มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันศุกร์ที่ 21 เมษายน 2017 วันศุกร์ในอัฐมวารปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                 กจ 4:1-12
     ขณะที่เปโตรและยอห์นกำลังปราศรัยกับประชาชนอยู่นั้น บรรดาสมณะพร้อมกับนายทหารรักษาพระวิหารและบรรดาชาวสะดูสีได้เข้ามาพบ เขาไม่พอใจมากที่ทั้งสองคนสั่งสอนประชาชนและประกาศว่าบรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพเพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ เขาจับกุมเปโตรและยอห์นจองจำไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว แต่หลายคนที่ฟังคำเทศน์สอนนั้นมีความเชื่อ และจำนวนของคนเหล่านี้เพิ่มขึ้นถึงประมาณห้าพันคน
     วันรุ่งขึ้น บรรดาผู้ปกครอง ผู้อาวุโสและธรรมาจารย์มาประชุมกันในกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมกับอันนาสมหาสมณะ คายาฟาส ยอห์น อเล็กซานเดอร์และสมาชิกทุกคนในครอบครัวมหาสมณะ เขานำเปโตรและยอห์นมาอยู่กลางที่ประชุม แล้วเริ่มซักถามว่า “ท่านทั้งสองคนทำการโดยอำนาจหรือในนามของผู้ใด” เปโตรเปี่ยมด้วยพระจิตเจ้ากล่าวกับเขาว่า “ท่านผู้ปกครองประชาชน และผู้อาวุโสทั้งหลาย วันนี้เราทำความดีรักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง เราจึงถูกสอบสวนว่าคนนี้หายจากโรคได้อย่างไร ท่านทั้งหลายและประชาชนอิสราเอลทุกคนจงรู้เถิดว่า ชายคนนี้หายจากโรคมายืนอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลาย ก็เพราะพระนามพระเยซูคริสตเจ้าชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านนำไปตรึงกางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย พระเยซูเจ้าองค์นี้ทรงเป็นศิลาซึ่งท่านทั้งหลายผู้เป็นช่างก่อสร้างขว้างทิ้ง แต่ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม ไม่มีผู้ใดช่วยให้เรารอดพ้น เพราะใต้ฟ้านี้พระเจ้ามิได้ประทานนามอื่นแก่มนุษย์นอกจากนามนี้ที่ช่วยเราให้รอดพ้นได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 21:1-14
     หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์อีกครั้งหนึ่งที่ฝั่งทะเลสาบทีเบเรียส เรื่องราวเป็นดังนี้ ศิษย์บางคนอยู่พร้อมกันที่นั่น คือซีโมนเปโตร กับโทมัสที่เรียกกันว่า “ฝาแฝด” นาธานาเอล ซึ่งมาจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรทั้งสองคนของเศเบดีและศิษย์อีกสองคน ซีโมนเปโตรบอกคนอื่นว่า “ข้าพเจ้าจะไปจับปลา” ศิษย์คนอื่นตอบว่า “พวกเราจะไปกับท่านด้วย” เขาทั้งหลายออกไปลงเรือ แต่คืนนั้นทั้งคืนเขาจับปลาไม่ได้เลย
     พอรุ่งสาง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง แต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงร้องถามว่า “ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม” เขาตอบว่า “ไม่มี” พระองค์จึงตรัสว่า “จงเหวี่ยงแหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ แล้วจะได้ปลา” บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงแหออกไป แต่ดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่” เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ แล้วกระโดดลงไปในทะเล ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมากับเรือ ลากแหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
     เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาและขนมปังวางอยู่บนไฟ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ” ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ แล้วลากแหขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่ติดอยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว แต่ทั้งๆ ที่ติดปลามากเช่นนั้น แหก็ไม่ขาด พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “มากินอาหารกันเถิด” ไม่มีศิษย์คนใดกล้าถามว่า “ท่านเป็นใคร” เพราะรู้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา แล้วทรงแจกปลาให้เช่นเดียวกัน นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย

 

ข้อคิด
     ประสบการณ์การพบพระ มักจะเกิดขึ้นตอนที่มนุษย์เรารับรู้สัมผัสกับความจำกัดของตนเอง จนถึงจุดที่หมดสิ้นตัวตน แต่หัวใจยังผูกพันอยู่กับพระ ณ ขณะนั้นหัวใจเราจะเปิดและพบพระ .......เมื่อบรรดาสาวกเหน็ดเหนื่อยทั้งคืน หมดหวังและหมดเวลาที่จะจับปลาแล้ว เมื่อไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ ณ ขณะนั้นหัวใจก็เปิด และได้พบกับเวลาที่วิเศษที่สุด บรรดาสาวกกลับได้พบสัมผัสพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าที่ทรงรักและห่วงใย ทรงติดตามพวกเขามาจนถึงกาลิลี ทรงพูดกับพวกเขา ในสถานที่และในเวลาที่พวกเขาเจริญชีวิตอย่างธรรมดาๆ แบบชาวประมงที่ต้องทำงานเลี้ยงชีพทั่วๆไป

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน 2017 วันเสาร์ในอัฐมวารปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 4:13-21
     เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นว่าเปโตรและยอห์นพูดอย่างกล้าหาญ ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนไม่เคยได้รับการศึกษา และไม่มีความรู้พิเศษใดๆ ก็ประหลาดใจและระลึกได้ว่าทั้งสองคนเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า เมื่อเห็นคนที่หายจากโรคยืนอยู่กับเปโตรและยอห์น เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงสั่งให้ทั้งสองคนออกไปนอกห้องประชุม แล้วเริ่มปรึกษากันว่า “เราจะทำอย่างไรกับทั้งสองคนนี้ดี” เพราะเขาทำการอัศจรรย์เด่นชัด ทุกคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มรู้ว่าเขาทำเครื่องหมายอัศจรรย์นี้อย่างเปิดเผย เราไม่อาจปฏิเสธได้ แต่เราต้องขู่เขา อย่าให้กล่าวถึงนามนั้นแก่ผู้ใด เพื่อเรื่องนี้จะได้ไม่เล่าลือแพร่หลายไปในหมู่ประชาชนมากยิ่งขึ้น”
เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นเข้ามา สั่งอย่างเด็ดขาดมิให้พูดหรือสอนในพระนามพระเยซูเจ้าอีก เปโตรและยอห์นย้อนถามว่า “ท่านทั้งหลายจงตัดสินเถิดว่าอะไรเป็นการถูกต้องเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าจะฟังท่านหรือจะฟังพระเจ้า เราจำเป็นต้องพูดถึงสิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินมา” ที่ประชุมขู่สำทับทั้งสองคนอีกครั้งหนึ่งแล้วปล่อยไป เพราะไม่พบสาเหตุที่จะลงโทษและเพราะกลัวประชาชน ทุกคนต่างถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 16:9-15
     หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพตอนเช้าตรู่วันต้นสัปดาห์แล้ว พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่มารีย์ชาวมักดาลาเป็นคนแรก นางคือผู้ที่พระองค์เคยทรงไล่ปีศาจเจ็ดตนออกไป นางจึงไปบอกผู้ที่กำลังร้องไห้เป็นทุกข์ซึ่งเคยอยู่กับพระองค์ เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินนางพูดว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และนางเห็นพระองค์แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ
     หลังจากนั้น พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ในรูปแตกต่างไปกับศิษย์สองคนซึ่งกำลังเดินทางไปชนบท เขาทั้งสองคนกลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง แต่คนเหล่านั้นก็ไม่เชื่อเช่นเดียวกัน
     ในที่สุด พระองค์ทรงสำแดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบเอ็ดคนขณะที่เขากำลังร่วมโต๊ะกินอาหารอยู่ ทรงตำหนิพวกเขาที่ไม่ยอมเชื่อและมีใจแข็งกระด้าง เพราะไม่ยอมเชื่อผู้ที่เห็นพระองค์เมื่อทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง

 

ข้อคิด
     นักบุญเปโตรและนักบุญยอห์น ไม่เคยได้รับการศึกษา ไม่มีความรู้พิเศษใดๆ แต่ท่านทั้งสองมีเพียงเคยอยู่กับพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกับมารีย์ชาวมักดาลาก็ไม่มีประวัติใดจะโอ้อวด แต่ท่านทั้งสามได้พบพระเยซูเจ้าผู้กลับเป็นขึ้นมา อัครสาวกคนอื่นๆและบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าก็เช่นเดียวกัน มิได้มีความสามารถโดดเด่นในสายตาของมนุษย์ นอกจากการมีโอกาสได้เห็น ได้พูด ได้คุยกับพระเยซูเจ้า ......ณ ปัจจุบัน เราก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน ในการจะได้พูดได้คุยในใจกับพระเยซูเจ้า ทั้งในยามทุกข์และยามสุข ทั้งในยามมีและยามจน ทั้งในยามสบายและยามป่วยไข้ เราพูดกับพระองค์ได้ตลอด ด้วยคำพูดสำนวนของเราเอง โดยไม่ต้องเกรงพระองค์แต่อย่างใด

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2017 น.ฟีเดลิส แห่งซิกมาริงเก็น พระสงฆ์และมรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                               กจ 4:23-31
     เมื่อเปโตรและยอห์นได้รับการปลดปล่อยแล้ว ก็ไปพบบรรดาศิษย์ เล่าทุกเรื่องที่บรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสกล่าวกับตน เมื่อบรรดาศิษย์ฟังจบแล้ว จึงพร้อมใจกันเปล่งเสียงทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างฟ้า แผ่นดิน ทะเล และสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในนั้น เดชะพระจิตเจ้า พระองค์ทรงดลใจให้กษัตริย์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์และผู้เป็นบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทั้งหลายตรัสว่า ‘ทำไมชนชาติทั้งหลายจึงบันดาลโทสะ และบรรดาประชาชาติจึงวางแผนไร้สาระ บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินต่างต่อต้าน บรรดาผู้ปกครองมาร่วมกันต่อสู้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า และผู้รับเจิมของพระองค์’
     ความจริงแล้ว ในเมืองนี้กษัตริย์เฮโรดและปอนทิอัสปีลาตร่วมกับคนต่างชาติและประชากรอิสราเอลต่อสู้กับพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงเจิมไว้
     เพื่อทำให้พระประสงค์ที่ทรงกำหนดไว้ด้วยพระอานุภาพสำเร็จไป บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรคำข่มขู่ของเขาทั้งหลายและประทานให้ข้ารับใช้ของพระองค์ประกาศพระวาจาของพระองค์ด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งเถิด โปรดแสดงพระอานุภาพในการรักษาโรค ให้เครื่องหมายอัศจรรย์และปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเดชะพระนามพระเยซูเจ้าผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เถิด” เมื่อบรรดาศิษย์อธิษฐานภาวนาจบแล้ว สถานที่ที่เขามาชุมนุมกันนั้นก็สั่นสะเทือน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมและเริ่มประกาศพระวาจาของพระเจ้าอย่างกล้าหาญ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 3:1-8

     ชายคนหนึ่งจากกลุ่มชาวฟาริสีชื่อนิโคเดมัส เป็นหัวหน้าคนหนึ่งของชาวยิว เขามาเฝ้าพระเยซูเจ้าตอนกลางคืน ทูลว่า “รับบี พวกเรารู้ว่า ท่านเป็นอาจารย์ที่มาจากพระเจ้า เพราะไม่มีใครทำเครื่องหมายอัศจรรย์อย่างที่ท่านทำได้ นอกจากพระเจ้าจะสถิตกับเขา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าไม่มีใครเห็นพระอาณาจักรของพระเจ้า ถ้าเขาไม่ได้เกิดใหม่” นิโคเดมัสทูลถามว่า “คนชราแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไรกัน เขาจะเข้าไปในครรภ์มารดาอีกครั้งหนึ่ง แล้วเกิดใหม่ได้หรือ”
     พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ไม่มีใครเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าถ้าเขาไม่เกิดจากน้ำและพระจิตเจ้า สิ่งใดที่เกิดจากเนื้อหนังย่อมเป็นเนื้อหนัง สิ่งใดที่เกิดจากพระจิตเจ้า ย่อมเป็นจิต อย่าประหลาดใจถ้าเราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องเกิดใหม่จากเบื้องบน ลมย่อมพัดไปในที่ที่ลมต้องการ ท่านได้ยินเสียงลมพัดแต่ไม่รู้ว่า ลมพัดมาจากไหน และจะพัดไปไหน ทุกคนที่เกิดจากพระจิตเจ้าก็เป็นเช่นนี้”

 

ข้อคิด
     บรรดาสาวกผ่านการตายก่อนตาย เพราะได้เผชิญกับความสูญสิ้นหมดหวัง จนต้องหลบลี้กระจัดกระจายกันไป เพราะการที่พระเยซูเจ้าถูกจับและตายบนไม้กางเขน .......เมื่อได้เผชิญความตาย โดยการตกอยู่ในสภาพของชีวิตที่สิ้นหวังตามประสาโลก อย่างไม่เหลืออะไรอีกแล้ว พระบิดาก็ได้ทรงมอบชีวิตใหม่ให้กับบรรดาสาวก ซึ่งหลังจากผ่านสภาพเช่นนี้แล้ว การประกาศเทศน์สอนจึงเกิดขึ้น นี่เป็นการยืนยันว่า ชีวิตและพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี เกิดขึ้นและเกิดผล หลังจากการหมดตัวตนต่อหน้าพระ

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2017 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                              กจ 2:42-47
     คนเหล่านั้นประชุมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวกดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้อง ร่วม ”พิธีบิขนมปัง” และอธิษฐานภาวนา พระเจ้าทรงบันดาลให้บรรดาอัครสาวกทำปาฏิหาริย์และเครื่องหมายอัศจรรย์เป็นจำนวนมาก ทุกคนจึงมีความยำเกรง
     ผู้มีความเชื่อทุกคนดำเนินชีวิตร่วมกันและมีทุกสิ่งเป็นของส่วนรวม เขาขายที่ดินและทรัพย์สินอื่นๆ แบ่งเงินให้ทุกคนตามความต้องการ
     ทุกๆ วัน เขาพร้อมใจกันไปที่พระวิหารและไปตามบ้านเพื่อทำพิธีบิขนมปัง ร่วมกินอาหารด้วยความยินดีและเข้าใจกัน เขาทั้งหลายสรรเสริญพระเจ้า และได้รับความนิยมจากประชาชนทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้จำนวนผู้ที่ได้รับความรอดพ้นเพิ่มขึ้นทุกวัน

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง     1 ปต 1:3-9
      ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระกรุณาอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความหวังที่จะมีชีวิต อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าจากบรรดาผู้ตาย เพื่อรับมรดกที่ไม่เสื่อมสลายไร้มลทิน ไม่มีวันร่วงโรยซึ่งเก็บรักษาไว้ในสวรรค์เพื่อท่าน พระเจ้าทรงปกป้องท่านไว้ด้วยพระอานุภาพให้มีความเชื่อ จนกว่าจะประทานความรอดพ้นซึ่งกำลังจะได้รับการเปิดเผยในวาระสุดท้าย
ดังนั้น ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่างๆ ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ รับสิริรุ่งโรจน์และรับเกียรติเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงแสดงพระองค์ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ ท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้าทั้งๆ ที่ยังมิได้เห็นพระองค์ แม้ว่าขณะนี้ท่านยังมิได้เห็นพระองค์ ท่านก็ยังเชื่อในพระองค์ ท่านจึงชื่นชมยินดีสุดที่จะพรรณนา เพราะท่านกำลังจะได้รับจุดมุ่งหมายของความเชื่อ คือความรอดพ้นของวิญญาณอยู่แล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                 ยน 20:19-31
     ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันต้นสัปดาห์ ประตูห้องที่บรรดาศิษย์กำลังชุมนุมกันปิดอยู่ เพราะกลัวชาวยิว พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลาง ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้บรรดาศิษย์ดูพระหัตถ์และด้านข้างพระวรกาย เมื่อเขาเหล่านั้นเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็มีความยินดี
     พระองค์ตรัสกับเขาอีกว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น” ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงเป่าลมเหนือเขาทั้งหลาย ตรัสว่า “จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย ท่านทั้งหลายไม่อภัยบาปของผู้ใด บาปของผู้นั้นก็ไม่ได้รับการอภัยด้วย”
     โทมัส ซึ่งเรียกกันว่า “ฝาแฝด” เป็นคนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไม่ได้อยู่กับอัครสาวกคนอื่นๆ เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมา ศิษย์คนอื่นบอกเขาว่า “พวกเราเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” แต่เขาตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู และไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกาย ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” แปดวันต่อมา บรรดาศิษย์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก โทมัสก็อยู่กับเขาด้วย พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ตรงกลางทั้งๆ ที่ประตูปิดอยู่ ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วตรัสกับโทมัสว่า “จงเอานิ้วมาที่นี่ และดูมือของเราเถิด จงเอามือมาที่นี่ คลำที่สีข้างของเรา อย่าสงสัยอีกต่อไป แต่จงเชื่อเถิด” โทมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”
     พระเยซูเจ้ายังทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์อื่นอีกหลายประการให้บรรดาศิษย์เห็น แต่ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตเดชะพระนามของพระองค์

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงเอารอยตะปูที่ทะลุพระหัตถ์และพระบาท และรอยแผลที่พระสีข้าง มาเป็นกำลังใจให้บรรดาศิษย์ที่กำลังอยู่ในความกลัว และด้วยรอยตะปูและรอยแผลเดียวกันนั้นเอง ที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ยืนยันให้โทมัสหายสงสัย ......ด้วยรอยตะปูที่ทะลุพระหัตถุและพระบาท และรอยแผลที่พระสีข้าง ที่เกิดขึ้นพร้อมชีวิตของพระเยซูเจ้าที่หมดสิ้นบนไม้กางเขน ได้กลับเป็นพยานยืนยันว่ามีบุคคลผู้หนึ่งที่รักเราอย่างที่สุด แม้ต้องตาย “พระองค์” ผู้นั้นก็ไม่ยอมหยุดรักเรา ......เท่านี้ ก็พอแล้ว สำหรับชีวิตของ “ลูก”

วันอังคารที่ 25 เมษายน 2017 ฉลองนักบุญมาระโก ผู้นิพนธ์พระวรสาร

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปโตรอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง   1 ปต 5:5ข-14
     ท่านที่รักยิ่งทั้งหลาย จงมีความถ่อมตนต่อกันเถิดเพราะพระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่งจองหอง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน ดังนั้น จงถ่อมตนอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่านเมื่อถึงเวลาอันควร จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมารกำลังดักวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงโตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้กับมันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ จงรู้ว่าบรรดาพี่น้องผู้มีความเชื่อทั่วโลกก็ประสบความทุกข์ลำบากเช่นเดียวกัน และเมื่อท่านได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ประทานพระหรรษทานทุกประการ ผู้ทรงเรียกท่านให้มารับพระสิริรุ่งโรจน์นิรันดรในพระคริสตเจ้า จะทรงฟื้นฟูท่านให้มั่นคง มีกำลังเข้มแข็ง และจะทรงพยุงท่านไว้ ขอพระอานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดนิรันดร อาเมน
     ข้าพเจ้าเขียนจดหมายสั้นๆ ฉบับนี้ ด้วยความช่วยเหลือของสิลวานัสซึ่งข้าพเจ้านับถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์ ข้าพเจ้าเตือนสติท่านและยืนยันว่านี่เป็นพระหรรษทานแท้จริงของพระเจ้า จงยืนหยัดมั่นคงในพระหรรษทานนี้เถิด พระศาสนจักรที่กรุงบาบิโลนซึ่งพระเจ้าทรงเลือกสรรไว้เช่นเดียวกับที่ได้ทรงเลือกสรรท่าน ขอฝากความคิดถึงท่าน มาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงท่านด้วย
     จงทักทายกันด้วยการจุมพิตแสดงความรัก ขอสันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลายซึ่งดำรงอยู่ในพระคริสตเจ้าเทอญ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                             มก 16:15-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงสำแดงองค์แก่อัครสาวกทั้งสิบเอ็ดคน ตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวดีให้มนุษย์ทั้งปวง ผู้ที่เชื่อและรับศีลล้างบาปก็จะรอดพ้น ผู้ที่ไม่เชื่อจะถูกตัดสินลงโทษ ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย”
     เมื่อพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าทรงรับพระองค์ขึ้นสู่สวรรค์ ให้ประทับ ณ เบื้องขวา บรรดาศิษย์ก็แยกย้ายกันออกไปเทศนาสั่งสอนทั่วทุกแห่งหน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานร่วมกับเขา และทรงรับรองคำสั่งสอนโดยอัศจรรย์ที่ติดตามมา


ข้อคิด
........ จงถ่อมตน อยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า
........ จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของทาน ไว้กับพระองค์
........ จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ
........ “ องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงอยู่และทำงานร่วมกับเรา ผู้ถ่อมตน ผู้วางใจในพระ ผู้มีสติสัมปชัญญะและภาวนาอยู่เสมอ ในพระองค์”

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown