วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2016 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: เดือนมีนาคม 2016
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
- ฮิต: 1394
บทอ่านจากหนังสือปรีชาญาณ ปชญ2:1ก,12-22
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าใช้เหตุผลผิดๆ คิดว่า “เราจงดักซุ่มทำร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำให้เรารำคาญใจเขาต่อต้านกิจการของเรา เขาตำหนิเราว่าฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ กล่าวหาว่าเราไม่ปฏิบัติตามการอบรมที่ได้รับ เขาอ้างว่าเขารู้จักพระเจ้าเรียกตนเองว่าเป็นบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเขาเป็นการติเตียนความรู้สึกนึกคิดของเราเพียงแต่เห็นเขา เราก็ทนไม่ได้ เพราะชีวิตของเขาไม่เหมือนกับผู้อื่น ความประพฤติของเขาก็ต่างกับของเรามากเขาคิดว่าเราเป็นคนไร้ค่า เขาหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตของเราประหนึ่งว่าเป็นสิ่งปฏิกูลเขาประกาศว่าผู้ชอบธรรมจะมีความสุขในวาระสุดท้ายอวดอ้างว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขาเราจงดูเถิดว่าคำพูดของเขาจะจริงหรือไม่ เราจงพิสูจน์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแก่เขาในวาระสุดท้ายถ้าผู้ชอบธรรมเป็นบุตรของพระเจ้าพระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา และทรงช่วยเขาให้พ้นเงื้อมมือของศัตรู เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขาอ่อนโยนเพียงใดและจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใด เราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา”
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าคิดเช่นนี้ แต่เขาคิดผิด ความชั่วร้ายทำให้เขาตาบอด เขาไม่รู้แผนการเร้นลับของพระเจ้าเขาไม่หวังว่าพระเจ้าจะทรงตอบแทนความศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เชื่อว่าพระองค์จะประทานรางวัลแก่ผู้ดำเนินชีวิตไร้ตำหนิ
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน7:1-2,10,25-30
หลังจากนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลี พระองค์ไม่ทรงพระประสงค์จะเสด็จไปทั่วแคว้นยูเดียเพราะชาวยิวกำลังพยายามจะฆ่าพระองค์
งานฉลองเทศกาลอยู่เพิงของชาวยิวใกล้เข้ามาแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่บรรดาพี่น้องของพระองค์ขึ้นไปร่วมงานฉลองแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปด้วยอย่างเงียบๆ ไม่ทรงประสงค์จะให้ผู้ใดเห็น
ชาวเยรูซาเล็มบางคนพูดว่า “คนนี้มิใช่หรือที่เขาพยายามจะฆ่า ดูซิ คนนี้กำลังพูดคุยอย่างเปิดเผย และไม่มีใครห้ามปรามเขา หรือบางทีบรรดาหัวหน้าอาจยอมรับว่าเขาเป็นพระคริสต์ พวกเรารู้ว่าคนนี้มาจากไหน พระคริสต์นั้น เมื่อเสด็จมา ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์เสด็จมาจากไหน”
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงสอนในพระวิหาร พระองค์ตรัสเสียงดังว่า“ท่านทั้งหลายรู้จักเรา และรู้ว่าเรามาจากไหนเราไม่ได้มาตามใจตนเอง พระองค์ผู้ทรงส่งเรามาทรงสัจจะท่านไม่รู้จักพระองค์แต่เรารู้จักพระองค์ เพราะเรามาจากพระองค์และพระองค์ทรงส่งเรามา”
คนเหล่านั้นพยายามจะจับกุมพระองค์ แต่ไม่มีใครลงมือ เพราะเวลาของพระองค์ยังมาไม่ถึง
ข้อคิด
มนุษย์มักจะมองสิ่งต่าง ๆ รับรู้ และผ่านสิ่งนั้นเข้าไปในใจก่อน แล้วจึงเกิดเป็นความคิด ต่อด้วยการกระทำที่เป็นผลมาจากความคิดนั้น ... ดังนั้น ตัวแปรที่สำคัญคือ “ความบาป” หรือ “กิเลส” ถ้าความบาปหนา เราจะมีความคิดต่อสิ่งต่าง ๆ ออกไปในเชิงลบ เป็นการคิดด่า ตำหนิ ว่า สุดท้ายคือคิด “ทำลาย” ในตัวเรามีความบาปมาก ก็สัมผัสได้ถึงกระแสลบมาก เพราะมันเป็นประเภทเดียวกัน
ในขณะที่อีกคน มองเห็นเหมือนกัน แต่ความบาปน้อยกว่า เขาก็จะคิดออกมาในเชิงบวกมากกว่า เช่น สงสาร อยากช่วย อยากสวดให้ คือ อยากให้เขาหรือเธอดีขึ้น ดังนั้นการรู้จักตนเอง พิจารณาตนเองเป็น ก็จะช่วยให้เรา “ลดบาป เพิ่มบุญ” ได้ ชีวิตก็จะมีแต่ดีขึ้น มหาพรตนี้ “การรับศีลอภัยบาป” อย่างดี จะช่วยเราได้