรลุจุดประสงค์ที่เราส่งมาฉันนั้น”

 

สดด 34:4-7,16-18

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                              มธ 6:7-15
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา จงอย่าพูดซ้ำเหมือนคนต่างศาสนา เขาคิดว่า ถ้าเขาพูดมากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไร ก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้
‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์
พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า
เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ
แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’
เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน”

 

ข้อคิด
     ให้อภัยเป็นกิจปฏิบัติที่ต้องทำ คริสตชนต้องเปิดใจสู่การให้อภัยตลอดเวลาฉะนั้น ก่อนอธิษฐานภาวนาบท "ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย" ในแต่ละครั้ง เราควรถามตัวเองก่อนว่า ได้ให้อภัยคนอื่นแล้วหรือยัง มิฉะนั้น เราจะกลายเป็นคนโกหกพระเจ้า ในบทภาวนานี้ เราวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าว่า "โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่คนอื่น" หากเราไม่ให้อภัยคนอื่นก่อนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์ตรัสว่า "ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน" พระเยซูคริสตเจ้าทรงสอนเรื่องการให้อภัยอยู่เสมอ จำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าทนทางแห่งการให้อภัยนั้นลำบาก จงรู้ไว้ว่านั่นคือเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะวางใจในพระเจ้า ในความรักมั่นคงของพระองค์ ภาวนาวอนขอพละกำลังจากพระองค์

วันพุธที่ 9 มีนาคม 2022 น.ฟรังซิสกา ชาวโรม นักบวช

บทอ่านจากหนังสือประกาศกโยนาห์                              ยนา 3:1-10
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยนาห์อีกครั้งหนึ่งว่า “จงลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศเรื่องที่เราจะบอกท่านแก่เมืองนั้น” โยนาห์ก็ลุกขึ้นไปยังกรุงนีนะเวห์ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า กรุงนีนะเวห์เป็นนครใหญ่มาก ถ้าจะเดินข้ามเมืองก็กินเวลาสามวัน โยนาห์เริ่มเดินเข้าไปในเมืองเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน ร้องประกาศว่า “อีกสี่สิบวัน กรุงนีนะเวห์จะถูกทำลาย” ชาวกรุงนีนะเวห์เชื่อฟังพระเจ้า และประกาศให้อดอาหาร สวมผ้ากระสอบทุกคน ตั้งแต่คนยิ่งใหญ่ที่สุดจนถึงคนต่ำต้อยที่สุด ข่าวนี้ลือไปถึงกษัตริย์กรุงนีนะเวห์ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระบัลลังก์ ทรงเปลื้องฉลองพระองค์ออก ทรงสวมผ้ากระสอบและประทับนั่งบนกองขี้เถ้า กษัตริย์ทรงประกาศกฤษฎีกาในกรุงนีนะเวห์พร้อมกับข้าราชบริพารชั้นสูงว่า “ทั้งคนและสัตว์ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กอย่ากินสิ่งใด อย่ากินหญ้าหรือดื่มน้ำเลย ทั้งคนและสัตว์จงสวมผ้ากระสอบและร้องหาพระเจ้าสุดกำลัง แต่ละคนจงกลับใจจากความประพฤติชั่วและเลิกใช้การกระทำที่รุนแรง ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจทรงเปลี่ยนพระทัย ทรงพระเมตตา และคลายพระพิโรธที่รุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นความพยายามของเขา ที่จะกลับใจไม่ประพฤติชั่วอีกต่อไป พระเจ้าทรงพระเมตตาไม่ลงโทษตามที่ตรัสไว้ว่าจะทรงลงโทษเขา

 

สดด 5:1-2,10-11,16-17

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                ลก 11:29-32
     เวลานั้น เมื่อประชาชนมาชุมนุมกันมากขึ้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า“คนยุคนี้เป็นคนชั่วร้าย อยากเห็นเครื่องหมาย แต่จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็นนอกจากเครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น โยนาห์เป็นเครื่องหมายสำหรับชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะเป็นเครื่องหมายสำหรับคนยุคนี้ฉันนั้น ในวันพิพากษา พระราชินีแห่งทิศใต้จะทรงลุกขึ้นและทรงกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะพระนางเสด็จมาจากสุดปลายแผ่นดิน เพื่อฟังพระปรีชาสุขุมของกษัตริย์ซาโลมอน แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ซาโลมอนอีก ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้ เพราะชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเมื่อได้ฟังคำเทศน์ของประกาศกโยนาห์ แต่ที่นี่มีผู้ยิ่งใหญ่กว่าโยนาห์อีก”

 

ข้อคิด

     พระเป็นเจ้าได้ส่งประกาศกโยนาห์ไปเตือนชาวนีนะเวห์ว่า พวกเขาจะถูกลงโทษจากพระเป็นเจ้าเพราะบาปของพวกเขา คำเตือนของโยนาห์ทำให้ชาวนีนะเวห์รีบกลับใจ ละทิ้งบาป พระเป็นเจ้าได้ให้อภัย ไม่ลงโทษในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าเปรียบเทียบการประกาศเตือนชาวนีนะเวห์กับการประกาศสอนของพระองค์เพื่อการกลับใจของชาวอิสราเอลว่า ชาวนีนะเวห์สมัยโน้นพร้อมที่จะกลับใจเมื่อได้ยินคำเตืนของโยนาห์ แต่ชาวอิสราเอลสมัยนี้ไม่สนใจคำประกาศเตือนของพระองค์ ดังนั้น "ในวันพิพากษา ชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นและกล่าวโทษคนยุคนี้"พระวรสารวันนี้ เชิญชวนพวกเราถามตัวเองว่า แล้วเราตอบสนอง และเรามีแนวทางอะไรที่จะหลีกเสี่ยงไม่ตกในบาปหรือพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิมหรือยัง?

 

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2022 ระลึกถึง น.แปร์เปตูอา และ น.เฟลีชีตัส มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือเลวีนิติ                                          ลนต 19:1-2,11-18
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกชุมชนชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์” “ท่านจะต้องไม่ลักขโมย ฉ้อโกง หรือพูดเท็จต่อกัน ท่านจะต้องไม่สาบานเท็จโดยใช้นามของเรา มิฉะนั้น ท่านจะลบหลู่พระนามพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เอารัดเอาเปรียบหรือปล้นเพื่อนบ้าน ท่านจะต้องไม่ยึดค่าจ้างของลูกจ้างไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น ท่านจะต้องไม่สาปแช่งคนหูหนวก เอาของไปวางขวางทางคนตาบอด แต่ท่านจะต้องยำเกรงพระเจ้าของท่าน เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า”
     “ท่านจะต้องไม่ตัดสินคดีอย่างอยุติธรรม ท่านจะต้องไม่ลำเอียงเข้าข้างคนยากจนหรือคนมีอำนาจ แต่จงตัดสินคดีของเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ท่านจะต้องไม่โพนทะนาใส่ร้ายชนชาติเดียวกับท่าน และไม่ซ้ำเติมเพื่อนบ้านของท่านให้ถูกประหารชีวิต เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเขา ท่านจะต้องไม่แก้แค้น หรืออาฆาตชนชาติเดียวกับท่าน แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า”

 

สดด 19:7-8,10,13,14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 25:31-46
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์รุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุมกันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลี้ยงแกะแยกแกะออกจากแพะ ให้แกะอยู่เบื้องขวา ส่วนแพะอยู่เบื้องซ้าย แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มาหา’
     บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหาย แล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มีเสื้อผ้า แล้วถวายให้ เมื่อใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยู่ในคุกแล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา’
     แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลงไปในไฟนิรันดรที่ได้เตรียมไว้ให้ปีศาจและบริวารของมัน เพราะว่า เมื่อเราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนั้นจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อใดเล่าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรงกระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้า เจ็บป่วย หรืออยู่ในคุก และไม่ได้ช่วยเหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำสิ่งใดต่อผู้ต่ำต้อยของเราคนหนึ่ง ท่านก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษนิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”

 

ข้อคิด
     มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในฐานะลูกของพระเจ้า เพราะพระองค์สร้างเขามาตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ดังนั้นคริสตชนผู้เป็นสมาชิกของพระศาสนจักรพึงต้องยอมรับ ยกย่องให้เกียรติ และเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทุกคน ส่งเสริม พัฒนาคุณภาพชีวิต ศักดิ์ศรีของเด็ก สตรี บุรุษ ผู้สูงอายุ และกลุ่มพิเศษซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ๆ ของความยากจนและความอ่อนแอ เช่น ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้พิการ ผู้ต้องขัง หากเราสามารถปฏิบัติตนมีคุณสมบัติเช่นนี้ ในการพิพากษาครั้งสุดท้าย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะตรัสกับเราว่า "เชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดก" เพราะ "ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเรา...ท่านทำสิ่งนั้นต่อเรา"

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown