มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2016 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ                                           ปชญ2:1ก,12-22
     ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าใช้เหตุผลผิดๆ คิดว่า “เราจงดักซุ่มทำร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำให้เรารำคาญใจเขาต่อต้านกิจการของเรา เขาตำหนิเราว่าฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ กล่าวหาว่าเราไม่ปฏิบัติตามการอบรมที่ได้รับ เขาอ้างว่าเขารู้จักพระเจ้าเรียกตนเองว่าเป็นบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเขาเป็นการติเตียนความรู้สึกนึกคิดของเราเพียงแต่เห็นเขา เราก็ทนไม่ได้ เพราะชีวิตของเขาไม่เหมือนกับผู้อื่น ความประพฤติของเขาก็ต่างกับของเรามากเขาคิดว่าเราเป็นคนไร้ค่า เขาหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตของเราประหนึ่งว่าเป็นสิ่งปฏิกูลเขาประกาศว่าผู้ชอบธรรมจะมีความสุขในวาระสุดท้ายอวดอ้างว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขาเราจงดูเถิดว่าคำพูดของเขาจะจริงหรือไม่ เราจงพิสูจน์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่เขาในวาระสุดท้ายถ้าผู้ชอบธรรมเป็นบุตรของพระเจ้าพระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา และทรงช่วยเขาให้พ้นเงื้อมมือของศัตรู เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขาอ่อนโยนเพียงใดและจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใด เราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา”
     ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าคิดเช่นนี้ แต่เขาคิดผิด ความชั่วร้ายทำให้เขาตาบอด เขาไม่รู้แผนการเร้นลับของพระเจ้าเขาไม่หวังว่าพระเจ้าจะทรงตอบแทนความศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เชื่อว่าพระองค์จะประทานรางวัลแก่ผู้ดำเนินชีวิตไร้ตำหนิ

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                     ยน7:1-2,10,25-30
     หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงพระประสงค์จะเสด็จไปทั่วแคว้นยูเดียเพราะชาวยิวกำลังพยายามจะฆ่าพระองค์
     งานฉลองเทศกาลอยู่เพิงของชาวยิวใกล้เข้ามาแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บรรดาพี่น้องของพระองค์ขึ้นไปร่วมงานฉลองแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปด้วยอย่างเงียบๆ ไม่ทรงประสงค์จะให้ผู้ใดเห็น
     ชาวเยรูซาเล็มบางคนพูดว่า “คนนี้มิใช่หรือที่เขาพยายามจะฆ่า ดูซิ คนนี้กำลังพูดคุยอย่างเปิดเผย และไม่มีใครห้ามปรามเขา หรือบางทีบรรดาหัวหน้าอาจยอมรับว่าเขาเป็นพระคริสต์ พวกเรารู้ว่าคนนี้มาจากไหน พระคริสต์นั้น เมื่อเสด็จมา ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จมาจากไหน”
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในพระวิหาร พระองค์ตรัสเสียงดังว่า“ท่านทั้งหลายรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหนเราไม่ได้มาตามใจตนเอง พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาทรงสัจจะท่านไม่รู้จักพระองค์แต่เรารู้จักพระองค์ เพราะเรามาจากพระองค์และพระองค์ทรงส่งเรามา”
     คนเหล่านั้นพยายามจะจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครลงมือ เพราะเวลาของพระองค์ยังมาไม่ถึง

 

ข้อคิด
     มนุษย์มักจะมองสิ่งต่าง ๆ รับรู้ และผ่านสิ่งนั้นเข้าไปในใจก่อน แล้วจึงเกิดเป็นความคิด ต่อด้วยการกระทำที่เป็นผลมาจากความคิดนั้น ... ดังนั้น ตัวแปรที่สำคัญคือ “ความบาป” หรือ “กิเลส” ถ้าความบาปหนา เราจะมีความคิดต่อสิ่งต่าง ๆ ออกไปในเชิงลบ เป็นการคิดด่า ตำหนิ ว่า สุดท้ายคือคิด “ทำลาย” ในตัวเรามีความบาปมาก ก็สัมผัสได้ถึงกระแสลบมาก เพราะมันเป็นประเภทเดียวกัน
     ในขณะที่อีกคน มองเห็นเหมือนกัน แต่ความบาปน้อยกว่า เขาก็จะคิดออกมาในเชิงบวกมากกว่า เช่น สงสาร อยากช่วย อยากสวดให้ คือ อยากให้เขาหรือเธอดีขึ้น ดังนั้นการรู้จักตนเอง พิจารณาตนเองเป็น ก็จะช่วยให้เรา “ลดบาป เพิ่มบุญ” ได้ ชีวิตก็จะมีแต่ดีขึ้น มหาพรตนี้ “การรับศีลอภัยบาป” อย่างดี จะช่วยเราได้

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown