มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2017 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี       คส 1:24-2:3
     พี่น้อง บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้าเพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระศาสนจักรนี้ตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้ เพื่อจะได้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่านอย่างสมบูรณ์ นั่นคือธรรมล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัย บัดนี้ธรรมล้ำลึกปรากฏชัดแจ้งแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้ว พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าธรรมล้ำลึกนี้ได้นำพระสิริรุ่งโรจน์ล้นเหลือมาให้คนต่างศาสนา นั่นคือการที่พระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในท่าน ทรงเป็นความหวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรือง เราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้ โดยเตือนและสอนทุกคนให้มีความรู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงตรากตรำทำงาน และต่อสู้ด้วยพลังที่มาจากพระองค์ พลังนี้กำลังมีอำนาจผลักดันให้ข้าพเจ้าทำงานอย่างเข้มแข็ง
     ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า ข้าพเจ้าต้องต่อสู้อย่างหนักเพียงใดเพื่อท่าน เพื่อชาวเลาดีเซีย และเพื่อทุกคนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้าเลย เขาจะได้รับกำลังใจ มีความรักความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น จะได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างซาบซึ้งในธรรมล้ำลึกของพระเจ้าซึ่งหมายถึงพระคริสตเจ้า ในองค์พระคริสตเจ้ามีพระปรีชาญาณและความรอบรู้ซ่อนอยู่เป็นขุมทรัพย์ล้ำค่า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                 ลก 6:6-11
     วันสับบาโตอีกวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในศาลาธรรมและทรงสั่งสอนที่นั่น มีชายคนหนึ่งมือขวาลีบ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคอยจ้องดูว่าพระองค์จะทรงรักษาชายมือลีบในวันสับบาโตหรือไม่เพื่อจะหาเหตุกล่าวโทษพระองค์ แต่พระองค์ทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับชายมือลีบว่า “ลุกขึ้น มายืนตรงกลางนี่ซิ” เขาก็ลุกขึ้นยืน พระเยซูเจ้าตรัสกับคนทั้งหลายว่า “เราถามท่านว่า ในวันสับบาโต ควรทำความดี หรือทำความชั่ว ควรช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต” แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเขาทุกคนและตรัสกับชายมือลีบว่า “จงเหยียดมือออกซิ” เขาก็ทำตามและมือของเขาก็หายเป็นปกติ บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีรู้สึกโกรธแค้นมาก จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับพระเยซูเจ้า


ข้อคิด
     ข้อเขียนของนักบุญเปาโลเป็นแนวทางช่วยให้เราเข้าใจความหมายของการดำเนินชีวิตเพื่อพระคริสตเจ้าในโลกนี้ได้ดียิ่งขึ้น ท่านเห็นว่าพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าคือพระศาสนจักร พระศาสนจักรคือกลุ่มคริสตชนที่มีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พระเยซูเจ้า ชีวิตของพวกเขาในแต่ละวันมีพระคริสต์ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย สิ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จก็ทำเพื่อเกียรติมงคลของพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำวันแต่ละคนก็มองเห็นความดีงามของกันและกัน โดยมองด้วยสายตาของพระคริสตเจ้าที่มีต่อทุกคนคือเข้าใจ เห็นใจและยอมรับ นอกนั้นการให้พระวาจาหรือคำสอนเตือนใจของพระองค์ฝังแน่นในจิตใจเสมอคืออาหารแท้ และที่สุดให้เราแสวงหาพระเยซูเจ้าในความดีงามมากมายหลายรูปแบบ เป็นพระเยซูเจ้าแห่งชีวิตไม่ใช่พระเยซูแห่งอดีตหรือความตาย

วันอังคารที่ 12 กันยายน 2017 พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางมารีย์พรหมจารี

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี      คส 2:6-15
    พี่น้อง เมื่อท่านได้รับองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อไป
จงฝังรากลึก และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่างมั่นคงดังที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมา จงเต็มเปี่ยมไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า
     จงระวังอย่าให้ผู้ใดใช้ปรัชญาหรือเล่ห์กลไร้แก่นสารหลอกลวงท่านตามขนบประเพณีของมนุษย์หรือตามจิตที่ควบคุมโลก ไม่ใช่ตามพระคริสตเจ้า
    ในองค์พระคริสตเจ้านั้น พระเทวภาพบริบูรณ์ดำรงอยู่ในสภาพมนุษย์ที่สัมผัสได้ และท่านได้รับความบริบูรณ์ในพระองค์ผู้ทรงเป็นประมุขแห่งบรรดาเทพผู้ทรงเดชานุภาพและเทพผู้ทรงอำนาจทั้งสิ้น
     ในองค์พระคริสตเจ้า ท่านเข้าสุหนัตอย่างแท้จริงมิใช่จากการกระทำของมนุษย์โดยตัดส่วนหนึ่งของร่างกายทิ้ง แต่เป็นการเข้าสุหนัตที่มาจากพระคริสตเจ้า เมื่อรับศีลล้างบาป ท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ด้วยความเชื่อในพระเดชานุภาพของพระเจ้า ผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ในอดีตท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกาย แต่พระเจ้าโปรดให้ท่านมีชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้าโดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา
     พระองค์ทรงยกเลิกหนี้สินที่เรามีต่อบทบัญญัติซึ่งกล่าวหาเราโดยทรงยกหนี้สินนั้นไปจากเรา และตรึงไว้กับไม้กางเขน พระองค์ยังทรงปลดอำนาจของเทพนิกรนายผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำนาจลง และทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้าต่อหน้ามหาชน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 6:12-19
     ครั้งนั้น พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า “อัครสาวก” คือซีโมน ซึ่งเรียกว่าเปโตร อันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บาร์โธโลมิว มัทธิว โทมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีสมญาว่า “ผู้รักชาติ” ยูดาสบุตรของยากอบ และยูดาสอิสคาริโอท ต่อมายูดาสผู้นี้จะเป็นผู้ทรยศ
    พระเยซูเจ้าเสด็จลงมาจากภูเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์และทรงหยุดอยู่ ณ ที่ราบแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีศิษย์กลุ่มใหญ่และประชาชนจำนวนมากจากทั่วแคว้นยูเดีย จากกรุงเยรูซาเล็ม จากเมืองไทระ และจากเมืองไซดอนซึ่งอยู่ริมทะเล มาฟังพระองค์ และรับการรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บของตน บรรดาผู้ที่ถูกปีศาจรบกวนได้รับการรักษาด้วย ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย

 

ข้อคิด
    ข้อคิดในวันนี้ท่านนักบุญเปาโลสอนสิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตของพระเยซูเจ้าคือ การที่จะดำเนินชีวิตท่ามกลางกระแสแห่งความคิดและปรัชญาสายต่างๆมากมายนั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่งที่จะมีใจมั่นคงไม่ไขว้เขวไป แนวความคิดที่มีพลังมาในปัจจุบันคือ ลัทธิบริโภคนิยม ลัทธิกอบโกยนิยมและลัทธิพวกพ้องนิยมรวมทั้งลัทธิอัตตานิยมด้วย กระแสความคิดเหล่านี้ให้ความสุขชั่วคราวเท่านั้นและมักจะมีผลร้ายตามมาเสมอ เราจะประคองตัวเองได้ก็ต่อเมื่อมีการตั้งสติและมีการภาวนายกจิตใจขึ้นหาพระเจ้าบ่อยๆ ยึดพระองค์เป็นที่มั่น ผูกจิตเราไว้กับพระองค์ ท่านนักบุญเปาโลใช้คำว่า ให้เราฝังจิตใจเราไว้กับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ทุกวัน

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2017 ฉลองเทิดทูนไม้กางเขน

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟีลิปปี      ฟป 2:6-11
     แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์ พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                   ยน 3:13-17
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับนิโคเดมัสว่า “ไม่มีใครเคยขึ้นไปบนสวรรค์ นอกจากผู้ที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรแห่งมนุษย์เท่านั้น
โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดรเพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น”

 

ข้อคิด
     คำสอนและข้อคิดในวันนี้คือเรื่องความสุภาพถ่อมตนของพระเยซูเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่แต่ยอมถ่อมตนมารับสภาพมนุษย์ ทำไม? เพราะพระองค์เชื่อมั่นในแผนการของพระบิดาและรักพระบิดามาก ความสุภาพถ่อมตนที่เราฝึกฝนนั้นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรารู้ชัดเจนว่าเป้าหมายของความถ่อมตนนั้นคืออะไร เพื่ออะไร? จะได้ผลอะไรเมื่อฝึกจิตเช่นนี้แล้ว เราย่อเข่าลงยอมรับพระเยซูเจ้าเพราะพระองค์ยอมพลีชีวิตเพื่อมนุษย์จะได้รอดพ้นจากอำนาจของบาป พระองค์ลืมตนเองเพื่อคนอื่น พระเจ้าจึงยกพระองค์ขึ้นสูง...เราก็เช่นกันหากนำคุณธรรมความถ่อมตนมาใช้ในชีวิตโดยระวังไม่ให้จิตตกหลุดไปอยู่ในหลุมแห่งอัตตาและไม่ปล่อยจิตไปทำร้ายใครแต่ให้ความจริงและความรักเขามาครอบครอง เราย่อมได้รับความรอดหลุดพ้นจากพลังด้านลบของโลกนี้ได้

วันพุธที่ 13 กันยายน 2017 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงโคโลสี       คส 3:1-11
     พี่น้อง ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่นั้นพระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้วและชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า เมื่อพระคริสตเจ้า องค์ชีวิตของท่านจะทรงสำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ด้วย
     ท่านทั้งหลายจงขจัดโลกียวิสัยในตัวท่าน คือการผิดประเวณี ความลามก กิเลสตัณหา ความปรารถนาในทางชั่วร้าย และความโลภซึ่งเป็นเหมือนการกราบไหว้รูปเคารพอย่างหนึ่ง โลกียวิสัยเหล่านี้นำการตัดสินลงโทษของพระเจ้าลงมายังผู้ดื้อรั้น ครั้งหนึ่งท่านก็เคยเป็นเช่นนี้ เคยดำเนินชีวิตในกิเลสตัณหาเหล่านี้ แต่บัดนี้ ท่านจงขจัดทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย อย่าพูดเท็จต่อกัน ท่านทั้งหลายได้ปลดเปลื้องวิสัยมนุษย์เก่า และการกระทำตามวิสัยมนุษย์เก่า และสวมใส่วิสัยมนุษย์ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมุ่งไปหาความรู้ตามภาพลักษณ์ขององค์พระผู้สร้าง ดังนั้น การเป็นชาวกรีก หรือชาวยิว การเข้าสุหนัตหรือไม่เข้าสุหนัต การเป็นอนารยชน เป็นชาวสิเธีย เป็นทาสหรือเป็นคนอิสระก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ที่สำคัญก็คือพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                    ลก 6:20-26
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรบรรดาศิษย์ ตรัสว่า
“ท่านทั้งหลายที่ยากจนย่อมเป็นสุข เพราะพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นของท่าน
ท่านที่หิวในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะอิ่ม
ท่านที่ร้องไห้ในเวลานี้ย่อมเป็นสุข เพราะท่านจะหัวเราะ
ท่านทั้งหลายเป็นสุข เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังท่าน ผลักไสท่าน ดูหมิ่นท่าน รังเกียจนามของท่านประหนึ่งนามชั่วร้ายเพราะท่านเป็นศิษย์ของบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นชมในวันนั้นเถิด จงกระโดดโลดเต้นยินดีเถิด เพราะบำเหน็จรางวัลของท่านนั้นยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ บรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกมาแล้ว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่ร่ำรวย เพราะท่านได้รับความเบิกบานใจแล้ว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่อิ่มเวลานี้ เพราะท่านจะหิว
วิบัติจงเกิดกับท่านที่หัวเราะเวลานี้ เพราะท่านจะเป็นทุกข์และร้องไห้
วิบัติจงเกิดกับท่านเมื่อทุกคนกล่าวยกย่องท่าน เพราะบรรดาบรรพบุรุษของเขาเหล่านั้นเคยทำเช่นนี้กับบรรดาประกาศกเทียมมาแล้ว”

 

ข้อคิด
    คำสอนจากบทเทศน์บนภูเขาของพระเยซูเจ้าเป็นบรรทัดฐานจริยธรรมของเราชาวคริสต์และเป็นแนวทางนำจิตใจเราขึ้นสู่ระดับที่สูงส่งเหนือคนธรรมดาทั่วไป ถ้าเราวิเคราะห์หาเหตุผลเบื้องหลังคำสอนดังกล่าว ขณะเดียวกันคำสอนจริยธรรมระดับทั่วไปก็พบได้ในจดหมายของท่านนักบุญเปาโลที่พยายามปรับจิตวิญญาณของชาวยิวที่เมืองโคโลสีซึ่งหันมาเลื่อมใสในพระเยซูเจ้าให้พวกเขาละทิ้งจากความโกรธ ความคิดร้าย การด่าทอหยาบคาย การสาปแช่งคนอื่น การพูดเท็จ สรุปรวมแล้วคือจิตที่เป็นทาสของความชั่วร้ายที่ฝังลึกในตัวเก่าออกไปนั่นเอง ท่านเรียกร้องให้แต่ละคนเชื่อมั่นว่าเราคือคนใหม่ มีชีวิตและจิตใจใหม่ในพระคริสตเจ้าผู้เป็นทุกสิ่งสำหรับเราทุกคน

วันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2017 ระลึกถึงแม่พระมหาทุกข์

บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู                                      ฮบ 5:7-9
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้ พระองค์ทรงอธิษฐาน ทูลขอ คร่ำครวญและร่ำไห้ต่อพระเจ้าผู้ทรงช่วยพระองค์ให้พ้นความตายได้ พระเจ้าทรงฟังเพราะความเคารพยำเกรงของพระเยซูเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตร ก็ยังทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมเชื่อฟังโดยการรับทรมาน และเมื่อทรงกระทำภารกิจของพระองค์สำเร็จบริบูรณ์แล้ว ก็ทรงเป็นผู้บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 19:25-27
     เวลานั้น พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้องสาวของพระนาง มารีย์ภรรยาของเคลโอปัส และมารีย์ชาวมักดาลา เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นพระมารดาและศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า “แม่ นี่คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” ตั้งแต่เวลานั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าสอนเราด้วยชีวิตของพระองค์เอง ชีวิตในโลกที่จบลงบนไม้กางเขน แต่ชีวิตแท้อันยาวนานนั้นทั้งความตายและไม้กางเขนไม่อาจจะดึงรั้งพระองค์ไว้ได้ ตรงกันข้ามไม้กางเขนที่เคยเป็นเครื่องมือของความชั่วร้ายพระองค์ทรงเปลี่ยนให้เป็นเครื่องมือของความรอด ความตายที่คนทั่วไปมองว่าเป็นจุดจบพระองค์ทรงเปลี่ยนให้เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตแท้ ภาพที่พระองค์ถูกตรึงไว้บนไม้กางเขนและมีพระแม่มารีย์ยืนอยู่ที่เชิงกางเขนนั้นสะท้อนความหมายของกระบวนการไถ่กู้ในอีกมุมมองหนึ่ง ต่อไปพระแม่มารีย์จะเป็นอีกผู้หนึ่งที่คอยช่วยเรานำพาชีวิตผ่านกระแสสังคมที่เต็มไปด้วยพลังด้านลบนี้ให้ไปถึงฝั่งได้ พระองค์เชื่อมั่นเช่นนั้นจึงมอบพระแม่มารีย์ให้เป็นมารดาฝ่ายจิตของเรา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown