มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2016 ระลึกถึง น.หลุยส์ คอนซากา นักพรต

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                          2 พกษ 19:9ข-11,14-21,31-35ก,36
     เมื่อกษัตริย์เซนนาเคริบทรงทราบว่ากษัตริย์ทีรหะคาห์ชาวคูชกำลังยกทัพอียิปต์มาโจมตีพระองค์ จึงทรงส่งผู้นำสารมาเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ ทรงสั่งว่า “ท่านทั้งหลายจงบอกเฮเซคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า “อย่าให้พระเจ้าซึ่งท่านวางใจนั้นลวงท่านได้โดยสัญญาว่ากรุงเยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย บัดนี้ ท่านก็รู้แล้วว่า บรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงทำสิ่งใดกับแผ่นดินทั้งหลายที่ทรงทำลายล้าง แล้วท่านจะรอดพ้นหรือ”
     กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงอ่านพระราชสาสน์จากผู้นำสาร แล้วเสด็จขึ้นไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงกางพระราชสาสน์นั้นเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วทรงอธิษฐานว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ประทับอยู่เหนือเครูบ พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นพระเจ้าปกครองทุกอาณาจักรบนแผ่นดิน พระองค์ทรงสร้างท้องฟ้าและแผ่นดิน ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดเงี่ยพระกรรณและทรงฟัง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรและมองดู โปรดทรงฟังถ้อยคำที่เซนนาเคริบส่งมาพูดดูหมิ่นพระเจ้าผู้ทรงชีวิต ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นความจริงที่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียทรงทำลายล้างชนชาติต่างๆ และแผ่นดินของเขาแล้วทรงทิ้งเทพเจ้าของชนชาติเหล่านั้นลงในไฟ เทพเจ้าทั้งหลายไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นเพียงผลงานจากมือมนุษย์ เป็นเพียงไม้และหิน ชาวอัสซีเรียจึงทำลายได้ บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย โปรดทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้รอดพ้นจากมือของเขา แล้วทุกอาณาจักรบนแผ่นดินจะรู้ว่าพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว”
     อิสยาห์ บุตรของอามอสจึงส่งคนไปทูลกษัตริย์เฮเซคียาห์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานภาวนาของท่านเรื่องกษัตริย์เซนนาเคริบแห่งอัสซีเรียแล้ว”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสพระวาจานี้กล่าวโทษเขาว่า “ศิโยนซึ่งเป็นเสมือนหญิงสาวพรหมจารี สบประมาทท่าน ดูถูกท่านกรุงเยรูซาเล็มสั่นศีรษะเย้ยหยันท่านชนส่วนที่เหลือจะออกมาจากกรุงเยรูซาเล็มผู้รอดชีวิตจะออกมาจากภูเขาศิโยนองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งสากลโลก จะทรงกระทำเช่นนี้ เพราะความรักเปี่ยมล้นของพระองค์”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียว่า“เขาจะไม่เข้าเมืองนี้จะไม่ยิงธนูใส่เมืองนี้จะไม่มีทหารถือโล่เข้ามาใกล้จะไม่สร้างเนินดินเพื่อปีนกำแพงเมืองเขาจะต้องกลับไปตามทางที่เขามาเขาจะไม่เข้าเมืองนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเราจะป้องกันและช่วยเมืองนี้ให้รอดพ้นเพราะเห็นแก่เรา และเห็นแก่ดาวิด ผู้รับใช้ของเรา”
     คืนนั้น ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปที่ค่ายของชาวอัสซีเรียและฆ่าทหารหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคนกษัตริย์เซนนาเคริบแห่งอัสซีเรียทรงยกทัพกลับไปอยู่ที่กรุงนีนะเวห์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 7:6,12-14
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “อย่าให้ของศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัขอย่าโยนไข่มุกให้สุกรเพราะมันจะเหยียบย่ำทำให้เสียของและหันมากัดท่านอีกด้วย
     ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไรก็จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิดนี่คือธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศก
     จงเข้าทางประตูแคบเพราะประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้างขวางคนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมากแต่ประตูและทางซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบคนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย”

 

ข้อคิด
     วันนี้คำพระเป็นปริศนา, ปริศนาคือ“ทางประตูแคบ”, ทางสู่ชีวิตเป็นดังประตูแคบ, น้อยคนนักจะพบเจอ, บ้างพบแล้วก็ไม่อยากเข้าเพราะประตูกว้างและทางใหญ่นั้นง่ายกว่า, ทำความดีบางทีไม่ง่ายเพราะต้องฝืนหลายสิ่งตัดสละหลายอย่าง, แต่ถึงลำบากก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ยากนิดลำบากหน่อยแต่ทำได้, ถ้ารู้ว่าก้าวสู่ทางใหญ่ที่นำหายนะมาให้คงไม่มีใครอยากไป, คำพระวันนี้จึงเป็นกำลังใจ, ถ้าเราทำดีแล้วลำบากทำแล้วพบกับความเหนื่อยยากบางทีอาจเป็นสัญญาณว่ามาถูกทางแล้วทำต่อไป!!!

วันพุธที่22 มิถุนายน 2016 น.เปาลิน แห่งโนลา พระสังฆราช น.ยอห์นฟิชเชอร์ น.โทมัสโมร์มรณสักขี

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                         2 พกษ 22:8-13 และ 23:1-3
     มหาสมณะฮิลคียาห์บอกชาฟาน ราชเลขาว่า “ข้าพเจ้าพบหนังสือธรรมบัญญัติอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า”ฮิลคียาห์มอบหนังสือนั้นแก่ชาฟาน ซึ่งนำมาอ่าน ชาฟานราชเลขา จึงไปทูลกษัตริย์ว่า “บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์นำเงินซึ่งอยู่ในพระวิหารส่งมอบแก่ผู้ดูแลงานซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” ชาฟานราชเลขาทูลเสริมอีกว่า “สมณะฮิลคียาห์ให้หนังสือเล่มหนึ่งแก่ข้าพเจ้า” แล้วชาฟานก็อ่านถวายกษัตริย์
     เมื่อกษัตริย์ทรงได้ยินถ้อยคำจากหนังสือธรรมบัญญัติ พระองค์ทรงฉีกฉลองพระองค์ด้วยความทุกข์ ทรงสั่งสมณะฮิลคียาห์อาคิคัมบุตรของชาฟาน อัคโบร์บุตรของมีคายาห์ ชาฟานราชเลขา และอาสายาห์ข้าราชบริพารของกษัตริย์ว่า “จงไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เรา และให้ประชาชนชาวยูดาห์ทั้งหลาย เรื่องถ้อยคำในหนังสือที่พบนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธพวกเราอย่างยิ่ง เพราะบรรพบุรุษของเราไม่เชื่อฟังถ้อยคำในหนังสือนี้ และไม่ปฏิบัติตามที่มีเขียนไว้สำหรับเรา”
     กษัตริย์โยสิยาห์ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสแห่งอาณาจักรยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์เสด็จขึ้นไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับชาวยูดาห์และผู้อาศัยที่กรุงเยรูซาเล็มทุกคน บรรดาสมณะ ประกาศกและประชากรทั้งปวง ทั้งชนชั้นสูงและคนธรรมดา พระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดของหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ทุกคนได้ยิน กษัตริย์ทรงยืนข้างเสา ทรงกระทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าว่าจะดำเนินตามองค์พระผู้เป็นเจ้า จะรักษาบทบัญญัติ กฤษฎีกาและข้อกำหนดของพระองค์สุดจิตใจ สุดวิญญาณ จะปฏิบัติตามถ้อยคำของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ ประชาชนทุกคนปฏิญาณจะทำตามพันธสัญญา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 7:15-20
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงระวังประกาศกเทียมซึ่งมาพบท่านนุ่งห่มเหมือนแกะแต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้ายท่านจะรู้จักเขาได้จากผลงานของเขามีใครบ้างเก็บผลองุ่นจากต้นหนามหรือเก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนามในทำนองเดียวกันต้นไม้พันธุ์ดีย่อมเกิดผลดีต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมเกิดผลไม่ดีต้นไม้พันธุ์ดีจะเกิดผลไม่ดีมิได้และต้นไม้พันธุ์ไม่ดีก็ไม่อาจเกิดผลดีได้ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีย่อมถูกโค่นทิ้งในกองไฟดังนั้นท่านจะรู้จักประกาศกเทียมได้จากผลงานของเขา”

 

ข้อคิด
     เป็นคนของพระต้องเท่าทันโลกเป็นคริสตชนต้องรู้ทันคน, มองให้ออกดูให้เป็นว่าสิ่งใดคือของแท้สิ่งไหนคือของเทียม, สำคัญกว่านั้นคือการตีฆ้องร้องป่าวไม่ได้ช่วยให้ใครเชื่อว่าเราเป็นของแท้และดีจริงแต่โดยการปฏิบัติความรักและทำกิจการดีต่างหากที่จะเป็นประจักษ์พยานอันมีชีวิตให้เราเอง, คิดให้รอบคอบพูดเท่าที่จำเป็นและทำสิ่งดีเพื่อพี่น้องที่สุดแม้เราปิดปากเงียบแต่กิจการจะร้องป่าวประกาศแทนเราเอง

วันศุกร์ที่ 24มิถุนายน 2016 สมโภชนักบุญยอห์นบัปติสต์

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์                                   อสย49:1-6

     ญาติพี่น้องอยากให้ท่านนักบุญได้ชื่อตามบิดา, แต่เพราะสำนึกว่าพระประสงค์ต้องมาก่อน, เศคาริยาห์จึงให้ท่านนักบุญชื่อว่า“ยอห์น”, “ยอห์น” อันมีความหมายในภาษาฮีบรูว่า“พระเมตตากรุณาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”, เมื่อได้เลือกในสิ่งที่พระเจ้าประสงค์เศคาริยาห์จึงได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าเศคาริยาห์จึงกลับมาพูดได้อีกครั้ง, แล้วเราผู้เรียกตนว่าเป็น“คริสตชน” - คนของพระคริสต์ทุกวันนี้สิ่งที่เราทำเป็นประสงค์ของพระหรือน้ำใจของเรา
ดินแดนชายทะเลและเกาะทั้งหลายเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้าเถิด ประชาชนที่อยู่สุดแดนไกล จงตั้งใจฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าก่อนที่ข้าพเจ้าเกิด ทรงขานชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พระองค์ทรงทำให้ปากข้าพเจ้าเป็นเสมือนดาบคม ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาพระหัตถ์ของพระองค์ ทรงทำให้ข้าพเจ้าเป็นเสมือนลูกศรแหลมคม และทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งเก็บลูกศรของพระองค์
     พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลเอ๋ย ท่านเป็นผู้รับใช้ของเรา เราจะแสดงสิริรุ่งโรจน์ของเราโดยทางท่าน” แต่ข้าพเจ้ากลับคิดว่า “ข้าพเจ้าได้ทำงานเหนื่อยเปล่า ข้าพเจ้าเสียแรงไปเปล่าๆ ไร้ประโยชน์”
ถึงกระนั้น รางวัลของข้าพเจ้าอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน และค่าตอบแทนของข้าพเจ้าก็อยู่กับพระเจ้าของข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างข้าพเจ้ามาในครรภ์มารดาให้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์ และรวบรวมอิสราเอลมาอยู่กับพระองค์ บัดนี้ พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รับเกียรติเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงเป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
     พระองค์ตรัสว่า “เป็นการน้อยไปที่ท่านจะเป็นผู้รับใช้ของเรา เพื่อสถาปนาเผ่าพันธุ์ยาโคบขึ้นใหม่และรวบรวมอิสราเอลที่เหลืออยู่อีกครั้งหนึ่งเราจะให้ท่านเป็นแสงสว่างส่องนานาชาติเพื่อความรอดพ้นที่เรานำมาให้จะได้แผ่ไปจนสุดปลายแผ่นดิน”

 

บทอ่านจากหนังสือกิจการอัครสาวก                                      กจ 13:22-26
     เมื่อทรงปลดกษัตริย์ซาอูลจากตำแหน่งแล้ว ก็ทรงแต่งตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองประชากรอิสราเอลดังที่มีคำยืนยันในพระคัมภีร์ว่า “เราพบดาวิดบุตรของเจสซี เขาเป็นคนที่เราพอใจ เขาจะทำตามความประสงค์ของเราทุกประการ” จากเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดนี้ พระเจ้าประทานพระเยซูเจ้าเป็นผู้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นตามพระสัญญา ยอห์นเตรียมรับเสด็จพระองค์ ประกาศพิธีล้างให้ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงกลับใจ ขณะที่ยอห์นกำลังทำภารกิจของตนให้สำเร็จไป เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นอย่างที่ท่านทั้งหลายคิดแต่บัดนี้ มีผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
     พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นบุตรจากเชื้อสายของอับราฮัมและท่านที่เคารพยำเกรงพระเจ้า พระเจ้าทรงส่งข่าวเรื่องความรอดพ้นนี้แก่เรา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก1:57-66,80
     เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง
     เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
     เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้น จิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วยเขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล

 

ข้อคิด   

     ญาติพี่น้องอยากให้ท่านนักบุญได้ชื่อตามบิดา, แต่เพราะสำนึกว่าพระประสงค์ต้องมาก่อน, เศคาริยาห์จึงให้ท่านนักบุญชื่อว่า“ยอห์น”, “ยอห์น” อันมีความหมายในภาษาฮีบรูว่า“พระเมตตากรุณาขององค์พระผู้เป็นเจ้า”, เมื่อได้เลือกในสิ่งที่พระเจ้าประสงค์เศคาริยาห์จึงได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าเศคาริยาห์จึงกลับมาพูดได้อีกครั้ง, แล้วเราผู้เรียกตนว่าเป็น“คริสตชน” - คนของพระคริสต์ทุกวันนี้สิ่งที่เราทำเป็นประสงค์ของพระหรือน้ำใจของเรา

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2016 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่สอง                         2 พกษ 24:8-17
     เยโฮยาคีนทรงเป็นกษัตริย์เมื่อพระชนมายุสิบแปดพรรษา และทรงครองราชย์เป็นเวลาสามเดือนที่กรุงเยรูซาเล็ม พระมารดาทรงพระนามว่าเนคุชทา เป็นบุตรหญิงของเอลนาธันชาวกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทรงทำความชั่วเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าดังที่พระบิดาทรงทำ
     สมัยนั้น นายทหารของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ยกทัพมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ขณะที่นายทหารล้อมเมืองอยู่นั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนเสด็จมาที่นั่น กษัตริย์เยโฮยาคีนแห่งยูดาห์เสด็จมายอมจำนนกษัตริย์แห่งบาบิโลน พร้อมกับพระมารดา ข้าราชบริพาร นายทหารและข้าราชสำนัก กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงนำกษัตริย์เยโฮยาคีนไปเป็นเชลยในปีที่แปดของรัชกาล
     กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงขนทรัพย์สมบัติทั้งหมดในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และพระราชทรัพย์ในพระราชวังไปกรุงบาบิโลน ทรงตัดเครื่องใช้ทองคำต่างๆที่กษัตริย์ซาโลมอนแห่งอิสราเอลทรงทำขึ้นสำหรับใช้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเคยตรัสไว้
     กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงกวาดต้อนชาวเยรูซาเล็มทั้งหมดจำนวนหนึ่งหมื่นคนไปเป็นเชลย คือนายทหารและพลทหาร ช่างไม้และช่างเหล็กทุกคน เหลือไว้แต่คนยากจนที่สุดของแผ่นดิน พระองค์ทรงนำกษัตริย์เยโฮยาคีนเป็นเชลยไปกรุงบาบิโลนพร้อมกับพระมารดา บรรดามเหสี ข้าราชบริพาร และชนชั้นนำของแผ่นดิน พระองค์ทรงนำบุคคลเหล่านี้จากกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงนำผู้มีฐานะทั้งหมดรวมเจ็ดพันคน ช่างไม้และช่างเหล็กจำนวนหนึ่งพันคน ทุกคนล้วนชำนาญศึก
     กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งมัทธานียาห์ พระปิตุลาของกษัตริย์เยโฮยาคีนขึ้นเป็นกษัตริย์แทน และทรงเปลี่ยนพระนามเป็น เศเดคียาห์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 7:21-29
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “คนที่กล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้าพระเจ้าข้า’ นั้นมิใช่ทุกคนจะได้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้ในวันนั้น หลายคนจะกล่าวแก่เราว่า ‘พระเจ้าข้าพระเจ้าข้าข้าพเจ้าทั้งหลายได้ประกาศพระวาจาในพระนามพระองค์ขับไล่ปีศาจในพระนามพระองค์และได้ทำอัศจรรย์หลายประการในพระนามพระองค์มิใช่หรือ’ เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักท่านทั้งหลายเลยท่านผู้ทำความชั่วจงไปให้พ้นหน้าเรา’
     ผู้ใดฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนมีปัญญาที่สร้างบ้านไว้บนหินฝนจะตกน้ำจะไหลเชี่ยวลมจะพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้นบ้านก็ไม่พังเพราะมีรากฐานอยู่บนหินผู้ใดที่ฟังถ้อยคำเหล่านี้ของเราและไม่ปฏิบัติตามก็เปรียบเสมือนคนโง่เขลาที่สร้างบ้านไว้บนทรายเมื่อฝนตกน้ำไหลเชี่ยวลมพัดโหมเข้าใส่บ้านหลังนั้นมันก็พังทลายลงและเสียหายมาก”
     เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถ้อยคำเหล่านี้จบแล้วประชาชนต่างพิศวงในคำสั่งสอนของพระองค์เพราะพระองค์ทรงสอนเขาอย่างผู้มีอำนาจไม่ใช่สอนเหมือนบรรดาธรรมาจารย์ของเขา

 

ข้อคิด
     การภาวนาแต่อย่างเดียวไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะทำให้เข้าสู่อาณาจักรวรรค์ได้, การฟังพระวาจาของพระเจ้าแต่อย่างเดียวก็ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ, เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่ฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์, อาจจะทำได้มากบ้างน้อยบ้างแต่อย่างน้อยก็ยังได้ลงมือแต่อย่างน้อยก็ยังได้พยายามเพราะถ้าหลักของเรายังตั้งอยู่บนศิลานั่นก็ยังดีกว่าปักลงบนพื้นทราย

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2016 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือเพลงคร่ำครวญ                                      พคค 2:2,10-14,18-19
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายที่อาศัยทั้งหมดของยาโคบอย่างไร้พระเมตตาทรงพังป้อมปราการของธิดาแห่งยูดาห์ด้วยความกริ้วทรงกดให้ต่ำลงถึงพื้นดินทรงทำให้อาณาจักรและเจ้านายของเธอเป็นมลทิน
     บรรดาผู้อาวุโสของธิดาแห่งศิโยนนั่งเงียบอยู่บนพื้นดินโปรยฝุ่นดินบนศีรษะ สวมผ้ากระสอบสาวพรหมจารีแห่งกรุงเยรูซาเล็มก้มศีรษะมองพื้นดินนัยน์ตาของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร้องไห้ จิตใจวุ่นวายกำลังก็ทรุดลงเพราะความพินาศของธิดาแห่งประชากรของข้าพเจ้าเพราะเด็กและทารกเป็นลมสลบอยู่ตามลานในเมืองเด็กเหล่านี้ถามมารดาของตนว่า “แม่จ๋า ข้าวและเหล้าองุ่นอยู่ที่ไหน”เขาทั้งหลายหมดแรงล้มลงในลานเมืองดุจคนบาดเจ็บเขาสิ้นใจในอ้อมกอดของมารดาธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาเปรียบกับเจ้า บอกว่าเจ้าเหมือนกับสิ่งใดได้ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ยข้าพเจ้าจะนำเจ้าไปเปรียบกับสิ่งใดเพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้เพราะหายนะของเจ้ายิ่งใหญ่เหมือนทะเลผู้ใดจะรักษาเจ้าให้หายได้นิมิตที่บรรดาประกาศกบอกเจ้าเป็นนิมิตหลอกลวง ไร้สาระเขาไม่ได้เปิดเผยความชั่วร้ายของเจ้าเพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้าแต่เขาประกาศนิมิตไร้สาระและทำให้หลงผิด
     เชิงเทินของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าจงหลั่งน้ำตาเหมือนลำธารทั้งวันทั้งคืนอย่าหยุดหย่อนเลยดวงตาของเจ้าอย่าหยุดหลั่งน้ำตาเลยจงลุกขึ้นร้องตะโกนในเวลากลางคืนเมื่อผลัดเปลี่ยนยาม จงระบายความในใจของเจ้าออกมาราวกับสายน้ำเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าจงชูมือขึ้นหาพระองค์เพื่อขอชีวิตของบรรดาเด็กของเจ้าที่หิวจนเป็นลมสลบไปตามมุมถนนทุกแห่ง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                     มธ 8:5-17
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุมนายร้อยคนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์เจ้าข้าผู้รับใช้ของข้าพเจ้าเป็นอัมพาตนอนอยู่ที่บ้านต้องทรมานอย่างสาหัส” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” แต่นายร้อยทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้าข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้าแต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้นผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรคข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชาแต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยข้าพเจ้าสั่งทหารคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไปสั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มาข้าพเจ้าสั่งผู้รับใช้ว่า ‘ทำนี่’ เขาก็ทำ”เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินเช่นนี้ทรงประหลาดพระทัยจึงตรัสแก่บรรดาผู้ติดตามว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าเรายังไม่เคยพบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ในอิสราเอลเลยเราบอกท่านทั้งหลายว่าคนจำนวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตกและจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัมอิสอัคและยาโคบในอาณาจักรสวรรค์แต่บุตรแห่งอาณาจักรจะถูกขับไล่ออกไปในที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญและขบฟันด้วยความขุ่นเคือง” แล้วพระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนายร้อยว่า “จงไปเถิดจงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อนั้นเถิด” ผู้รับใช้ของเขาก็หายจากโรคในเวลานั้นเอง
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตรทรงเห็นมารดาของภรรยาเปโตรนอนป่วยเป็นไข้พระองค์จึงทรงจับมือนางนางก็หายไข้ลุกขึ้นและปรนนิบัติรับใช้พระองค์
     เย็นวันนั้นประชาชนนำผู้ถูกปีศาจสิงจำนวนมากมาเฝ้าพระองค์พระองค์ทรงขับปีศาจเหล่านี้ออกไปด้วยพระวาจาและทรงบำบัดรักษาผู้ป่วยทุกคนเพื่อให้พระวาจาที่ได้ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่าพระองค์ทรงรับเอาความอ่อนแอของเราไว้และทรงแบกความเจ็บป่วยของเรา

 

ข้อคิด
     และก็เป็นแบบนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆพระเจ้ารักเราพระเยซูเจ้าทรงรับเอาความอ่อนแอและทรงแบกความเจ็บป่วยของเรา, ถ้อยคำของอิสยาห์เป็นจริงเพราะไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้างแต่วันนี้พระองค์มาจริงพระองค์มาทำพระองค์ทรงรักษาพระองค์ทรงเยียวยา, เป็นเพราะความรักรักแม้กระทั่งเรายังคงอ่อนแอและเป็นคนบาป, ไม่ทรงมีเงื่อนไขว่าต้องดีพร้อมจึงรักแต่รักแม้เรายังมีบาป, ดังนั้นจงใช้ชีวิตในทุกวันเพื่อขอบคุณและสรรเสริญพระองค์ด้วยกัน

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown