มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 11 ธันวาคม 2017 น.ดามาซัสที่ 1 พระสันตะปาปา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                               อสย 35:1-10
     ถิ่นทุรกันดารและแผ่นดินแห้งแล้งจงยินดีเถิด ทุ่งเวิ้งว้างจงเปรมปรีดิ์และผลิดอกเหมือนต้นดอกดิน สถานที่นี้จงผลิดอกอย่างอุดม จงเปรมปรีดิ์และขับร้องด้วยความยินดี เพราะได้รับสิริรุ่งโรจน์แห่งเลบานอน ได้รับความรุ่งเรืองแห่งภูเขาคารเมลและที่ราบชาโรน ทุกคนจะเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าของเรา จงทำให้มือที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น จงทำให้หัวเข่าที่ซวนเซมีความมั่นคง
     จงกล่าวกับคนที่ท้อแท้ว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย” ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น และจะทรงลงโทษศัตรูของท่านอย่างสาสม แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะมองเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี เพราะน้ำจะพุ่งขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร และลำธารจะไหลในทุ่งเวิ้งว้าง พื้นดินแห้งผากจะกลายเป็นสระน้ำ และดินที่ถูกแดดเผาจะกลายเป็นพุน้ำ รังที่อาศัยของหมาในจะกลายเป็นพงอ้อและป่าต้นกก ที่นั่นจะมีทางหลวงซึ่งจะเรียกว่า “มรรคาศักดิ์สิทธิ์” ผู้มีมลทินจะไม่เดินตามทางนี้ และคนโง่เขลาจะไม่หลงทางที่นั่น ที่นั่นจะไม่มีสิงโตอีกต่อไป จะไม่มีใครพบสัตว์ร้ายเดินตามทางนั้น แต่ผู้ที่ได้รับความรอดพ้นจะเดินที่นั่น ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมายังศิโยน พลางโห่ร้องด้วยความชื่นชม ความยินดีจะอยู่บนศีรษะของเขาตลอดไป ความชื่นบานและความยินดีจะติดตามเขา ความโศกเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากเขา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                     ลก 5:17-26
     วันหนึ่ง ขณะที่พระเยซูเจ้ากำลังทรงสั่งสอน บรรดาชาวฟาริสีและนักกฎหมายซึ่งมาจากทุกหมู่บ้านในแคว้นกาลิลีและจากกรุงเยรูซาเล็มนั่งอยู่ที่นั่นด้วย องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานพระอานุภาพให้พระเยซูเจ้าทรงรักษาโรคได้ ขณะนั้น มีผู้หามคนอัมพาตนอนบนแคร่เข้ามา พยายามหาช่องนำคนอัมพาตมาวางไว้เฉพาะพระพักตร์ แต่เมื่อหาช่องนำคนอัมพาตเข้ามาไม่ได้เพราะมีคนมาก เขาจึงขึ้นไปบนหลังคา แล้วหย่อนคนอัมพาตนั้นพร้อมทั้งที่นอนลงมาตามช่องกระเบื้องตรงกลางห้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้า
เมื่อพระองค์ทรงเห็นความเชื่อของเขาเหล่านั้น จึงตรัสว่า “เพื่อนเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่า “คนนี้เป็นใครกัน จึงกล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ใครเล่าอภัยบาปได้ นอกจากพระเจ้าเท่านั้น” พระเยซูเจ้าทรงทราบความคิดของเขา จึงตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายคิดเช่นนี้ในใจทำไม อย่างใดง่ายกว่ากัน การบอกว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ หรือบอกว่า ‘ลุกขึ้นเดินไปเถิด’ แต่เพื่อให้ท่านรู้ว่าบุตรแห่งมนุษย์มีอำนาจอภัยบาปได้บนแผ่นดินนี้ พระองค์ตรัสแก่คนอัมพาตว่า ‘เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด’” ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นต่อหน้าคนทั้งปวง แบกแคร่ที่ตนนอนอยู่ กลับไปบ้านพลางสรรเสริญพระเจ้า ทุกคนต่างประหลาดใจถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าและมีความกลัวมาก พูดกันว่า “วันนี้ เราได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง”

 

ข้อคิด
     ชาวยิวเชื่อว่าความเจ็บป่วยเป็นผลเนื่องมาจากบาป เพราะฉะนั้นต้องอภัยบาปก่อนจึงจะรักษาคนป่วยให้หายได้
การพูดว่า “บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว” เป็นเรื่องง่าย นักต้มตุ๋นคนไหนๆ ก็พูดได้ เพราะไม่มีทางพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาบังเกิดผลจริงหรือเป็นเพียงการหลอกลวง แต่การสั่งคนอัมพาตให้ “ลุกขึ้น แบกแคร่กลับไปบ้านเถิด” ก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจับต้องได้ จึงยากที่จะหลอกลวงผู้อื่น
ในเมื่อพระองค์สามารถทำเรื่องยากคือรักษาคนอัมพาตให้เดินได้ จึงไม่มีทางสรุปเป็นอย่างอื่นนอกจากพระองค์มีสิทธิ์และอำนาจที่จะอภัยบาปได้
ก็ในเมื่อพระองค์ทรงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพิสูจน์ว่าสามารถอภัยบาปให้เราได้แล้ว เรายังจะใจเย็นเฉยอยู่อีกหรือ ?

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม 2017 พระนางมารีย์พรหมจารี แห่งกวาดาลูเป

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                               อสย 40:1-11
     พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด จงพูดกับกรุงเยรูซาเล็มให้ประทับใจ จงร้องบอกเมืองนั้นว่า เวลาการเป็นทาสสิ้นสุดแล้ว ความผิดของเมืองนั้นได้รับการอภัย เมืองนั้นได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสองเท่าแล้วเพราะบาปทั้งหมดของตน”
     เสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นทุรกันดาร จงเปิดทางตรงในทุ่งเวิ้งว้างสำหรับพระเจ้าของเราเถิด จงถมหุบเขาทุกแห่งให้เต็ม จงปรับภูเขาและเนินเขาทุกแห่งให้เรียบ ที่ขรุขระจะราบเสมอกัน ที่สูงๆ ต่ำๆ จะราบเรียบ แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสำแดงพระสิริรุ่งโรจน์ให้ปรากฏ มนุษย์ทุกคนจะได้เห็นทั่วกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ดังนี้”
เสียงหนึ่งกล่าวว่า “จงร้องซิ” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าจะต้องร้องว่าอย่างไร” เสียงนั้นกล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นเหมือนต้นหญ้า ความรุ่งเรืองทั้งหมดของเขาเป็นเหมือนดอกไม้ในทุ่ง เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้ลมพัดผ่าน หญ้าก็จะเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ก็จะร่วงโรย แน่ทีเดียว ประชากรเป็นเสมือนต้นหญ้า หญ้าเหี่ยวแห้ง ดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวาจาของพระเจ้าของเราคงอยู่ตลอดไป”
“ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยนเอ๋ย จงขึ้นไปบนภูเขาสูงเถิด ท่านผู้นำข่าวดีมาให้กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกนให้สุดเสียงเถิด จงร้องตะโกน อย่ากลัวเลย จงประกาศแก่เมืองต่างๆ แห่งแคว้นยูดาห์ว่า ‘พระเจ้าของท่านทรงอยู่ที่นี่’
ดูซิ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าเสด็จมาด้วยพระอานุภาพ พระกรของพระองค์ทรงอำนาจปกครอง ดูซิ รางวัลชัยชนะอยู่กับพระองค์ ประชากรที่ทรงกอบกู้เดินนำหน้าพระองค์ พระองค์ทรงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์เช่นคนเลี้ยงแกะ ทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมพระกรทรงอุ้มไว้แนบพระอุระ และทรงนำแม่แกะอย่างทะนุถนอม”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 18:12-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีแกะอยู่ร้อยตัว แล้วแกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง เขาจะไม่ปล่อยแกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาแกะตัวนั้นพบแล้ว เขาจะรู้สึกยินดีที่พบมัน มากกว่ายินดีในแกะเก้าสิบเก้าตัวที่มิได้พลัดหลง
    พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ทรงปรารถนาให้คนธรรมดาๆ เหล่านี้แม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ว่า พระองค์จะทรงเลี้ยงดูฝูงแกะและอุ้มลูกแกะไว้แนบพระอุระ ดุจคนเลี้ยงแกะเลี้ยงดูฝูงแกะของตน
วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตอกย้ำพระดำรัสของพระเจ้าด้วยการหยิบยกวิถีชีวิตของชาวยิวขึ้นมาเพื่อสอนเราว่า พระเจ้าทรงยินดีเมื่อพบคนบาปที่หลงทาง เหมือนคนเลี้ยงแกะยินดีเมื่อพบแกะที่สูญหาย
แน่นอนว่า พระเจ้าทรงรักผู้ที่ไม่พลัดหลงจากพระองค์ แต่ในเวลาเดียวกันดวงหทัยของพระองค์ก็เปี่ยมล้นด้วยความปีติยินดีเมื่อผู้ที่พลัดหลงกลับมาหาพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศไปแม้แต่คนเดียว
นี่คือความจริงอันยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยแก่เรา แต่น่าเสียดายที่อุปสรรคขวางกั้นคนบาปมิให้กลับมาหาพระองค์กลับเป็นมนุษย์ด้วยกันเอง โดยเฉพาะพวกที่ชอบติฉินนินทาและวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นแทบทุกเรื่อง
แล้วเราจะกลับมาหาพระองค์ หรือจะยังคงเป็นอุปสรรคของพระองค์ต่อไป ?

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2017 ระลึกถึง น.ยอห์น แห่งไม้กางเขน นักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                อสย 41:13-20
     เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอกท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ยาโคบที่เป็นเหมือนหนอนเอ๋ย อย่ากลัวเลย อิสราเอลซึ่งเป็นเหมือนดักแด้เอ๋ย เราจะช่วยท่าน เรา ผู้ไถ่กู้ท่าน คือพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ดูซิ เราจะทำให้ท่านเป็นเหมือนเลื่อนนวดข้าวใหม่และมีฟันคม ท่านจะนวดและบดภูเขา จะทำให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ ท่านจะฝัดภูเขาและเนินเขาเหล่านั้น และลมจะพัดไป ลมพายุจะทำให้กระจัดกระจาย แต่ท่านจะชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะภูมิใจในพระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล คนยากจนและผู้ขัดสนแสวงหาน้ำ แต่ไม่มีน้ำ ลิ้นของเขาแห้งผากเพราะความกระหาย เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเขา
      เรา พระเจ้าแห่งอิสราเอล จะไม่ทอดทิ้งเขา เราจะบันดาลให้มีแม่น้ำไหลบนภูเขาโล่งเตียน มีพุน้ำไหลในหุบเขา เราจะทำถิ่นทุรกันดารให้เป็นสระน้ำ ทำให้พื้นดินแห้งกลายเป็นพุน้ำ เราจะปลูกต้นสนสีดาร์ในถิ่นทุรกันดาร ปลูกต้นกระถินเทศ ต้นเสม็ด และมะกอกเทศ เราจะปลูกต้นสนไซเปรสไว้ในที่แห้งแล้ง ปลูกต้นยางและต้นสนไว้ด้วยกัน เพื่อทุกคนจะได้เห็นและรู้ จะได้พิจารณาและเข้าใจพร้อมกันว่า พระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำเช่นนี้ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอลทรงสร้างสิ่งนี้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                   มธ 11:11-15

     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง ถึงกระนั้น ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ตั้งแต่สมัยของยอห์นผู้ทำพิธีล้างจนถึงวันนี้ อาณาจักรสวรรค์ต้องการความอดทนและความพยายาม ผู้ที่ใช้ความอดทนและความพยายามเท่านั้นจึงจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้ ประกาศกทั้งหลายและธรรมบัญญัติต่างประกาศพระวาจาถึงสมัยของยอห์น ถ้าท่านทั้งหลายยอมเชื่อ ยอห์นนี่เองคือประกาศกเอลียาห์ซึ่งจะต้องมา ใครมีหู ก็จงฟังเถิด”

 

ข้อคิด
    พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน”
วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญาด้วยการส่งยอห์นผู้ทำพิธีล้างมาตามที่ประกาศกมาลาคีทำนายไว้ว่า “ดูซิ เราจะส่งประกาศกเอลียาห์มาหาท่านก่อนที่วันยิ่งใหญ่จะมาถึง” (มลค 4:5) และทรงชื่นชมยอห์นว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิง ไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าท่าน
กระนั้นก็ตาม ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ก็ยังยิ่งใหญ่กว่ายอห์น เหตุว่ายอห์นอาจรู้ซึ้งถึงความศักดิ์สิทธิ์และความยุติธรรมของพระเจ้า แต่ท่านไม่เคยเห็นกางเขน ไม่เคยรู้จักความรักของพระเจ้าว่ามากมายและยิ่งใหญ่เพียงใด เพราะกางเขนทำให้เรา “เข้าใจถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก อีกทั้งหยั่งรู้ซึ้งถึงความรักซึ่งเกินกว่าจะหยั่งรู้ได้ของพระคริสตเจ้า” (อฟ 3:18-19)
ในเมื่อรู้จักความยิ่งใหญ่แห่งความรักของพระเจ้าเช่นนี้แล้ว เราไม่คิดจะรักและต้อนรับพระองค์เข้ามาในจิตใจของเราดอกหรือ หรือว่าจะปล่อยให้พระองค์นอนในถ้ำเลี้ยงสัตว์ต่อไป ?!?

วันพุธที่ 13 ธันวาคม 2017 ระลึกถึง น.ลูเซีย พรหมจารีและมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 40:25-31
     พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสว่า “ท่านจะเปรียบเรากับผู้ใด ใครเล่าเท่าเทียมเรา” จงแหงนหน้าขึ้นดูว่าผู้ใดเนรมิตสร้างดวงดาวเหล่านี้ พระองค์ผู้ทรงอานุภาพและทรงพลังเข้มแข็ง ทรงนำดวงดาวทั้งหมดออกมาตามจำนวน ทรงเรียกชื่อดาวทุกดวง ซึ่งไม่ขาดไปแม้แต่ดวงเดียว ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูดว่า อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงย้ำว่า “ทางเดินของข้าพเจ้าถูกซ่อนไว้จากองค์พระผู้เป็นเจ้า สิทธิของข้าพเจ้าถูกพระเจ้าของข้าพเจ้ามองข้ามไป”
     ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้านิรันดร เป็นพระผู้เนรมิตสร้างแผ่นดินจนถึงปลายสุด พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย พระดำริของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ พระองค์ประทานกำลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย ทรงเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำลัง แม้คนหนุ่มจะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย แม้ชายฉกรรจ์จะสะดุดและล้มลง แต่ผู้มีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับพลังใหม่ เขาจะกางปีกบินขึ้นเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 11:28-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”

 

ข้อคิด
     พระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ว่า พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงอานุภาพและทรงพลังเข้มแข็ง ไม่ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย พระองค์จะประทานกำลังแก่ผู้อ่อนเปลี้ย และเพิ่มเรี่ยวแรงแก่ผู้ไม่มีกำลัง
วันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนผู้ที่เหน็ดเหนื่อย อ่อนเปลี้ย และแบกภาระหนัก ให้มาพบพระองค์และรับแอกของพระองค์แบกไว้ ซึ่งก็คือให้เรายอมมอบตนเป็นศิษย์ของพระองค์
พระองค์ตรัสว่าแอกของพระองค์อ่อนนุ่ม (คำกรีก chrēstos–เครสตอส หมายถึง “เหมาะพอดี”) เพราะพระองค์จะให้แอกที่ไม่ทำร้ายเรา ที่เหมาะพอดีกับความจำเป็นและความสามารถของเราแต่ละคน
อีกทั้งภาระที่พระองค์ให้เราแบกก็เบา เพราะภาระนั้นคือ ให้เรารักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ และยิ่งได้รู้ซึ้งถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเราด้วยแล้ว ภาระอะไรๆ ก็เบาไปหมด !

วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2017 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                              อสย 48:17-19
      องค์พระผู้เป็นเจ้า พระผู้กอบกู้ของท่าน พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เราสั่งสอนท่านเพื่อประโยชน์ของท่าน นำท่านไปในทางที่ท่านต้องเดิน ถ้าท่านตั้งใจฟังบทบัญญัติของเรา ความเจริญรุ่งเรืองของท่านคงจะเป็นเหมือนแม่น้ำ ความชอบธรรมของท่านคงจะเป็นเหมือนคลื่นทะเล ลูกหลานของท่านจะมีจำนวนมากเหมือนทราย เชื้อสายของท่านจะเป็นเหมือนเม็ดทราย ชื่อของเขาจะไม่ถูกตัด และไม่ถูกลบออกไปต่อหน้าเราเลย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                  มธ 11:16-19
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราจะเปรียบคนยุคนี้กับสิ่งใด เขาเป็นเสมือนเด็กๆ ที่นั่งตามลานสาธารณะ ร้องบอกเพื่อนๆ ว่า
พวกเราเป่าขลุ่ย
พวกเจ้าก็ไม่เต้นรำ
พวกเราร้องเพลงโศกเศร้า
พวกเจ้าก็ไม่ร่ำไห้
ยอห์นมา ไม่กิน ไม่ดื่ม เขาก็ว่า ‘คนนี้มีปีศาจสิง’ บุตรแห่งมนุษย์มา กินและดื่ม เขาก็ว่า ‘ดูซิ นักกิน นักดื่ม เป็นเพื่อนกับคนเก็บภาษีและคนบาป’ แต่พระปรีชาญาณของพระเจ้าผ่านการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้องโดยกิจการ”

 

ข้อคิด
     พวกฟาริสีไม่ยอมเชื่อฟังยอห์นโดยอ้างว่าท่านมีปีศาจสิงเพราะไม่กิน ไม่ดื่ม แต่ผลงานก็พิสูจน์แล้วว่าท่านสามารถนำพาประชาชนจำนวนมากมารับพิธีล้างและกลับใจ
    เช่นเดียวกัน พวกเขาอ้างว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นนักกิน นักดื่ม เพื่อจะไม่ยอมรับพระองค์ กระนั้นก็ตาม ผลงานได้พิสูจน์แล้วเช่นกันว่าพระองค์สามารถทำให้คนจำนวนมากมีความหวังใหม่ มีพลังใหม่ มีชีวิตใหม่ และมีหนทางใหม่ในการเข้าหาพระเจ้า
วันนี้ พระองค์ทรงเตือนเราว่า อย่าทำตัวเป็นเหมือนเด็กที่มีข้ออ้างสารพัดเพื่อจะไม่ยอมรับ ไม่ยอมฟัง หรือไม่ยอมทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เพราะพระเจ้าตรัสผ่านประกาศกอิสยาห์ไว้นานแล้วว่า ถ้าเราตั้งใจฟังพระองค์ ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหลายทั้งปวงก็จะเป็นของเรา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown