ให้การให้อภัยของพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของพระศาสนจักร (Put God’s forgiveness at the centre of the Church)

     เมื่อตอนบ่ายวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเสด็จไปเป็นประธานในพิธีอธิษฐานภาวนาแห่งการสำนึกผิดที่วัดนักบุญปีโอที่ 5 ในกรุงโรม ในพิธีอธิษฐานภาวนา "24 ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า" (24 hours for the Lord) ทรงตรัสว่าการสารภาพบาปทำให้เรากลับไปสู่หนทางแห่งชีวิตใหม่ที่เราได้เริ่มต้นในพิธีศีลล้างบาป การสารภาพบาปซึ่งเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการให้อภัยของพระเจ้า (Confession, the Sacrament of God’s forgiveness) ช่วยให้เราเริ่มต้นการเดินทางของชีวิตใหม่อีกครั้ง

     หลังจากที่ได้เริ่มต้นมาแล้วเมื่อคราวที่เราได้รับศีลล้างบาป พิธีอธิษฐานภาวนา "24 ชั่วโมงเพื่อพระเจ้า" ประจำปี 2024 นี้ เป็นความคิดริเริ่มขอ พระสันตะปาปาฟรังซิสที่ทรงต้องการให้มีขึ้นในเทศกาลมหาพรต โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้วัดต่าง ๆ เปิดตลอดทั้งวันเพื่อเปิดโอกาสให้บรรดาสัตบุรุษได้เข้ามาอธิษฐานภาวนา นมัสการศีลมหาสนิท และรับศีลอภัยบาป

การเดินบนหนทางใหม่ ('Walking in the new life')

     ในพิธีอธิษฐานภาวนาดังกล่าว พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเลือกบทอ่านจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรมบทที่ 6 เรื่อง ศีลล้างบาป โดยมุ่งเน้นคำว่า “การเดินในชีวิตใหม่” (โรม 6:4) ในการเดินทางในชีวิตประจำวันของเรา เรามักจะมองข้ามความงดงามของชีวิตใหม่ในพระคริสต์ ซึ่งส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและกับผู้อื่น“เรายังคงอยู่ในหทางของเรา แต่เราต้องการป้ายบอกทางใหม่ การเปลี่ยนแปลงจังหวะ ทิศทางเพื่อช่วยให้เราพบหนทางแห่งการรับศีลล้างบาปอีกครั้ง ความงามดั้งเดิมของเรา ความรู้สึกของการก้าวไปข้างหน้า” “พี่น้องทั้งหลาย อะไรคือหนทางที่จะกลับคืนสู่เส้นทางแห่งชีวิตใหม่? มันเป็นวิธีการให้อภัยของพระเจ้า” การให้อภัยของพระเจ้า “ทำให้เรากลับมารวมกันอีกครั้ง... ชำระเราให้สะอาดจากภายใน และนำเรากลับสู่สภาพแห่งการเกิดใหม่แห่งการรับศีลล้างบาป”

     แม้ว่าเราจะต้องมีใจที่เปิดกว้างและสำนึกผิด เช่นเดียวกับคนโรคเรื้อนที่ร้องทูลพระเยซูเจ้าว่า “ถ้าพระองค์ทรงมีพระประสงค์ พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์สะอาดได้” แต่ความพยายามของเราเองยังไม่เพียงพอ “พระเจ้าเท่านั้นที่รู้และรักษาจิตใจ มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่สามารถช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายได้”
นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงประสงค์สำหรับเรา เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตใหม่ เป็นอิสระ มีความสุข และสามารถดำเนินต่อไปตามหนทางชีวิตใหม่ของเรา

ศีลอภัยบาปพื้นฐานของการดำรงอยู่ของคริสตชน (The Sacrament at the foundation of Christian existence)

     “เราอย่าทำให้พระองค์เสียใจ ขออย่าให้เราละทิ้งการเผชิญหน้า กับการให้อภัยของพระองค์ เพราะหากเรากลับมายืนเคียงข้างพระองค์อีกครั้งเท่านั้น เราก็จะสามารถกลับไปเดินอยู่บนหนทาง และมองเห็นความพ่ายแพ้ของบาปของเรา ซึ่งถูกกวาดล้างไปตลอดกาล ขอให้เราอย่าละทิ้งการอภัยโทษของพระเจ้า ศีลอภัยบาป ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การแสดงข้อคิดทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่เป็น “รากฐานของการดำรงอยู่ของคริสตชน” ด้วย ขอให้พระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่ศาสนบริกรขอศีลอภัยบาป “นำการอภัยโทษของพระเจ้ากลับมาที่ศูนย์กลางของพระคริสตจักร”

     ขอให้พระสงฆ์อภัยบาปเสมอแก่ผู้ที่เข้ามาขอรับศีลอภัยบาป และช่วยผู้ที่อาจกลัวที่จะสารภาพบาป “ให้เข้ารับศีลแห่งการเยียวยารักษาและชื่นชมยินดีด้วยความมั่นใจ” ในที่สุด พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนบรรดาคริสตชนว่า พระเยซูเจ้าทรงสามารถชำระความผิดของเราทั้งหมดได้ โดยเชื้อเชิญให้พวกเขามาสารภาพบาปด้วยคำอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์ทรงชำระให้บริสุทธิ์ได้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า ข้าพเจ้าต้องการการให้อภัยจากพระองค์ โปรดฟื้นฟูชีวิตของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะก้าวเดินอีกครั้งในหนทางใหม่”