วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2016 สัปดาห์ที่ 20 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนสิงหาคม 2016
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1590
บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล อสค 34:1-11
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงประกาศพระวาจากล่าวโทษบรรดาผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล จงประกาศพระวาจาบอกบรรดาผู้เลี้ยงแกะว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ ‘วิบัติจงเกิดแก่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอลซึ่งเลี้ยงตนเอง ผู้เลี้ยงแกะย่อมต้องเลี้ยงฝูงแกะมิใช่หรือ แต่ท่านกินน้ำนมใช้ขนแกะคลุมกาย ฆ่าแกะตัวอ้วนๆ แต่ไม่เลี้ยงฝูงแกะ แกะที่อ่อนแอ ท่านไม่ได้เสริมกำลัง แกะที่เจ็บป่วย ท่านก็ไม่รักษา แกะที่บาดเจ็บ ท่านก็ไม่ได้พันแผลให้ และแกะที่พลัดหลง ท่านก็ไม่ได้ไปตามกลับมา แกะที่หายไป ท่านก็ไม่ได้แสวงหา แต่ท่านได้ปกครองบรรดาแกะโดยใช้กำลังอย่างโหดร้าย บรรดาแกะจึงกระจัดกระจายไป เพราะไม่มีผู้เลี้ยง กลายเป็นเหยื่อของสัตว์ป่า และกระจัดกระจายไป ฝูงแกะของเราระเหเร่ร่อนไปทั่วทุกภูเขาและตามเนินเขาสูงทุกลูกฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ ไม่มีผู้ใดแสวงหา’”
“ดังนั้น ท่านผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัส ฝูงแกะของเราตกเป็นเหยื่อ และแกะของเรากลายเป็นอาหารของสัตว์ป่าทั้งหลาย เพราะไม่มีผู้เลี้ยง และเพราะผู้เลี้ยงแกะของเราไม่ไปตามหาแกะของเรา แต่ผู้เลี้ยงแกะกลับเลี้ยงตนเอง ไม่ได้เลี้ยงแกะของเรา เพราะเหตุนี้ ผู้เลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้ ‘ดูซิ เราเป็นอริกับผู้เลี้ยงแกะเหล่านั้น เราจะเรียกร้องเอาแกะของเราคืนมาจากมือของเขา จะให้เขาเลิกเลี้ยงแกะ ผู้เลี้ยงแกะจะได้เลิกเลี้ยงตนเอง เราจะช่วยแกะของเราให้รอดพ้นจากปากของเขา แกะจะได้ไม่เป็นอาหารของเขาอีกต่อไป’”
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ดูซิ เราจะเอาใจใส่และจะแสวงหาฝูงแกะของเราเอง”
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 20:1-16ก
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์เป็นคำอุปมาดังนี้ “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่นครั้นได้ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้วก็ส่งไปทำงานในสวนองุ่นประมาณสามโมงเช้าพ่อบ้านออกมาก็เห็นคนอื่นๆยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำงานจึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิดฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไปพ่อบ้านออกไปอีกประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมงกระทำเช่นเดียวกันประมาณห้าโมงเย็นพ่อบ้านออกไปอีกพบคนอื่นๆยืนอยู่จึงถามเขาว่า ‘ทำไมท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครมาจ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด’
“ครั้นถึงเวลาค่ำเจ้าของสวนบอกผู้จัดการว่า ‘ไปเรียกคนงานมาจ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริ่มตั้งแต่คนสุดท้ายจนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึงเขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญเมื่อคนงานพวกแรกมาถึงเขาคิดว่าตนจะได้รับมากกว่านั้นแต่ก็ได้รับคนละหนึ่งเหรียญเช่นเดียวกันขณะรับค่าจ้างเขาก็บ่นต่อหน้าเจ้าของสวนว่า ‘พวกที่มาสุดท้ายนี้ทำงานเพียงชั่วโมงเดียวท่านก็ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากับเราซึ่งต้องตรากตรำอยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อนเอ๋ยฉันไม่ได้โกงท่านเลยท่านไม่ได้ตกลงกับฉันคนละหนึ่งเหรียญหรือจงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิดฉันอยากจะให้คนที่มาสุดท้ายนี้เท่ากับให้ท่านฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’
ดังนี้แหละคนกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นคนกลุ่มแรกและคนกลุ่มแรกจะกลับเป็นคนกลุ่มสุดท้าย”
ข้อคิด
การได้รับเรียกให้ทำงานของพระเจ้า เป็นพระพรจากพระเจ้า มิใช่เป็นสิทธิส่วนบุคคลของมนุษย์....และ การจะนั่งข้างซ้าย ข้างขวา หรือค่าตอบแทนใดๆ เป็นสิทธิของพระเจ้ามิใช่เป็นสิทธิของมนุษย์ แม้ชีวิตและความตาย มนุษย์ก็ไม่สามารถเรียกร้องได้เช่นกัน ชีวิตทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า บทบาทหน้าที่ของเรามนุษย์คือ ขอบพระคุณพระเจ้าและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ เราทราบดีว่าที่ผ่านมาพระองค์พระทัยดี ทรงเป็นความรักทรงกระทำดีต่อเรามาตลอด