สมณสภาเพื่อพระสัจธรรมพิจารณาเรื่องแม่พระแห่งก้อนหิน (Dicastery for the Doctrine of the Faith issues ruling on Our Lady of the Rock)

     ตามกฎเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับการรับรองการประจักษ์ที่เกิดขึ้น ตามที่สมณสภาเพื่อพระสัจธรรมได้เผยแพร่กฎเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับผลทางวิญญาณที่ตามมาจากการประจักษ์ของพระนางมารีย์ต่อ โคซิโม ฟราโกเมนี่ (Cosimo Fragomeni in Calabria) ในแคว้นคาลาเบรีย (Calabria)

     ซึ่งเป็นเขตยากจนที่สุดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี “ในโลกแห่งวัตถุที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งมีผู้คนมากมายใช้ชีวิตโดยไม่ได้คิดถึงโลกระดับเหนือธรรมชาติ ผู้แสวงบุญที่มายังสักการสถานแห่งก้อนหิน เป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาอันแรงกล้า”

     พระคาร์ดินัลวิกเตอร์ มานูเอล เฟอร์นันเดซ (Cardinal Victor Manuel Fernández) สมณมนตรีแห่งสมณสภาเพื่อพระสัจธรรมได้เขียนจดหมายตอบคำถามของพระสังฆราชฟรานเชสโก โอลิวา แห่งสังฆมณฑลโลครี-เกเรซ ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2024 “ #ยืนยันว่าไม่มีอุปสรรค ” (Nihil obstat) ที่เสนอโดยพระสังฆราชเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วิหารแม่พระแห่งก้อนหินของสังฆมณฑล (Madonna dello Scoglio) ในชุมชนซานตาโดเมนิกา ดิ ปลากานิกา (Santa Domenica di Placanica) แห่งแคว้นกาลาเบรีย

 

 

การรับรู้ประสบการณ์ของพระจิตเจ้า (Recognition of an experience of the Spirit)

      ว่ากันว่าพระนางมารีย์ทรงปรากฏที่นั่นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1968 เป็นครั้งแรกต่อ โคซิโม ฟราโกเมนี่ (Cosimo Fragomeni) ชาวนาวัย 18 ปีผู้ถ่อมตัว ตามบรรทัดฐานใหม่ที่จัดพิมพ์โดย สมณสภาฯ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2024 โดย พระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซกล่าวถึงในจดหมายของท่าน คำว่า “nihil obstat” แปลว่า “ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง” หมายถึง “ยังไม่รับรองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจริงหรือไม่ แต่รับทราบถึงประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้น ณ วิหารแห่งนั้น”

     พระสังฆราชประจำสังฆมณฑลจึงได้รับการสนับสนุนให้อภิบาล และเผยแพร่ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณนี้ “ผ่านทางการจาริกแสวงบุญ การรวมกลุ่ม และการอธิษฐานภาวนาร่วมกัน” ในขณะที่ “ผู้ที่มีความศรัทธาได้รับคำแนะนำให้มีท่าทีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรอบคอบ”

 

 

สถานที่แห่งพระเมตตาของพระเจ้า (A place to encounter God's mercy)

     ตามที่โคซิโม ได้รับการประจักษ์ครั้งแรกในปี 1968 ตามมาด้วยลำแสงที่เกิดขึ้นจากหินทราย ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของเขา ซึ่งเกิดขึ้นในสี่วันถัดมา ในข้อความที่รายงานโดยโคซิโม พระนางมารีย์เรียกร้องให้กลับใจและอธิษฐานภาวนา โดยแสดงความปรารถนาที่จะเห็นท้องถิ่นของชาวคาลาเบรีย กลายเป็นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ ซึ่งผู้คนสามารถพบกับความเมตตาของพระเจ้า หลังจากนั้นโคซิโมได้ขุดหินทรายบริเวณนั้น และได้ประดิษฐานรูปปั้นของพระนางมารีย์ โดยซื้อมาจากเมืองคาร์รารา (Carrara) ซึ่งอยู่ใกล้เคียง

 

 

จากวัดน้อยธรรมดาสู่วิหารของสังฆมณฑล (From a simple chapel to a diocesan shrine)

     ในไม่ช้าสถานที่แห่งนั้น ก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้แสวงบุญจากทั่วอิตาลีและแม้แต่ต่างประเทศ ในตอนแรกมีวัดน้อยเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย ต่อมาได้กลายเป็นวิหารขนาดใหญ่ จนกระทั่งในปี 1987 ได้กลายเป็นศูนย์กลางของคณะฟรังซิสกัน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2008 พระสังฆราชจูเซปเป ฟิโอรินี โมโรซินี (Bishop Giuseppe Fiorini Morosini) แห่งสังฆมณฑลโลครี-เจราซ (Locri-Gerace) ในขณะนั้น ได้ออกกฤษฎีกาประกาศให้วิหารพระนางมารีย์แห่งศิลานี้ อยู่ภายใต้การอภิบาลของพระสังฆราชประจำสังฆมณฑล

     วันที่ 22 พฤษภาคม 2013 ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไปในจัตุรัสนักบุญเปโตร บราเดอร์โคซิโมพร้อมด้วยพระสังฆราชโมโรซินี (Bishop Morosini) ขอให้พระสันตะปาปาฟรังซิสอวยพรศิลารากฐานของแท่นบูชา “ศิลา” ที่กำลังก่อสร้าง สามปีต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2016 พระสังฆราชฟรานเชสโก โอลิวา (Francesco Oliva) พระสังฆราชองค์ใหม่ของโลครี-เจราซ ได้ยกระดับสักการะสถานเป็น "สักการะสถานของสังฆมณฑล" โดยใช้ชื่อว่า "พระมารดาแห่งก้อนหิน"

     ปีต่อมา ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2017 ท่านได้มอบสักการะสถานแห่งนี้ไว้ในการดูแลขอมิชชันนารีแห่งการประกาศพระวรสาร (Missionaries of Evangelization)

 

 

ผลที่เกิดขึ้นกับชีวิตคริสตชน (Evident fruits of Christian life)

     ในจดหมายของพระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซเน้นย้ำว่า สถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ “ดึงดูดความสนใจของผู้สัตบุรุษคนอื่น ๆ จำนวนมากมายจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะผู้ที่ทนทุกข์ทรมานและเจ็บป่วย” ท่านตั้งข้อสังเกตว่า "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ดึงดูดผู้ที่มีความเชื่อ และผู้แสวงบุญมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใต้การดูแลของผู้มีหน้าที่" ซึ่งนำไปสู่ "กิจกรรมทางจิตวิญญาณอย่างจริงจังของการอธิษฐานภาวนาและการฟัง"

     พระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซกล่าวต่อไปถึงคำพูดของพระสังฆราชโอลิวา ผู้เขียนว่า “ผลแห่งชีวิตคริสตชนที่ไปยังสักการะสถานพระมารดาแห่งก้อนหินบ่อย ๆ นั้นชัดเจน เช่น จิตวิญญาณแห่งการอธิษฐานภาวนา การกลับใจ กระแสเรียกแห่งการเป็นพระสงฆ์และนักบวช ประจักษ์พยานในความรักความเมตตา ความเข้มแข็งในความเชื่อ และผลทางด้านจิตวิญญาณอื่น ๆ” ในขณะเดียวกัน “ไม่มีองค์ประกอบที่มีสาระสำคัญหรือมีผลเสียใด ๆ เกิดขึ้น”

 

 

ความต้องการของพระสังฆราชโอลิวา (Bishop Oliva’s request)

     ในจดหมายที่ส่งถึงสมณสภาฯ ในเดือนมิถุนายน 2023 พระสังฆราชโอลิวาได้เสนอความคิดเห็นว่า “ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ขัดขวาง” (nihil obstat) เพื่อสร้างความมั่นใจสำหรับผู้ที่มีแสวงบุญ ณ สักการะสถาน และสามารถกระทำได้ต่อไป ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรคาทอลิก” พระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซตอบท่านว่า “

     ในเรื่องนี้ สมณสภาฯ ได้จดบันทึกรายงานข้อดีของท่าน เกี่ยวกับความดีฝ่ายวิญญาณที่กำลังเกิดขึ้นในสักการะสถาน ซึ่งท่านใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือน จากการได้รับผลประโยชน์ทางการเงินเกินควร หรือข้อผิดพลาดต่อหลักคำสอนร้ายแรงที่อาจก่อให้เกิดการเป็นที่สะดุด เป็นอันตรายต่อผู้ที่มีความเชื่อ หรือบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของพระศาสนจักร”

 

 

พระคาร์ดินัลเฟอร์นันเดซ: ความเคารพต่อพระนางมารีย์ในมุมมองทางพระเยซูเจ้าวิทยาที่ชัดเจน (Fernández: Veneration of Mary in a clear Christological perspective)

     พระคาร์ดินัลกล่าวเตือนว่า “การแสดงความเคารพอย่างถูกต้องของพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า พระมารดาของพระศาสนจักร และพระมารดาของเรา จะต้องแสดงออกมาในรูปแบบการแสดงความเคารพที่ไม่เหมาะสม ถูกต้องตามข้อคำสอนเรื่องพระเยซูเจ้าวิทยา (Christology) ตามข้อคำสอนที่ว่า “เมื่อพระมารดาได้รับการเคารพ พระบุตรก็ได้รับการประกาศให้รู้จัก และได้รับการถวายเกียรติอย่างถูกต้อง” (LG 66)

     การที่ผู้แสวงบุญอยู่ต่อหน้าพระแม่มารี “ซึ่งสำหรับพวกเขากลายเป็นการแสดงออกถึงพระเมตตาของพระเจ้าอย่างชัดเจน เป็นวิธีหนึ่งในการยอมรับความไม่เพียงพอของพวกเขาเองในการทำงานแห่งชีวิต และความต้องการอันแรงกล้าของพวกเขา และความกระหายหาพระเจ้า ในบริบทแห่งความเชื่อที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง พระธรรมล้ำลึกปัสกาถูกทำให้ชัดเจนและเพิ่มคุณค่าให้กับประสบการณ์ของพระจิตเจ้าให้มากขึ้น”

 

 

กฤษฎีกาพระสังฆราชแห่งโลครี-เกเรซ (The decree of the Bishop of Locri-Gerace)

     ในขณะเดียวกันกับ เมื่อมีการเผยแพร่เอกสารของสมณสภาฯ กฤษฎีกาของพระสังฆราชแห่งโลครี-เจราซก็ได้รับการเผยแพร่ ซึ่งใช้คำว่า “ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ขัดขวาง” สำหรับคุณค่าทางอภิบาลเพื่อวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณนี้ ตลอดจนการเผยแพร่ การแสวงบุญ การร่วมชุมนุม และการอธิษฐานภาวนาร่วมกัน” 

     ผู้ที่มีความเชื่อได้รับคำแนะนำให้มีความรอบคอบต่อความศรัทธาดังที่ได้กล่าวมาข้างตน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการประกาศรับรองสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ บรรดาผู้ที่มีความเชื่อยังไม่จำเป็นต้องเชื่อในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น 

     ข้อความเพิ่มเติมอื่นใดจากผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกแจ้งให้ทราบต่อสาธารณะ หลังจากการตัดสินของพระสังฆราชประจำสังฆมณฑลเท่านั้น ขณะเดียวกัน พระสังฆราชโอลิวาได้เชิญผู้ที่มีความเชื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองในสักการะสถาน ในบ่ายวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2024 ที่จะมาถึงนี้