มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอังคารที่ 1 กันยายน 2020 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 2:10ข-16
     พี่น้อง เพราะพระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า ใครเล่าล่วงรู้ความคิดของมนุษย์ ถ้ามิใช่จิตของมนุษย์ที่อยู่ในตัวมนุษย์คนนั้น เช่นเดียวกัน ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงความคิดของพระเจ้านอกจากพระจิตของพระเจ้า เรามิได้รับจิตของโลก แต่รับพระจิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อให้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้ มิใช่ด้วยวาจาซึ่งปรีชาญาณของมนุษย์สอนให้ แต่พูดด้วยถ้อยคำที่พระจิตเจ้าทรงสอน เราจึงอธิบายเรื่องฝ่ายจิตโดยใช้ถ้อยคำของพระจิตเจ้า มนุษย์ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ รับสิ่งที่เป็นของพระจิตของพระเจ้าไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับเขา เขาไม่อาจเข้าใจได้ เพราะต้องใช้จิตพิจารณา อาศัยพระจิตเจ้าเท่านั้น ส่วนผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้าย่อมตัดสินทุกสิ่งและไม่มีใครตัดสินเขาได้ ใครเล่าหยั่งรู้ความคิดขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้คำแนะนำแก่พระองค์ได้ เรานั่นเองที่มีความคิดของพระคริสตเจ้า

 

สดด 145:8-10,11-12,13-14

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                    ลก 4:31-37
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม เมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนประชาชนในวันสับบาโต คำสั่งสอนของพระองค์ทำให้ผู้ฟังประทับใจอย่างมาก เพราะพระวาจาของพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจ
     ในศาลาธรรม ชายคนหนึ่งถูกจิตของปีศาจร้ายสิง ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมายุ่งกับพวกเราทำไม เยซูชาวนาซาเร็ธ ท่านมาทำลายพวกเราใช่ไหม ฉันรู้ว่าท่านเป็นใคร ท่านคือองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” พระเยซูเจ้าทรงดุปีศาจและทรงสั่งว่า “จงเงียบ ออกไปจากผู้นี้” ปีศาจผลักชายนั้นล้มลงต่อหน้าทุกคน แล้วออกไปจากเขาโดยมิได้ทำร้ายแต่ประการใด ทุกคนต่างประหลาดใจมากและถามกันว่า “วาจานี้คือสิ่งใด จึงมีอำนาจและอานุภาพบังคับปีศาจร้าย และมันก็ออกไป” กิตติศัพท์ของพระองค์เลื่องลือไปทั่วทุกแห่งในบริเวณนั้น


ข้อคิด
    พี่น้องทราบไหมว่าทำไมปีศาจถึงรู้จักพระเยซูดีนัก...มันร้องเรียก "เยซูชาวนาซาเร็ธ... ฉันรู้ว่าท่านป็นใคร ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า" แล้วพระเยซูเจ้ามักจะดุให้มันเงียบ ไม่ให้มันพูด สิ่งที่พระเจ้าต้องการคือศิษย์ของพระองค์ต้องรู้ ต้องเป็นผู้ประกาศพระเยซู เชื่อในพระองค์ ไม่ใช่หน้าที่ปีศาจที่จะประกาศ เพราะมันประกาศ มันรู้ แต่มันไม่เชื่อในพระองค์ พระคัมภีร์ต้องการนั้นว่าศิษย์ที่ติดตามพระองค์ต้องรู้จักพระองค์และต้องประกาศพระองค์สุดจิตใจต่างหาก และในพระวาจาวันนี้"วาจาของพระองค์" ทรงอำนาจ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าก็ต้องทรงอำนาจในชีวิตของเราเสมอ

วันพุธที่ 2 กันยายน 2020 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง     1 คร 3:1-9
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อาจพูดกับท่านเหมือนพูดกับผู้ที่ดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้าได้ แต่พูดเหมือนพูดกับคนที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ เหมือนพูดกับทารกในพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าใช้น้ำนมเลี้ยงท่าน ไม่ให้อาหารแข็ง เพราะขณะนั้นท่านยังรับไม่ได้ และแม้เวลานี้ ท่านก็ยังรับไม่ได้ เพราะท่านยังเป็นผู้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ในเมื่อท่านยังอิจฉาริษยาและทะเลาะวิวาทกัน ท่านก็ยังดำรงชีวิตตามธรรมชาติ และดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ทั่วไปมิใช่หรือ เพราะเมื่อคนหนึ่งพูดว่า "ฉันเป็นพวกของเปาโล” และอีกคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเป็นพวกของอปอลโล” ท่านก็มิได้เป็นเพียงมนุษย์ทั่วๆ ไปเท่านั้นดอกหรือ
     อปอลโลเป็นใคร เปาโลเป็นใคร ทั้งสองคนเป็นผู้รับใช้ที่นำความเชื่อมาให้ท่าน ต่างก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ทำเท่านั้น ข้าพเจ้าเป็นผู้ปลูก อปอลโลเป็นผู้รดน้ำ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น เพราะฉะนั้น ทั้งผู้ปลูกและผู้รดน้ำก็ไม่สำคัญ แต่ผู้มีความสำคัญแท้จริงคือพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้เติบโตขึ้น ผู้ปลูกและผู้รดน้ำมีความสำคัญเท่ากัน แต่ละคนจะได้รับค่าจ้างของตนตามส่วนของงานที่ทำ เพราะเราเป็นผู้ร่วมงานกับพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า เป็นอาคารของพระเจ้า

 

สดด 33:11-12,13-15,20-22

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 4:38-44
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จจากศาลาธรรมเข้าไปในบ้านของซีโมน มารดาของภรรยาซีโมนกำลังป่วยเป็นไข้หนัก คนที่อยู่ที่นั่นอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงช่วยนาง พระองค์จึงทรงก้มลงเหนือนางและทรงสั่งไข้ให้ออกไป นางก็หายไข้ ลุกขึ้นมารับใช้ทุกคนทันที
      เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หายจากโรค ปีศาจออกจากคนจำนวนมาก พลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า
     เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จออกไปยังที่สงัด ประชาชนต่างเสาะหาพระองค์จนพบ แล้วหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไม่ยอมให้จากพวกเขาไป แต่พระองค์ตรัสว่า “เราต้องประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมืองอื่นด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพื่อการนี้” พระองค์จึงทรงเทศน์สอนตามศาลาธรรมแห่งแคว้นยูเดีย

 

ข้อคิด
     สำหรับลูกา... พระเยซูเจ้าคือหมอฝ่ายวิญญาณ แม้มารดาของภรรยาซีโมนเป็นไข้หนัก เพียงพระองค์ก้มลงเหนือนางสั่งไข้ให้ออกไปได้ ผู้ป่วยทั้งเมืองริมทะเลกาลิลีฝั่งคาเปอร์นาอุมพากันมาเนืองแน่นผู้ป่วยหายกันทั่วหน้า การกอบกู้ให้รอดพ้นเริ่มจากการให้พ้นจากความป่วยไข้ การถูกครอบงำของปีศาจของอาการที่ไม่ปกติปีศาจมันก็ร้องอีกมันรู้ "ท่านเป็นบุตรของพระเจ้า" พระองค์ก็สั่งให้มันเงียบอีก มันใช่หน้าที่ของปีศาจหรือที่จะประกาศ เปล่าเลย เป็นหน้าที่ของบรรดาศิษย์พระเยซู คนที่ได้รับการกอบกู้ที่จะต้องประกาศความเชื่อในพระเยซู "บุตรพระเจ้า" ผู้ทรงอำนาจแท้จริง ให้เราประกาศพระองค์เสมอในชีวิตเรา

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2020 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์      ฉบับที่หนึ่ง 1 คร 4:1-5
     พี่น้อง คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้ ส่วนข้าพเจ้าการที่ท่านหรือมนุษย์คนใดจะตัดสินข้าพเจ้านั้น เป็นเรื่องไม่สำคัญ แม้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ตัดสินตนเอง จริงอยู่ มโนธรรมไม่ได้ตำหนิอะไรข้าพเจ้าเลย แต่นี่ไม่หมายความว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ชอบธรรม ผู้ตัดสินข้าพเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น จงอย่าตัดสินเรื่องใดๆ ก่อนจะถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา พระองค์จะทรงฉายแสงให้ความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดแจ่มแจ้ง และจะทรงเปิดเผยความในใจของทุกคนให้ปรากฏ เมื่อนั้น ทุกคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้าตามสมควร

 

สดด 37:3-4,5-6,27-28,39-40

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 5:33-39
     เวลานั้น มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำเช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจำศีลอดอาหารได้หรือขณะที่เจ้าบ่าวยังอยู่ด้วย แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำศีลอดอาหาร”
พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย
     ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า ‘เหล้าเก่านั้นดีกว่า’”

 

ข้อคิด
     ผ้าใหม่ต้องปะเสื้อใหม่ศิษย์พระเยซูคือพันธสัญญาใหม่ต้องดำเนินชีวิตด้วยบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้าไม่ตกอยู่ในสภาพเดิม บัญญัติเดิมมากมายที่ประชากรอิสราเอลดำนินชีวิต บัญญัติเหล่านั้นดุจดังเสื้อเก่า ถุงหนังเก่า จำเป็นต้องออกมาสู่สิ่งใหม่ มาเจริญชีวิตด้วยบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้า เหล้าองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ศิษย์พระคริสตเจ้าต้องเดินในหนทางใหม่ เพื่อประกาศข่าวดีใหม่ พ่อเชื่อว่าชีวิตเราในโลกปัจจุบันและในทุกสมัยนั้นใหม่เสมอ... และพระคริสตเจ้า ศิษย์ของพระองค์คือคำตอบที่ใหม่เสมอ เป็นปัจจุบันเสมอ และเป็นอนาคตเสมอไป พระคริสตเจ้า วานนี้วันนี้ และตลอดไป

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2020 ระลึกถึง น.เกรโกรี พระสันตะปาปาและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 3:18-23
     พี่น้อง จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยอุบายของเขาเอง” และยังมีเขียนไว้อีกว่า “พระเจ้าทรงทราบว่าความคิดของคนฉลาดเป็นสิ่งไร้ประโยชน์” ฉะนั้น อย่าให้ใครยกเอามนุษย์มาอวด เพราะทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน เปาโลก็ดี อปอลโล เคฟาส โลก ชีวิต ความตาย สิ่งปัจจุบัน หรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ดี ทุกสิ่งล้วนเป็นของท่าน แต่ท่านเป็นของพระคริสต์และพระคริสต์เป็นของพระเจ้า

 

สดด 24:1-3,4-6

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 5:1-11
     วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำลังซักอวนอยู่นอกเรือ พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น
     เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและลงอวนจับปลาเถิด” ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” เมื่อทำดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากจนอวนเกือบขาด เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ จนเรือเกือบจม
     เมื่อซีโมนเปโตรเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” เพราะเขาและคนอื่นๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้มากเช่นนั้น ยากอบและยอห์นบุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” เมื่อพวกเขานำเรือกลับถึงฝั่งแล้ว ก็ละทิ้งทุกสิ่งและติดตามพระองค์ไป

 

ข้อคิด

     Duc in altum (ดุ๊ก อิน อัลตุม) "จงแล่นเรือออกไปในที่ลึก" มากกว่าความสามารถปกติที่ชาวประมงเคยทำ แม้จะยืนยันว่า "พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย" ที่สุดตามพระดำรัส "พระบัญชา หรือพระวาจา" ชัดเจน ทำตามที่ทรงสั่ง ออกไปที่ลึกกว่า ได้ปลามากมายจนเอาขึ้นไม่ไหว นี่คือสิ่งที่พระวรสาร นักบุญลูกากล่าวถึง พี่น้องคิดไหมว่าการเป็นศิษย์พระคริสต์แท้จริงคือต้องเอาจริงกับการทำตามพระวาจาแล้วเราจะได้เห็นมหัศจรรย์แท้จริงแห่งพระวาจาของพระองค์ ศิษย์พระคริสต์แท้จริงเราคงต้องออกไปในที่ลึกกว่าเดิมในสังคมโลกลึกกว่าเดิมคือลงไปในหัวใจของสังคม ของเพื่อนพี่น้องที่อยู่ในที่ลึกของสังคม ลูกาเน้นพระวรสารของท่านเพื่อการนี้จริงๆ ย่อคุกเข่าเป็นศิษย์ของพระองค์เถิด ไปในที่ลึกกว่าที่เคยเถิด สังคมนี้ยังมีที่ลึกที่ต้องการศิษย์พระคริสต์มากเหลือเกิน

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2020 น.เทเรซาแห่งกัลกัตตา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง      1 คร 4:6-15
     พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายกเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับตนเองและอปอลโลเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย ให้ท่านเรียนรู้จากเราถึงความหมายของคำพูดที่ว่า “อย่าก้าวเกินขอบเขตที่เขียนไว้” เพื่อมิให้ใครหยิ่งผยอง เข้าข้างคนหนึ่งและต่อต้านอีกคนหนึ่ง ใครเล่าตัดสินว่าท่านดีกว่าผู้อื่น ท่านมีอะไรบ้างที่ไม่ได้รับ ถ้าท่านได้รับแล้ว ท่านจะโอ้อวดประหนึ่งว่าไม่ได้รับทำไม ท่านมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้วหรือ ท่านร่ำรวยแล้วใช่ไหม ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์โดยไม่ต้องมีเราแล้วก็ได้ เราอยากให้ท่านครองราชย์เป็นกษัตริย์จริงๆ เพราะเราจะได้เป็นกษัตริย์ครองราชย์พร้อมกับท่านด้วย ข้าพเจ้าคิดว่าพระเจ้าทรงจัดตั้งเราซึ่งเป็นอัครสาวกไว้ตรงที่สุดท้าย เหมือนกับผู้ที่ถูกตัดสินปรับโทษถึงตาย เรากลายเป็นเป้าสายตาของโลก ทั้งของทูตสวรรค์และของมนุษย์ เราเป็นคนโง่เขลาเพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า ส่วนท่านเป็นคนเฉลียวฉลาดในพระคริสตเจ้าใช่ไหม เราอ่อนแอ ส่วนท่านเข้มแข็งใช่หรือไม่ ท่านมีเกียรติ ส่วนเราไร้เกียรติ ใช่ไหม จนกระทั่งบัดนี้เราก็ยังหิวและกระหาย ไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่ม ถูกตบตี และไร้ที่อยู่อาศัย เราเหน็ดเหนื่อยทำงานหนักด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เมื่อถูกด่าว่า เราให้พร เมื่อถูกเบียดเบียน เราก็อดทน เมื่อถูกใส่ร้าย เราก็พูดดีด้วย เราเป็นเสมือนขยะมูลฝอยของโลก เป็นสิ่งปฏิกูลของทุกคนจนกระทั่งบัดนี้
     ข้าพเจ้าเขียนเรื่องเหล่านี้มิใช่เพื่อทำให้ท่านอับอาย แต่เขียนเพื่อตักเตือนในฐานะที่ท่านเป็นลูกรักของข้าพเจ้า แม้ว่าท่านจะมีครูพี่เลี้ยงนับหมื่นคนในพระคริสตเจ้า แต่ก็มีบิดาเพียงคนเดียว เพราะข้าพเจ้าให้กำเนิดท่านในพระคริสตเยซู โดยการประกาศข่าวดี

 

สดด 145:16-19,20-21

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 6:1-5
     วันสับบาโตวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลี บรรดาศิษย์เด็ดรวงข้าวมาขยี้กิน ชาวฟาริสีบางคนจึงถามว่า “ทำไมท่านทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโตเล่า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านหรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำอะไรเมื่อหิวโหย พระองค์เสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า ทรงหยิบขนมปังที่ตั้งถวายมาเสวยและประทานแก่ผู้ติดตาม ขนมปังนี้ใครจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้น” แล้วพระเยซูเจ้าทรงเสริมว่า “บุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”

 

ข้อคิด
     ถ้าศาสนาจบอยู่ที่เพียงพิธีกรรม กฎเกณฑ์ สงสัยว่าศาสนาจะไม่ใช่ศาสนาจริงๆ ถ้าการมีศาสนาคือการเคร่งกฎแบบที่ละเมิดไม่ได้ นั่นคงเป็นเพียงจารีตพิธีและกฏที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อควบคุมสังคมศาสนายิวอันที่จริงก็มีความเคร่งครัดมากมายเหลือเกิน แต่พระเจ้าพระองค์ทรงมตตาเหลือล้นเกินความเข้าใจได้ แต่บ่อยๆ มนุษย์ก็เป็นผู้กำหนดไปเสียทุกอย่างจนข้ามคุณค่าและความหมายไป สำหรับพระเจ้า"ชีวิตมนุษย์คือเป้าหมายของศาสนาและทุกกฎเกณฑ์" ถ้าเพื่อความรอด ความจำเป็นของชีวิตพื้นฐานของมนุษย์ ความหิว การเยียวยารักษา การนุ่งห่ม ตามปัจจัยพื้นฐาน กฎเกณฑ์ศาสนาความเคร่งครัดทั้งหลายตกเป็นรองหรือหายไปได้เพื่อรัก รักษา และเสริมคุณค่าชีวิตมนุษย์

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown