มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2016 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย 1:11-17
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เครื่องบูชามากมายของท่านไม่เป็นประโยชน์ใดแก่เราเราเอือมระอาแกะเพศผู้ที่เผาบูชาถวายเราเบื่อไขมันของโคหนุ่มที่ขุนไว้เราไม่พอใจเลือดของโคเพศผู้ ลูกแกะ และแพะเพศผู้เมื่อท่านทั้งหลายเข้ามาต่อหน้าเราใครเรียกร้องให้ท่านทำเช่นนี้ เหยียบย่ำลานวิหารของเราอย่านำของถวายไร้ประโยชน์เข้ามาอีกเลยกำยานเป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับเราเราทนการฉลองที่ปนกับความชั่วร้ายไม่ได้เราเกลียดวันต้นเดือน และวันฉลองของท่านวันเหล่านี้เป็นเหมือนภาระหนักสำหรับเราเราเหนื่อยที่จะต้องแบกภาระนั้นเมื่อท่านชูมือขึ้น เราจะเบือนสายตาไปจากท่านแม้ท่านจะอธิษฐานภาวนามากขึ้น เราก็จะไม่ฟังมือของท่านเปื้อนเลือดจงล้าง จงชำระตนให้สะอาดจงนำกิจการชั่วร้ายของท่านออกไปให้พ้นจากสายตาเราจงเลิกทำความชั่วจงเรียนรู้ที่จะทำความดีจงแสวงหาความยุติธรรมจงช่วยเหลือผู้ถูกข่มเหงจงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกกำพร้าจงปกป้องสิทธิของหญิงม่าย”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 10:34-11:1
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลกเรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพแต่มาเพื่อนำดาบมาให้เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดาแยกบุตรหญิงจากมารดาแยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามีศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง
     ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเราก็ไม่คู่ควรกับเราผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเราก็ไม่คู่ควรกับเราผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเราผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา
ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ก็จะสูญเสียชีวิตนั้นแต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราจะพบชีวิตนั้นอีก
ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลายก็ต้อนรับเราผู้ที่ต้อนรับเราก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
ผู้ที่ต้อนรับประกาศกเพราะเป็นประกาศกจะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศกผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรมเพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรมจะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม
ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆเหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของเราเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้วก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่างๆในแคว้นกาลิลี

 

ข้อคิด
     พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าต้องการเน้นย้ำในสิ่งที่พระองค์เคยสอน อีกครั้งหนึ่งว่า ต้องรักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ สุดสติปัญญา สุดกำลังความสามารถ (ลก 10.25-37)ดังนั้น พระวรสารในวันนี้เชื้อเชิญผู้ติดตามพระองค์ ต้องรักพระเป็นเจ้า รักพระเยซูเป็นอันดับแรกของชีวิต และดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ แม้จะต้องเสียสละชีวิตด้านสังคมและครอบครัว

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม 2016 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย 7:1-9
     ในรัชสมัยของกษัตริย์อาคัส พระโอรสของกษัตริย์โยธาม พระโอรสของกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล บุตรของเรมาลิยาห์ ยกทัพขึ้นมายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อทำสงครามกับเมือง แต่เอาชนะไม่ได้เมื่อมีผู้มาส่งข่าวแก่ราชวงศ์กษัตริย์ดาวิดว่า “ชาวซีเรียมาตั้งค่ายอยู่ในเขตแดนเอฟราอิมแล้ว”พระทัยของกษัตริย์และจิตใจของประชาชนก็สั่นเหมือนต้นไม้ในป่าสั่นเมื่อถูกลมพัด
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “ท่านกับเชอาร์ยาชูบบุตรชาย จงออกไปพบกษัตริย์อาคัสที่ปลายท่อน้ำของสระข้างบนที่ถนนลานช่างซักฟอก ทูลกษัตริย์ว่า “ขอพระองค์โปรดฟัง สงบพระทัย อย่าทรงกลัว อย่าให้พระทัยหวั่นไหวเพราะความกริ้วรุนแรงของกษัตริย์เรซีนแห่งซีเรีย และบุตรของเรมาลิยาห์กษัตริย์ทั้งสององค์นี้เป็นเหมือนฟืนสองดุ้นที่จวนจะมอดอยู่แล้ว มีแต่ควัน ซีเรียพร้อมกับเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์ได้คิดการชั่วร้ายต่อพระองค์ พูดว่า ‘เราจงขึ้นไปโจมตียูดาห์ ทำให้ประชาชนมีความกลัว เราจะได้ยึดเมืองและแต่งตั้งบุตรของทาเบเอล ให้เป็นกษัตริย์ที่นั่น’”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “สิ่งนี้จะไม่เป็นไป จะไม่เกิดขึ้นเลยกรุงดามัสกัสเป็นเมืองหลวงของซีเรียและกษัตริย์เรซีนเป็นหัวของกรุงดามัสกัสอีกหกสิบห้าปี เอฟราอิมจะไม่เป็นประชากรอีกต่อไปกรุงสะมาเรียเป็นเมืองหลวงของเอฟราอิมและบุตรของเรมาลิยาห์เป็นหัวของกรุงสะมาเรียถ้าพระองค์ไม่ทรงเชื่อมั่นพระองค์จะทรงตั้งมั่นอยู่ไม่ได้”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                      มธ 11:20-24
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงตำหนิบรรดาเมืองที่พระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากกว่าที่เมืองอื่นเพราะชาวเมืองไม่ยอมกลับใจว่า “จงวิบัติเถิดเมืองโคราซินจงวิบัติเถิดเมืองเบธไซดาเพราะถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว ชาวเมืองเหล่านั้นคงได้นุ่งกระสอบเอาขี้เถ้าโรยศีรษะกลับใจเสียนานแล้วฉะนั้นเราบอกเจ้าว่าในวันพิพากษาเมืองไทระและเมืองไซดอนจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า
    ส่วนเจ้าเมืองคาเปอรนาอุมเจ้ายกตนขึ้นถึงฟ้าเทียวหรือตรงกันข้ามเจ้าจะตกลงไปถึงแดนผู้ตายเพราะว่าถ้าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเจ้าเกิดขึ้นที่เมืองโสโดมแล้วเมืองโสโดมก็คงจะอยู่จนถึงวันนี้ฉะนั้นเราบอกเจ้าว่าในวันพิพากษาเมืองโสโดมจะได้รับโทษเบากว่าเจ้า”

 

ข้อคิด
     พระวรสารในวันนี้กล่าวถึง ความใจแข็ง ดื้อกระด้างของประชาชนเมืองโคราซินและเบธไซดา พระเยซูเจ้าทรงตำหนิเขาเพราะเขาไม่กลับใจทั้งๆ ที่เห็นอัศจรรย์มากมายหลายครั้ง เราเองก็ได้รับการสั่งสอนและอบรมเสมอๆ จากผู้แทนของพระองค์บนโลกนี้ เราเชื่อและกลับใจอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเราเองก็เป็นดังเช่นประชาชนชาวเมืองโคราซินและเบธไซดา

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม 2016 น.คามิลโล เด เลลลิส พระสงฆ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                  อสย 26:7-9,12,16-19
     หนทางของผู้ชอบธรรมก็ตรงพระองค์ทรงทำให้ทางเดินของผู้ชอบธรรมราบเรียบข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายเดินตามพระวินิจฉัยของพระองค์ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความหวังในพระองค์ความปรารถนาประการเดียวของข้าพเจ้าทั้งหลายคือสรรเสริญพระนามและระลึกถึงพระองค์วิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์เวลากลางคืนจิตใจของข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเมื่อพระองค์ทรงพิพากษาแผ่นดินผู้อาศัยในแผ่นดินจะได้เรียนรู้ความชอบธรรม
     ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติภาพแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายเพราะพระองค์ทรงบันดาลให้กิจการทั้งหมดของข้าพเจ้าทั้งหลายประสบความสำเร็จ
     ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในยามทุกข์ เขาทั้งหลายแสวงหาพระองค์เมื่อทรงตีสอนเขา เขาก็ตั้งใจอธิษฐานภาวนาต่อพระองค์หญิงมีครรภ์จวนจะคลอดบุตรบิดตัวและร้องด้วยความเจ็บปวดฉันใดข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นเฉพาะพระพักตร์ข้าพเจ้าทั้งหลายมีครรภ์บิดตัวด้วยความเจ็บปวดแต่คลอดเพียงลมเท่านั้นข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้นำความรอดพ้นมาให้แผ่นดินไม่มีผู้อาศัยในโลกคนใดเกิดมาบรรดาผู้ตายของพระองค์จะมีชีวิตอีกร่างกายของเขาทั้งหลายจะกลับคืนชีพผู้อาศัยอยู่ในฝุ่นดินเอ๋ย จงตื่นและจงร้องเพลงด้วยความยินดีเถิดเพราะน้ำค้างของท่านเป็นน้ำค้างที่ส่องแสงพระองค์ทรงบันดาลให้แดนผู้ตายกลับมีชีวิต

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                      มธ 11:28-30
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิดเราจะให้ท่านได้พักผ่อนจงรับแอกของเราแบกไว้และมาเป็นศิษย์ของเราเพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อนเพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา”

 

ข้อคิด
     พระวรสารในวันนี้ บอกให้เรารู้ถึงความห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์ ภาระทั้งหลายที่หนักหน่วงที่เราแบกไว้ ให้เราไว้วางใจในพระเจ้า มอบวางสิ่งต่างๆ ทั้งหลายให้พระองค์ช่วยจัดการ

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2016 สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา น.เฮนรี่

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย 10:5-7,13-16
     พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า วิบัติจงเกิดแก่อัสซีเรีย ไม้เรียวที่เราใช้เมื่อเราโกรธไม้พลองที่เราใช้เมื่อเราโกรธจัดเราจะส่งเขาไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพนับถือเราจะสั่งเขาให้ไปต่อสู้ประชากรที่ทำให้เราโกรธเพื่อไปริบข้าวของ ไปปล้น และเหยียบย่ำชนชาตินี้เหมือนเหยียบเลนบนถนนแต่อัสซีเรียมิได้ตั้งใจเช่นนั้นจิตใจของเขาก็มิได้คิดดังนี้เขาคิดแต่จะทำลายและทำลายล้างชนชาติจำนวนมากเพราะกษัตริย์ทรงคิดว่า“เราได้ทำการนี้ด้วยกำลังมือและปรีชาญาณของเรา เพราะเรามีปรีชาเราได้ย้ายเขตแดนของประชาชนหลายชาติได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขาได้ใช้อำนาจคว่ำผู้ที่นั่งบนบัลลังก์มือของเราได้ฉวยทรัพย์สมบัติของประชาชนหลายชาติเหมือนฉวยรังนกคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้ในรังนกฉันใดเราก็จะยึดแผ่นดินทั้งหมดฉันนั้นไม่มีผู้ใดขยับปีก ไม่มีผู้ใดอ้าปากหรือร้องจิ๊บๆ”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า“ขวานจะอวดตัวว่าเก่งกว่าผู้ที่ใช้มันหรือเลื่อยจะทะนงตัวเหนือผู้ที่ใช้มันเลื่อยหรือเหมือนกับว่าไม้ตะบองจะยกผู้ถือมันขึ้นหรือเหมือนไม้พลองจะยกสิ่งที่มิใช่ไม้ขึ้นได้”ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์จอมจักรวาลจะทรงส่งโรคภัยมาทำให้คนแข็งแรงกลับผอมแห้งโรคนี้จะเผาผลาญผู้ที่เป็นเกียรติของเขาเหมือนไฟไหม้

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 11:25-27
     เวลานั้นพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่ำต้อยถูกแล้วพระบิดาเจ้าข้าพระองค์พอพระทัยเช่นนั้นพระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้าไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดาและไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้”

 

ข้อคิด
     พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยความเป็นพระบุตรของพระองค์กับเรามนุษย์อีกครั้ง เมื่อพระองค์สรรเสริญพระบิดาที่ทรงเปิดเผยทุกอย่างผ่านทางตัวพระองค์เอง ให้เราร่วมกันขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานพระบุตรของพระองค์ เพราะผ่านทางพระบุตร เรามนุษย์ก็ได้รู้จักพระบิดา และรู้จักพระบุตร รวมถึงรู้แผนการของพระเป็นเจ้าที่มีต่อเรามนุษย์ด้วย

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2016 ระลึกถึง น.บอนาแวนตูรา พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย 38:1-6,21-22,7-8
     สมัยนั้น กษัตริย์เฮเซคียาห์ประชวรหนักจนเกือบจะสิ้นพระชนม์ ประกาศกอิสยาห์ บุตรของอามอส เข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘จงจัดเรื่องในบ้านให้เรียบร้อย เพราะท่านจะต้องตาย ท่านจะไม่หาย’”กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงผินพระพักตร์เข้าข้างฝา อธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทรงระลึกเถิดว่าข้าพเจ้าได้ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ ทำตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าถูกต้อง” แล้วกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างหนัก
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งประกาศกอิสยาห์ว่า“จงไปทูลกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของกษัตริย์ดาวิด บรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ เราได้ยินคำอธิษฐานและเห็นน้ำตาของท่านแล้วเราจะต่ออายุให้ท่านอีกสิบห้าปี เราจะช่วยท่านและเมืองนี้ให้รอดพ้นจากมือของกษัตริย์อัสซีเรีย และจะปกป้องเมืองนี้
ประกาศกอิสยาห์สั่งว่า “จงนำผลมะเดื่ออัดมาวางไว้บนพระยอด แล้วพระองค์จะทรงหายประชวร”กษัตริย์เฮเซคียาห์ตรัสถามว่า “มีเครื่องหมายใดบอกเราว่าเราจะขึ้นไปที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้”
“นี่คือเครื่องหมายจากองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับพระองค์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้ดูซิ เราจะทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดลงบนขั้นนาฬิกาแดดของกษัตริย์อาคัสถอยหลังกลับไปสิบขั้น”เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดก็ถอยกลับไปสิบขั้นจากที่ได้ทอดลงไปแล้ว

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                      มธ 12:1-8
     ครั้งหนึ่งพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านนาข้าวสาลีในวันสับบาโตบรรดาศิษย์รู้สึกหิวจึงเด็ดรวงข้าวมากินเมื่อชาวฟาริสีสังเกตเห็นดังนั้นจึงทูลพระองค์ว่า “ดูซิศิษย์ของท่านกำลังทำสิ่งต้องห้ามในวันสับบาโต” พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือว่ากษัตริย์ดาวิดและผู้ติดตามได้ทำสิ่งใดเมื่อหิวโหยพระองค์เสด็จเข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าเสวยขนมปังที่ตั้งถวายพร้อมกับบรรดาผู้ติดตามขนมปังนั้นผู้ใดจะกินไม่ได้นอกจากบรรดาสมณะเท่านั้นท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือว่าในวันสับบาโตนั้นบรรดาสมณะในพระวิหารย่อมละเมิดวันสับบาโตได้โดยไม่มีความผิดเราบอกท่านทั้งหลายว่าที่นี่มีสิ่งยิ่งใหญ่กว่าพระวิหารเสียอีกถ้าท่านเข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า‘เราพอใจความเมตตากรุณามิใช่พอใจเครื่องบูชา’ท่านคงจะไม่กล่าวโทษผู้ไม่มีความผิดเพราะบุตรแห่งมนุษย์เป็นนายเหนือวันสับบาโต”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงต้องการปกป้องบรรดาศิษย์จากการกล่าวหาของพวกฟาริสีจากวันสับบาโต พระองค์ได้แสดงท่าทีใหม่ในการปฏิบัติวันสับบาโต นั่นคือ กิจการที่เป็นกิจเมตตา มากกว่าการปฏิบัติวันสับบาโตตามธรรมเนียมตามตัวอักษรที่มีเขียนไว้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown