มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2016 น.ลอเรนซ์ แห่งบรินดิซี พระสงฆ์และนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                   ยรม 2:1-3,7-8,12-13
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า จงไปประกาศให้ชาวกรุงเยรูซาเล็มได้ยินว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เรายังระลึกถึงความจงรักภักดีในวัยสาวของท่าน ระลึกถึงความรักเมื่อท่านยังเป็นคู่หมั้น เมื่อท่านติดตามเราในถิ่นทุรกันดาร ในแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดหว่านพืช อิสราเอลถูกแยกไว้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นผลิตผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว ทุกคนที่กินผลแรกนี้ย่อมมีความผิด เหตุร้ายจะมาถึงเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส”
     เราได้นำท่านทั้งหลายเข้ามาในแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ เพื่อจะได้กินผลผลิตและสิ่งดีๆ แต่เมื่อท่านเข้ามา ท่านทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียน บรรดาสมณะไม่เคยถามว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน” ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา บรรดาผู้ปกครองก็เป็นกบฏต่อเรา บรรดาประกาศกประกาศวาจาในนามของพระบาอัล และดำเนินตามสิ่งที่ไร้ประโยชน์
     สวรรค์เอ๋ย จงตกตะลึงเพราะเหตุการณ์เช่นนี้ จงสยดสยองและจงตกใจอย่างที่สุดเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสประชากรของเราได้ทำความชั่วสองประการ เขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นพุน้ำไหล แล้วไปสกัดหินเป็นที่ขังน้ำสำหรับตน เป็นที่ขังน้ำรั่วซึ่งเก็บน้ำไว้ไม่ได้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                    มธ 13:10-17
     เวลานั้น บรรดาศิษย์เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพระองค์ตรัสแก่พวกเขาเป็นอุปมา” พระองค์ทรงตอบว่า “พระเจ้าประทานธรรมล้ำลึกเรื่องอาณาจักรสวรรค์ให้ท่านทั้งหลายรู้แต่ไม่ได้ประทานให้แก่ผู้อื่นเพราะผู้ที่มีมากจะได้รับมากขึ้นจนเหลือเฟือส่วนผู้ที่มีน้อยจะถูกริบสิ่งเล็กน้อยที่มีไปด้วยดังนั้นเรากล่าวแก่คนเหล่านี้เป็นอุปมาถึงแม้พวกเขามองดูก็ไม่เห็นแม้ฟัง ก็ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจสำหรับคนเหล่านี้คำทำนายของประกาศกอิสยาห์ก็เป็นความจริงที่ว่า
ท่านทั้งหลายจะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่เข้าใจ
จะมองแล้วมองเล่าแต่จะไม่เห็น
เพราะจิตใจของประชาชนนี้แข็งกระด้าง
เขาทำหูทวนลมและปิดตา
เพื่อไม่ต้องมองด้วยตาไม่ต้องฟังด้วยหู
จะได้ไม่เข้าใจ
จะได้ไม่ต้องกลับใจเราจะได้ไม่ต้องรักษาเขา
“ส่วนท่านทั้งหลายตาของท่านเป็นสุขที่มองเห็นหูของท่านเป็นสุขที่ได้ฟังเราบอกความจริงแก่ท่านว่าประกาศกและผู้ชอบธรรมจำนวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านได้เห็นอยู่แต่ก็ไม่ได้เห็นปรารถนาจะได้ฟังสิ่งที่ท่านฟังอยู่แต่ก็ไม่ได้ฟัง”

 

ข้อคิด
     บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีห์ตอนนี้เป็นการเทศน์สอนครั้งแรกของท่าน กล่าวถึงความไม่ซื่อสัตย์ของอิสราเอล ทั้งๆ ที่พระเจ้าทรงรักอิสราเอล (รักเราคริสตชนปัจจุบัน) ก่อนทรงช่วยนำออกจากแดนทาสไปสู่ดินแดนพระสัญญา บรรดาผู้นำทำผิด สมณะไม่กล้าชี้แนะตักเตือนชาวบ้านที่ทำบาป เพราะฉะนั้น ชาวบ้านละทิ้งพระเจ้าไปนับถือพระบาอัล ของคนต่างความเชื่อ ซึ่งเปรียบเหมือน “ที่ขังน้ำรั่ว” ย่อมเกิดความแห้งแล้ง คือ การลงโทษ

วันศุกร์ที่ 22กรกฎาคม 2016 ระลึกถึงนักบุญมารีย์ ชาวมักดาลา

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร5:14-17
     พี่น้อง เพราะความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันเราเราแน่ใจว่าถ้าคนหนึ่งตายเพื่อทุกคนก็เหมือนกับว่าทุกคนได้ตายด้วยพระองค์สิ้นพระชนม์แทนทุกคนเพื่อผู้ที่มีชีวิตจะได้ไม่มีชีวิตเพื่อตนเองอีกต่อไปแต่มีชีวิตเพื่อพระองค์ผู้ได้สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเขา
     ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเราจะไม่พิจารณาผู้ใดตามมาตรฐานมนุษย์อีกแม้ว่าครั้งหนึ่งเราเคยพิจารณาพระคริสตเจ้าตามมาตรฐานมนุษย์แต่บัดนี้เราไม่พิจารณาพระองค์ตามมาตรฐานนี้อีกต่อไปดังนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้าผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่สภาพเก่าผ่านพ้นไปสภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                      ยน20:1,11-18
     เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ขณะที่ยังมืด มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา ก็เห็นหินถูกเคลื่อนออกไปจากพระคูหาแล้ว
     มารีย์ยังคงยืนร้องไห้อยู่นอกพระคูหา ขณะที่ร้องไห้นั้น นางก้มลงมองในพระคูหา ก็เห็นทูตสวรรค์สององค์สวมเสื้อขาวนั่งอยู่ตรงที่ที่เขาวางพระศพของพระเยซูเจ้าไว้ องค์หนึ่งนั่งอยู่ทางเบื้องพระเศียร อีกองค์หนึ่งนั่งอยู่ทางเบื้องพระบาท ทูตสวรรค์ทั้งสององค์ถามนางว่า “นางเอ๋ย ร้องไห้ทำไม” นางตอบว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าของดิฉันไปแล้ว ดิฉันไม่รู้ว่า เขานำพระองค์ไปไว้ที่ใด” เมื่อตอบดังนี้แล้ว นางก็หันกลับมา และเห็นพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ที่นั่น แต่ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสถามนางว่า “นางเอ๋ย ร้องไห้ทำไม กำลังเสาะหาผู้ใด” นางคิดว่าพระองค์เป็นคนสวน จึงตอบว่า “นายเจ้าขา ถ้าท่านนำพระองค์ไป ช่วยบอกดิฉันว่าท่านนำพระองค์ไปไว้ที่ไหน ดิฉันจะได้ไปนำพระองค์กลับมา” พระเยซูเจ้าตรัสเรียกนางว่า “มารีย์” นางจึงหันไปทูลพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า “รับโบนี”ซึ่งแปลว่า พระอาจารย์ พระเยซูเจ้าตรัสกับนางว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้เลยเพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปเฝ้าพระบิดา แต่จงไปหาพี่น้องของเราและบอกเขาว่า เรากำลังขึ้นไปเฝ้าพระบิดาของเรา และพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปเฝ้าพระเจ้าของเรา และพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” มารีย์ ชาวมักดาลาจึงไปแจ้งข่าวกับบรรดาศิษย์ว่า “ดิฉันได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” และเล่าเรื่องที่พระองค์ตรัสกับนาง

 

ข้อคิด
     ในปี 587 ก่อน ค.ศ. เมื่อกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลายและชาวยูดาห์ถูกเนรเทศไปที่กรุงบาบิโลนแล้ว ประกาศกเยเรมีย์เชิญชวนชาวอิสราเอลให้กลับไปกรุงเยรูซาเล็ม และยอมรับกษัตริย์ราชวงศ์ดาวิด ยอมรับพระเจ้า ประกาศกปฏิเสธคุณค่าทางศาสนาของหีบพันธสัญญา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงพระวิหาร และกรุงเยรูซาเล็มเป็นที่ประทับของพระเจ้า กรุงเยรูซาเล็มกลายเป็นศูนย์กลางที่ “นานาชาติจะมารวมกัน”

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2016 สัปดาห์ที่ 17เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                               ปฐก 18:20-32
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เสียงกล่าวโทษเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์นั้นดังเหลือเกิน และบาปของเขาก็หนักมาก เราจะลงไปดูว่าเป็นจริงตามเสียงกล่าวโทษทั้งหมดนี้หรือไม่เราอยากรู้”
     ชายเหล่านั้นจึงออกจากที่นั่นเดินตรงไปยังเมืองโสโดม แต่อับราฮัมยังยืนเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ อับราฮัมเข้ามาใกล้ทูลถามว่า “พระองค์จะทรงทำลายผู้ชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรมเทียวหรือ ถ้ามีคนชอบธรรมอยู่ห้าสิบคนในเมืองนั้น พระองค์จะยังทรงทำลายเมืองนั้นหรือพระองค์จะไม่ทรงอภัยเมืองนั้นเพราะเห็นแก่คนชอบธรรมห้าสิบคนที่อยู่ที่นั่นหรือขอพระองค์อย่าทรงคิดที่จะกระทำเช่นนั้นเลย อย่าทรงคิดที่จะฆ่าคนชอบธรรมพร้อมกับคนอธรรม อย่าทรงกระทำกับคนชอบธรรมเช่นเดียวกับคนอธรรม ขอพระองค์อย่าทรงกระทำเช่นนั้นเลยพระองค์ผู้ทรงพิพากษาตัดสินโลกจะไม่ทรงกระทำสิ่งที่ถูกต้องหรือ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ถ้าเราพบคนชอบธรรมห้าสิบคนในเมืองโสดม เราจะให้อภัยเมืองนั้น เพราะเห็นแก่เขา”
     อับราฮัมทูลอีกว่า “ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นเพียงฝุ่นผงและขี้เถ้า ถ้าในห้าสิบคนนั้นขาดไปห้าคน พระองค์ยังจะทรงทำลายเมืองนั้นทั้งเมืองเพราะขาดไปห้าคนหรือ” พระองค์ตรัสว่า “เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบคนชอบธรรมสี่สิบห้าคนที่นั่น” อับราฮัมทูลพระองค์อีกว่า “ถ้าทรงพบเพียงสี่สิบคนที่นั่นเล่า” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลาย เพราะเห็นแก่สี่สิบคน”
อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้าข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสามสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลาย ถ้าเราพบสามสิบคน” อับราฮัมทูลว่า “ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าบังอาจทูลเจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงยี่สิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น เพราะเห็นแก่
ยี่สิบคน” อับราฮัมทูลว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าอย่ากริ้วเลย ถ้าข้าพเจ้าจะทูลต่ออีกเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพระองค์ทรงพบเพียงสิบคนที่นั่น” พระองค์ตรัสตอบว่า “เราจะไม่ทำลายเมืองนั้น เพราะเห็นแก่สิบคน”

 

เพลงสดุดี                                                                            สดด 138:1-2ก,2ข-3,6-7ก,7ข-8
     ก) ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์สุดจิตใจ
เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงที่ข้าพเจ้าเปล่งออกมา
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีถวายพระพระองค์เบื้องหน้าบรรดาทูตสวรรค์
ข้าพเจ้าจะกราบลงเบื้องหน้าพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระนามพระองค์
     ข) เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
ทรงทำให้พระสัญญายิ่งใหญ่กว่าพระนามพระองค์
พระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าในวันที่ข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์
พระองค์ทรงเพิ่มพลังในใจข้าพเจ้า
     ค) แม้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสูงส่ง แต่พระองค์ก็ยังทอดพระเนตรผู้ต่ำต้อย
ทรงทราบว่าผู้ใดจองหองแม้อยู่ห่างไกล
แม้ข้าพเจ้าจะเดินในความทุกข์ยาก
พระองค์ก็ทรงรักษาชีวิตข้าพเจ้าไว้
     ง) ทรงยื่นพระหัตถ์ลงโทษความโกรธของศัตรูของข้าพเจ้า
พระหัตถ์ขวาของพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงบันดาลให้กิจการที่ทรงกระทำเพื่อข้าพเจ้าสำเร็จ
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
ขอพระองค์อย่าทรงทอดทิ้งกิจการแห่งพระหัตถ์ของพระองค์

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวก ถึงชาวโคโลสี           คส 2:12-14
     พี่น้อง เมื่อรับศีลล้างบาปท่านทั้งหลายถูกฝังพร้อมกับพระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ด้วยความเชื่อในพระเดชานุภาพของพระเจ้าผู้ทรงบันดาลให้พระคริสตเจ้ากลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในอดีตท่านตายแล้วเพราะการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตทางกายแต่พระเจ้าโปรดให้ท่านมีชีวิตพร้อมกับพระคริสตเจ้าโดยทรงให้อภัยการล่วงละเมิดทั้งหลายของเรา
พระองค์ทรงยกเลิกหนี้สินที่เรามีต่อบทบัญญัติซึ่งกล่าวหาเราโดยทรงยกหนี้สินนั้นไปจากเราและตรึงไว้กับไม้กางเขน

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                     ลก 11:1-13
     วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า
“ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
4เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การผจญ”
พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์อีกว่า “สมมติว่าท่านคนหนึ่งมีเพื่อนและไปพบเพื่อนนั้นตอนเที่ยงคืนกล่าวว่า “เพื่อนเอ๋ย ให้ฉันขอยืมขนมปังสักสามก้อนเถิด เพราะเพื่อนของฉันเพิ่งเดินทางมาถึงบ้านของฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้เขากิน” สมมติว่าเพื่อนคนนั้นตอบจากในบ้านว่า “อย่ารบกวนฉันเลย ประตูปิดแล้ว ลูกๆ กับฉันก็เข้านอนแล้ว ฉันลุกขึ้นให้สิ่งใดท่านไม่ได้หรอก” เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าคนนั้นไม่ลุกขึ้นให้ขนมปังเพราะเป็นเพื่อนกัน เขาก็จะลุกขึ้นมาให้สิ่งที่เพื่อนต้องการเพราะ
ถูกรบเร้า
เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่เคาะประตูย่อมมีผู้เปิดประตูให้ ท่านที่เป็นพ่อ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูแทนปลาหรือถ้าลูกขอไข่ จะให้แมงป่องหรือ แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่วยังรู้จักให้ของดีๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ”

 

ข้อคิด
     การสอนวิธีภาวนา เราต้องไว้วางใจในพระเจ้า พระบิดาเจ้าพร้อมฟังลูกๆ เสมอ นักบุญลูกาชี้แสดงว่าพระเยซูเจ้าทรงภาวนาก่อนถึงเหตุการณ์สำคัญ พระองค์ภาวนาเสมอๆ และเรียกพระเจ้าเป็น พ่อ หมายถึง เราไว้วางใจและมอบตัวแด่พระบิดาและเต็มใจทำตามพระประสงค์ แม้เราอาจพบสถานการณ์ยากลำบาก ดังคำสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” (ลก 23:46)
พระเยซูเจ้าสอนศิษย์ให้ภาวนา ขอให้พระอาณาจักรจงมาถึง อาหารประจำวัน การอภัย และไม่แพ้การผจญ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2016 ระลึกถึง น.บรียิต นักพรต

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเยเรมีย์                                   ยรม 7:1-11
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งประกาศกเยเรมีย์ว่า “จงไปยืนที่ประตูพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและประกาศถ้อยคำเหล่านี้ที่นั่นว่า ชาวยูดาห์ทั้งหลายที่ผ่านประตูเหล่านี้เข้ามานมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย จงฟังพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมจักรวาล พระเจ้าของอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่าน แล้วเราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ อย่าไว้วางใจคำหลอกลวงของผู้ที่พูดว่า ‘นี่คือพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ เพราะถ้าท่านแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่านอย่างแท้จริง ถ้าท่านตัดสินคดีความของผู้หนึ่งกับเพื่อนบ้านอย่างยุติธรรม ถ้าท่านไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าและแม่ม่าย ถ้าท่านไม่หลั่งโลหิตของผู้บริสุทธิ์ในสถานที่นี้ และไม่ไปกราบไหว้เทพเจ้าอื่นเป็นการทำร้ายตนเอง เราจะให้ท่านอาศัยอยู่ในสถานที่นี้ ในแผ่นดินซึ่งเราเคยให้แก่บรรพบุรุษของท่านตั้งแต่นานมาแล้ว เพื่อจะได้อาศัยอยู่ตลอดไปแต่ท่านทั้งหลายวางใจในคำหลอกลวงที่ไม่ให้ประโยชน์ใดเลย ท่านลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี สาบานเท็จ เผากำยานถวายพระบาอัลและนมัสการเทพเจ้าซึ่งท่านไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วมายืนต่อหน้าเราในพระวิหารนี้ ซึ่งได้รับนามตามชื่อของเรา พูดว่า ‘พวกเราปลอดภัยแล้ว’ เพื่อจะกลับไปทำกิจการน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้อีก วิหารนี้ที่ได้รับนามตามชื่อของเราเป็นถ้ำโจรในสายตาของท่านไปแล้วหรือ เราเองยังได้เห็นเช่นนี้” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 13:24-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตนขณะที่ทุกคนนอนหลับศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไปเมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวงข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วยบรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับนายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือแล้วข้าวละมานมาจากที่ใด’ นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า ‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ นายตอบว่า ‘อย่าเลยเกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมานท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วยจงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวแล้วเมื่อเก็บเกี่ยว ฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่าจงเก็บข้าวละมานก่อนมัดเป็นฟ่อนเผาไฟเสียส่วนข้าวสาลีนั้นจงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’”

 

ข้อคิด
     ประกาศกเยเรมีย์กล่าวถึงคารวะกิจที่ถูกต้อง เรามานมัสการพระเจ้าที่วัด ไม่ว่าวัดสวย สง่า ราคาแพง หรือวัดธรรมดาๆ พระเจ้าปรารถนาให้เราตั้งใจฟังพระวาจาพระเจ้า และแก้ไขความประพฤติและกิจการของท่านอย่างแท้จริง ให้ดำเนินชีวิตซื่อตรง ยุติธรรม ต้อนรับคนต่างด้าว คนยากจน ไม่ลักขโมย มีเมตตา ไม่ผิดประเวณี ไม่สาบานเท็จ มิฉะนั้น วิหารจะกลายเป็นถ้ำโจร พระเยซูเจ้าทรงขับไล่บรรดาพ่อค้าออกจากพระวิหาร สอนว่า บ้านของเราเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา แต่ท่านกลับมาทำให้เป็นซ่องโจร (มธ 21:13)

วันจันทร์ที่ 25กรกฎาคม 2016 ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกชาวโครินธ์ ฉบับที่สอง      2 คร4:7-15
     พี่น้อง เรามีสมบัตินี้เก็บไว้ในภาชนะดินเผาเพื่อแสดงว่าอานุภาพล้ำเลิศนั้นมาจากพระเจ้ามิใช่มาจากตัวเราเราทนทุกข์ทรมานรอบด้านแต่ไม่อับจนเราจนปัญญาแต่ก็ไม่หมดหวังเราถูกเบียดเบียนแต่ไม่ถูกทอดทิ้งเราถูกตีล้มลงแต่ไม่ถึงตายเราแบกความตายของพระเยซูเจ้าไว้ในร่างกายของเราอยู่เสมอเพื่อว่าชีวิตของพระเยซูเจ้าจะปรากฏอยู่ในร่างกายของเราด้วยขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่เราเสี่ยงกับความตายอยู่เสมอเพราะความรักต่อพระเยซูเจ้าเพื่อให้ชีวิตของพระเยซูเจ้าปรากฏชัดในธรรมชาติที่ตายได้ของเราดังนั้นความตายกำลังทำงานอยู่ในเราแต่ชีวิตกำลังทำงานอยู่ในท่าน
     มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าข้าพเจ้าได้เชื่อจึงได้พูดเรามีจิตแห่งความเชื่อเดียวกันนี้เราเชื่อเราจึงพูดเพราะรู้ว่าพระองค์ผู้ทรงบันดาลให้พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจะทรงบันดาลให้เรากลับคืนชีพพร้อมกับพระเยซูเจ้าและจะทรงนำเราและท่านทั้งหลายไปอยู่กับพระองค์ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นสำหรับท่านเพื่อว่าเมื่อพระหรรษทานแผ่ไปถึงคนมากขึ้นการขอบพระคุณจะทวียิ่งขึ้นเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                       มธ20:20-28
     เวลานั้น มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตรนางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้านั่งข้างขวาคนหนึ่งนั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไรท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้พระเจ้าข้า” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้”
     เมื่อได้ยินดังนั้นอัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้นพระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่นและผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับแต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้นผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่นและผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลายก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย”

 

ข้อคิด
     นักบุญยากอบเป็นพี่ชายของนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร มีอาชีพเป็นชาวประมงเหมือนนักบุญเปโตรและนักบุญอันดรูว์น้องชาย ดูเหมือนว่าทั้งสี่มีความภาคภูมิใจพิเศษกว่าอัครสาวกอื่นๆ ซาโลเมมารดาของบุตรเศเบดีจึงได้ขอที่พิเศษในพระอาณาจักร นักบุญเปโตร นักบุญยากอบ และนักบุญยอห์น (บ่อยๆ ก็เป็นเครื่องหมายถึงความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก) เป็นประจักษ์พยานพิเศษของพระเยซูเจ้าเวลาทำอัศจรรย์ให้ลูกสาวไยรัสให้กลับคืนชีพ (ลก 8) การแสดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง (มธ 17) และความทุกข์ในสวนเกทเสมนี (มธ 26:37)
ยากอบเป็นอัครสาวกองค์แรกที่เป็นมรณสักขี โดยถูกตัดศีรษะ บางธรรมประเพณีบอกว่าท่านไปแพร่ธรรมที่สเปน (กอมโปสแตลล่า)

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown