วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2021 สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: ตุลาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 12 มิถุนายน 2564 12:58
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 757
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 6:19-23
พี่น้อง ข้าพเจ้าขอพูดตามวิสัยมนุษย์เพราะท่านยังเป็นคนอ่อนแอ แต่เมื่อก่อนนี้ ท่านได้มอบร่างกายเป็นทาสของความโสมมและความอธรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกฉันใด บัดนี้ ท่านจงมอบร่างกายให้เป็นทาสของความชอบธรรม เพื่อจะได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ฉันนั้นเถิด
เมื่อท่านยังเป็นทาสของบาปอยู่ ท่านมิได้อยู่ในอำนาจของความชอบธรรมเลย และเวลานั้น ท่านได้ประโยชน์อะไรบ้างจากการทำความชั่วเช่นนั้น ซึ่งบัดนี้ทำให้ท่านต้องอับอาย จุดจบของกิจการเหล่านั้นคือความตาย แต่บัดนี้ท่านได้รับอิสระจากบาปมาเป็นทาสรับใช้พระเจ้าแล้ว ท่านได้รับประโยชน์อันนำไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ ผลสุดท้ายก็คือชีวิตนิรันดร เพราะค่าตอบแทนที่ได้จากบาปคือ ความตาย ส่วนของประทานที่พระเจ้าประทานให้เปล่า คือชีวิตนิรันดรในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:49-53
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “เรามาเพื่อจุดไฟในโลก เราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้โลกนี้ลุกเป็นไฟ เรามีการล้างที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำเร็จ
ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เรานำความแตกแยกมาต่างหาก ตั้งแต่นี้ไป คนห้าคนในบ้านหนึ่งจะแตกแยกกัน คนสามคนจะแตกแยกกับคนสองคน และคนสองคนจะแตกแยกกับคนสามคน บิดาจะแตกแยกกับบุตรชาย และบุตรชายจะแตกแยกกับบิดา มารดาจะแตกแยกกับบุตรหญิง และบุตรหญิงจะแตกแยกกับมารดา มารดาของสามีจะแตกแยกกับบุตรสะใภ้ และบุตรสะใภ้จะแตกแยกกับมารดาของสามี”
ข้อคิด
พระวาจาวันนี้ มิได้มีเพื่อให้เราตีความว่า พระเยซูเจ้าทรงนำความแตกแยกมาให้ เพราะที่จริงแล้ว พระองค์เป็นผู้นำความรักเมตตาและการให้อภัยมาให้ ย่อมเป็นไปไม่ที่พระองค์จะโปรโมทความแตกแยก .....แต่พระวาจาวันนี้ เป็นการยื่นคำถามมาให้เราว่า เรามีพระเยซูเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเราหรือไม่ โดยที่พระองค์นั้น ได้ทรงมีเราเป็นที่หนึ่งในชีวิตของพระองค์ ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของพระองค์ พระองค์ก็ยังยืนยันที่จะมีเรา “เป็นที่หนึ่งในชีวิต” ของพระองค์
วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2021 ระลึกถึง น.ยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา
- รายละเอียด
- หมวด: ตุลาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 12 มิถุนายน 2564 12:57
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 740
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 7:18-25ข
พี่น้อง เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ของข้าพเจ้าไม่มีความดีอยู่เลย เพราะความปรารถนานั้นมีอยู่แล้ว แต่ขาดพลังที่จะกระทำ เพราะ ข้าพเจ้าไม่ทำความดีที่ข้าพเจ้าปรารถนา กลับทำความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ ถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาจะทำ การกระทำนั้นก็มิใช่การกระทำที่แท้จริงของข้าพเจ้า แต่เป็นการกระทำของบาปซึ่งแฝงอยู่ในตัวข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงพบกฎนี้ว่า เมื่อใดที่ข้าพเจ้าอยากทำดี เมื่อนั้นความชั่วก็มาอยู่ใกล้ข้าพเจ้าเสมอ ในส่วนลึกของจิตใจ ข้าพเจ้านิยมชมชอบธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า มีกฎอีกข้อหนึ่งในร่างกายของข้าพเจ้า ซึ่งสู้รบกับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และล่ามข้าพเจ้าไว้กับกฎของบาปซึ่งอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าช่างเป็นคนน่าสมเพชจริง ๆ ใครจะช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาให้พ้นจากร่างกายที่จะต้องตายนี้เล่า ขอขอบพระคุณพระเจ้า เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 12:54-59
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับประชาชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆก่อตัวขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็กล่าวได้ทันทีว่าฝนจะตก และก็เป็นเช่นนั้น เมื่อลมทิศใต้พัดมา ท่านก็กล่าวว่าอากาศจะร้อน และก็เป็นเช่นนั้น คนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย ท่านรู้จักวินิจฉัยลักษณะดินฟ้าอากาศ แล้วทำไมจึงไม่วินิจฉัยเวลาปัจจุบันนี้เล่า
ทำไมท่านจึงไม่ตัดสินด้วยตนเองว่าสิ่งใดถูกต้องเล่า ขณะที่ท่านกำลังไปศาลกับคู่ความของท่าน จงพยายามตกลงกันเสียระหว่างทาง เพื่อมิให้คู่ความของท่านลากท่านไปต่อหน้าผู้พิพากษาและผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่ผู้คุม และผู้คุมจะขังท่านไว้ในคุก เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากคุกไม่ได้จนกว่าท่านจะชำระหนี้จนถึงเศษสตางค์สุดท้าย”
ข้อคิด
เรามีความรู้ความสามารถมากมายในชีวิต เราได้ทำมากมายหลายอย่างในแต่ละวัน เราใช้เวลาหลายชั่วโมง เพื่อการทำงาน เพื่อการพักผ่อน เพื่อการพบปะพ่อแม่ลูกหลานและเพื่อนฝูง .....คำถามที่อยู่ต่อหน้าเราคือ ในแต่ละวัน เราใช้เวลากี่นาที เพื่ออยู่สองต่อสองกับพระ ชีวิตของเราในโลกนี้ที่สั้นนัก เวลาที่เราใช้ในแต่ละวันเพื่อสวดภาวนาอยู่กับพระบ้างนั้น เราได้ทำมากเกินไปกระนั้นหรือ ? หรือไม่ใช่ ?
วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2021 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: ตุลาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 12 มิถุนายน 2564 12:54
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 796
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ยรม 31:7-9
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “จงร้องเพลงด้วยความยินดีสำหรับยาโคบ และโห่ร้องต้อนรับผู้นำของนานาชาติ จงประกาศสรรเสริญร้องว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยประชากรของพระองค์ให้รอดพ้น คือผู้ที่รอดชีวิตของอิสราเอล’ ดูซิ เราจะนำเขาทั้งหลายกลับมาจากแผ่นดินทางทิศเหนือ และจะรวบรวมเขาทั้งหลายมาจากปลายแผ่นดิน ในหมู่เขาจะมีทั้งคนตาบอด คนขาพิการ หญิงมีครรภ์ และหญิงที่กำลังคลอดบุตร เขาทั้งหลายจะกลับมาที่นี่พร้อมกันเป็นหมู่ใหญ่ เขาทั้งหลายกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า เราจะนำเขากลับมาขณะที่เขาอธิษฐานภาวนา เราจะนำเขาให้เดินไปยังธารน้ำ ให้เดินในทางตรงที่เขาจะไม่สะดุด เพราะเราเป็นบิดาสำหรับอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นบุตรคนแรกของเรา”
บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 5:1-6
มหาสมณะทุกองค์ย่อมได้รับการคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนเพื่อนมนุษย์ในความสัมพันธ์ติดต่อกับพระเจ้า เพื่อถวายทั้งบรรณาการและเครื่องบูชาชดเชยบาป เขาสามารถเห็นใจผู้ที่ไม่รู้และหลงผิด เพราะเขาก็ถูกความอ่อนแอครอบงำอยู่เช่นกัน เพราะเหตุนี้ เขาจึงต้องถวายบูชาชดเชยบาปสำหรับตนเองเช่นเดียวกับชดเชยบาปสำหรับประชากรด้วย ไม่มีใครแอบอ้างเกียรตินี้เป็นของตนได้ นอกจากผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกเหมือนกับอาโรน ในทำนองเดียวกันพระคริสตเจ้ามิได้ทรงยกย่องพระองค์เองขึ้นเป็นมหาสมณะ แต่ผู้ที่ทรงยกย่องพระคริสตเจ้าคือพระเจ้า ผู้ตรัสกับพระองค์ว่า “ท่านเป็นบุตรของเรา วันนี้เราได้ให้กำเนิดท่าน” เช่นเดียวกับที่ได้ตรัสไว้อีกแห่งหนึ่งว่า “ท่านเป็นสมณะตลอดนิรันดรตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 10:46-52
เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัส บุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาก็เริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า ‘ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด’ หลายคนได้ดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า ‘พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด’ พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า ‘ไปเรียกเขามาซิ’ เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า ‘ทำใจดีๆไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว’ คนตาบอดก็สลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘เจ้าอยากให้เราทำอะไรให้เจ้า?’ คนตาบอดทูลว่า ‘รับบูนี ให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด’ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘ไปเถิด ความเชื่อของเจ้าได้ช่วยเจ้าให้รอดพ้นแล้ว’ ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
ข้อคิด
คนที่แสวงหาพระในทุกกรณีของชีวิต เมื่อถึงเวลาอันควร ก็จะพบพระเยซูเจ้า เหมือนบารทิเมอัส คนขอทานตาบอด ที่เมื่อถึงเวลา ก็ “ได้ยินว่า พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จผ่านมา” คนที่ทุ่มเทจริงจังในการแสวงหาพระ เมื่อมีโอกาสพบพระเยซูเจ้า ก็จะ “ส่งเสียงตะโกน” เรียกหาพระเยซูเจ้าอย่างไม่เกรงกลัวใคร คนที่จริงใจในชีวิต ก็จะพูดกับพระถึงเรื่องที่อยู่ในใจของตน ดังบารทิเมอัส ที่พูดความในใจกับพระเยซูเจ้าว่า “ให้ข้าพเจ้าเห็นเถิด” และที่สุด คนที่พบพระเยซูเจ้าจริง ก็จะติดตามพระองค์ อย่างที่บารทิเมอัส “เดินทางติดตามพระองค์ไป” เช่นกัน
วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม 2021 น.ยอห์น แห่งกาปิสตราโน พระสงฆ์
- รายละเอียด
- หมวด: ตุลาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 12 มิถุนายน 2564 12:55
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 713
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 8:1-11
พี่น้อง ไม่มีการตัดสินลงโทษผู้ที่อยู่ในพระคริสตเยซูอีกต่อไป กฎของพระจิตเจ้าซึ่งประทานชีวิตในพระคริสตเยซูนั้นช่วยท่านให้พ้นจากกฎของบาปและกฎของความตาย เนื่องจากสิ่งที่ธรรมบัญญัติทำไม่ได้เพราะธรรมชาติมนุษย์เป็นเหตุให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าทรงกระทำแล้วโดยทรงส่งพระบุตรของพระองค์มา ให้มีธรรมชาติเหมือนกับธรรมชาติมนุษย์ที่มีบาป เพื่อขจัดบาป พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษบาปในธรรมชาติมนุษย์ เพื่อให้ข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของธรรมบัญญัติสำเร็จไปในตัวเรา ซึ่งดำเนินชีวิตที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติที่บกพร่องอีกแล้ว แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า
ผู้ที่ยังดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ ย่อมสนใจสิ่งที่เป็นของธรรมชาติ ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า ก็สนใจสิ่งที่เป็นของพระจิตเจ้า ความต้องการตามธรรมชาติมนุษย์นำไปสู่ความตาย แต่ความปรารถนาของพระจิตเจ้านำไปสู่ชีวิตและสันติ ความต้องการตามธรรมชาติมนุษย์นำไปสู่เป็นศัตรูกับพระเจ้า เพราะไม่ยอมเชื่อฟังธรรมบัญญัติของพระองค์ และไม่อาจอ่อนน้อมยอมรับด้วย ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติไม่อาจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้
ส่วนท่านทั้งหลาย ท่านไม่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์
ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในท่านแล้ว แม้ร่างกายของท่านตายเพราะบาป จิตของท่านก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม และถ้าพระจิตของพระผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายนั้นสถิตอยู่ในท่าน พระผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเยซูทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะทรงบันดาลให้ร่างกายที่ตายได้ของท่านกลับมีชีวิต เดชะพระจิตของพระองค์ ซึ่งสถิตอยู่ในท่านด้วย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:1-9
เวลานั้น คนบางคนเข้ามาทูลพระเยซูเจ้าถึงเรื่องชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตสั่งประหารชีวิตในขณะที่เขากำลังถวายเครื่องบูชา พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นคนบาปมากกว่าชาวกาลิลีทุกคนหรือ จึงต้องถูกฆ่าเช่นนี้ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นกัน แล้วคนสิบแปดคนที่ถูกหอสิโลอัมพังทับเสียชีวิตเล่า ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นมีความผิดมากกว่าคนอื่นทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ มิได้ เราบอกท่านทั้งหลายว่าถ้าท่านไม่กลับใจเปลี่ยนชีวิต ทุกท่านจะพินาศไปเช่นเดียวกัน”
พระเยซูเจ้าตรัสเป็นอุปมาเรื่องนี้ว่า “ชายผู้หนึ่งปลูกต้นมะเดื่อเทศต้นหนึ่งในสวนองุ่นของตน เขามามองหาผลที่ต้นนั้น แต่ไม่พบ จึงพูดแก่คนสวนว่า “ดูซิ สามปีแล้วที่ฉันมองหาผลจากมะเดื่อเทศต้นนี้แต่ไม่พบ จงโค่นมันเสียเถิด เสียที่เปล่า ๆ” แต่คนสวนตอบว่า “นายครับ ปล่อยมันไว้ปีนี้อีกสักปีหนึ่งเถิด ผมจะพรวนดินรอบต้น ใส่ปุ๋ย ดูซิว่าปีหน้ามันจะออกผลหรือไม่ ถ้าไม่ออกผล ท่านจะโค่นทิ้งเสียก็ได้”
ข้อคิด
พ่อแม่รักเรา แต่พ่อแม่ไม่ตามใจเรา พ่อแม่สนับสนุนผลักดันให้เราเติบโตทั้งกายและใจ ไม่ใช่ให้พบแต่ “ความสบาย” แต่ให้พบกับ “ความสุขและสันติ” ในชีวิต .....พระเป็นเจ้าทรงรักเรา แต่พระองค์ไม่ตามใจเรา พระองค์สนับสนุนผลักดันให้เรารับผิดชอบ เติบโต ทั้งกายและใจ ซึ่งบางที่เราก็ต้อง “กลับใจปรับเปลี่ยนชีวิต” บางทีก็ต้องเอาจริงเอาจัง “รดน้ำ พรวมดิน ใส่ปุ๋ย” ให้ชีวิตเติบโตขึ้นเป็นดังต้นไม้ที่มีชีวิต มิใช่เติบโตขึ้นเป็นแค่ตึกอาคารหรือกิจการภายนอกที่ดูใหญ่โต แต่ไม่มีชีวิต
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2021 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: ตุลาคม 2021
- เผยแพร่เมื่อ วันเสาร์, 12 มิถุนายน 2564 12:53
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 953
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม รม 8:12-17
พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใด ๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต
ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า “อับบา พ่อจ๋า” พระจิตเจ้าทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่า เราเป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราเป็นบุตร เราก็เป็นทายาทด้วย เป็นทายาทของพระเจ้าและเป็นทายาทร่วมกับพระคริสตเจ้า ถ้าเรารับการทรมานร่วมกับพระองค์ เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา ลก 13:10-17
ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนอยู่ในศาลาธรรมแห่งหนึ่งในวันสับบาโต สตรีคนหนึ่งถูกปีศาจสิง เจ็บป่วยมาสิบแปดปีแล้ว หลังค่อม ยืดตัวตรงไม่ได้เลย เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็น จึงทรงเรียกนางเข้ามาและตรัสว่า “หญิงเอ๋ย เธอพ้นจากความพิการของเธอแล้ว” พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือนาง ทันใดนั้น นางก็ยืดตัวตรงและถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
แต่หัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคในวันสับบาโต จึงกล่าวแก่ประชาชนว่า “วันที่ทำงานได้มีถึงหกวัน จงมารับการรักษาโรคในวันเหล่านั้นเถิด อย่ามาในวันสับบาโตเลย” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสตอบว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด เจ้าแต่ละคนมิได้แก้โคหรือลาจากรางหญ้า พาไปกินน้ำในวันสับบาโตดอกหรือ หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ”
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้ว ผู้ต่อต้านทุกคนของพระองค์รู้สึกอับอาย ขณะที่ประชาชนต่างชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการอัศจรรย์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงกระทำ
ข้อคิด
การรับรู้ที่พอจะพบได้ในพระวาจาวันนี้คือ พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกสงสารและรับรู้ความรู้สึกต่างๆของประชาชน ตัวอย่างเช่นในขณะที่สตรีถูกปีศาจสิง เธอต้องดำเนินชีวิตพร้อมกับความรู้สึกทรมาน ส่วนหัวหน้าศาลาธรรมรู้สึกขัดเคืองใจ พร้อมกับที่บรรดาผู้ต่อต้านพระเยซูเจ้า รู้สึกอับอาย แต่ประชาชนรู้สึกชื่นชมยินดี .....แต่ขณะนี้ ความรู้สึกที่ยังไม่ปรากฏคือ ความรู้สึกของผู้อ่านพระวาจาในวันนี้และในตอนนี้ จึงกลายเป็นคำถามกลับมาสู่ตัวเรา ณ ขณะนี้ว่า “แล้วข้าพเจ้าเล่า ขณะนี้หัวใจข้าพเจ้ารู้สึกอะไร” ....จงเอาหัวใจที่รู้สึกได้นี้ พูดกับพระเยซูเจ้าเถิด แล้วความสนิทสัมพันธ์ที่พระองค์รอคอยจะประทานให้กับเรา ก็จะค่อยๆก่อตัวขึ้น