พี่น้องที่รัก

     ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างบาปจากนักบุญยอห์น บัปติสต์ พระองค์ไม่มีบาปเลยก็จริงครับ แต่ก่อนที่พระองค์จะเริ่มปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาพระองค์ก็ใช้ธรรมประเพณีสมัยนั้นประกาศให้ทุกคนได้รู้ พระองค์เลือกที่จะให้ยอห์นทำพิธีล้างบาปให้ เพราะพระองค์ต้องการสอนเรื่องการล้างบาปด้วยน้ำและพระจิตเจ้า ชีวิตใหม่ ชีวิตแห่งความรอด เริ่มต้นด้วยพระจิตเจ้าครับ มีหลายตอนนะครับที่พระจิตเจ้าเข้ามามีส่วนสำคัญในงานได้บาปนี้ ตั้งแต่พระนางมารีย์ทรงครรภ์ หรือจะพูดไปก็ตั้งแต่นางเอลิซาเบ็ธตั้งครรภ์เลยก็ได้ วันนี้พระจิตก็เสด็จลงมาอีกในขณะที่ยอห์นล้างบาปให้พระจิตเสด็จมาอีก ในเวลาที่พระเยซูเจ้าจำแลงพระกายที่ภูเขาทาบอร์ เมื่อตอนที่อัครสาวกจะแยกย้ายกันไปประกาศพระศาสนาพระจิตเจ้าก็เสด็จลงมาในรูปลิ้นไฟ ประทานกำลังให้แก่ทุกคนไปทำหน้าที่งานของพระไม่ว่าจะเป็นงานพระเยซูเจ้า ของอัครสาวก ล้วนแล้วแต่ต้องการกำลังอำนาจของพระจิต และการนำทางของพระจิตเจ้าเสมอ และยังต้องการการชำระล้างให้บริสุทธิ์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระจิตอีกด้วยนะครับ พวกเราคริสตชนจึงสวดขอพระจิตเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไร จะเดินทาง จะทำงาน จะบวช จะแต่งงาน หรือแม้แต่ก่อนที่จะเดินทางไกลไปโลกหน้า เราก็ยังต้องการพระจิตให้มาชำระล้างเราให้จิตบริสุทธิ์ที่สุดครับ มีคำถามยอดฮิตอยู่บ่อย ๆ จากพี่น้องว่า

1. เราควรแก้บาปบ่อยแค่ไหน?

     ขอตอบดังนี้นะครับ เราควรแก้บาปทุกครั้งที่เรามีบาปหนักนะครับ บาปที่ พ่อรู้สึกว่าหนักก็มี ไม่ไปวัดวันอาทิตย์โดยไม่มีเหตุผลสมควร เช่น ขี้เกียจไป อยากนอน อยากไปเที่ยว ฯลๆ อย่าลืมว่าถ้ามีเหตุผลสมควรการไม่ไปวัดวันอาทิตย์ก็ไม่ใช่บาปนะครับ เช่น อยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ตามที่พระศาสนจักรอนุโลมเจ็บป่วย แก่ชราเดินไม่ไหวแล้ว มีธุระสำคัญจริงๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้ บาปอุลามก คือการปล่อยเนื้อปล่อยตัวปล่อยใจ ไปกับอารมณ์ทางเพศ ไม่ว่ากับเนื้อหนังของตนเอง กับบุคคลอื่นๆ หรือกับการดูรูปภาพ การดูภาพยนตร์ทางเพศแบบนี้เป็นต้น บาปเคียดแค้นชิงชัง เกลียดชัง และยังไม่ยอมอภัยให้เลย บาปนี้ร้ายแรงมากครับ เพราะไม่เพียงทำร้ายคนอื่น ยังทำร้ายตนเองด้วยนะครับ บาปไม่ช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่กำลังลำบาก นอกจากนี้บาปที่ทำร้ายจิตใจหรือร่างกายของผู้มีพระคุณ เช่น บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ โดยเจตนา บาปละเลยต่อหน้าที่ของตน บาปที่ทำโดยเจตนาทุกอย่างควรแก้บาปทันทีที่ มีโอกาสนะครับพระศาสนจักรกำหนดให้แก้บาปอย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับคนที่ไม่มาวัดมาวาเลยอย่างน้อยก็ขอปีละครั้งก็ยังดี แต่จะดีกว่าอีก ถ้าหากแก้บาปได้อย่างสม่ำเสมอ

     สำหรับผู้ที่มีบาปเบา แล้วก็มาถามว่า บาปเบาต้องแก้ด้วยมั้ย บางคนไม่แก้บาปนานมาก เพราะคิดว่าก็มีแค่บาปเบานี่นา ไม่จำเป็นต้องแก้ เป็นทุกข์ถึงบาปก็เพียงพอแล้ว พ่อขอตอบว่า บาปเบาไม่จำเป็นต้องแก้ แต่ควรแก้ด้วยเพราะอะไรก็เพราะว่า ศลอภัยบาปนี่แหละที่จะช่วยให้เราแก้ไขบาปเบาที่เราทำประจำสม่ำเสมอได้ เพราะศลอภัยบาปให้พระหรรษทานแก่เราเสมอ ถ้าเราแก้บาปบ่อย ๆ เราจะไม่อยากทำบาป แต่ถ้าเราแก้บาปนาน ๆ ครั้ง เราจะไม่อยากหยุดทำบาป ดังนั้นการแก้บาปเบา ควรแก้บ่อยแค่ไหน เราก็ควรกำหนดให้ตัวเองนะครับสำหรับพ่อคิดว่าเดือนละครั้งครับ อย่างมากก็สองเดือนครั้งกำลังดี สำหรับผู้ที่เป็นสามเณรหรือผู้รับการอบรม เขามักจะสอนให้แก้บาปเดือนละ 2 ครั้งครับ สำหรับบาปเบา สำหรับบาปหนักก็ทุกครั้งที่ทำเลยครับ

2. ยังไม่แก้บาปแล้วไปรับศีลก่อน ต่อมาค่อยไปแก้บาปได้มั้ย?

      ข้อนี้ตอบง่ายมากเลยครับ ถ้ามีบาปหนักแล้วยังไม่ได้แก้บาปก่อน ห้ามไปรับศีลมหาสนิท หากไปรับ ก็ทำบาปทุรจารศีลมหาสนิทนะครับ เช่น อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มาวัด เพราะขี้เกียจ อาทิตย์นี้มาวัดดีกว่า ไปรับศีลก็ได้ แก้บาปอาทิตย์ต่อไป แบบนี้ทำบาปทุราจารต่อมหาสนิทแน่นอนครับ แต่ถ้ามีบาปเบาๆ ก็ไม่ต้องแก้บาป เป็นทุกข์ถึงบาปอย่างดี รับศีลได้ครับ หลายคนคิดว่า เราสะสมบาปไปก่อนแล้วค่อยแก้ทีเดียว คิดแบบนี้ไม่ได้นะครับ เช่นเดียวกันหากเรามีบาปหนักอยู่แล้วไปทำพิธีแต่งงาน การแต่งงานแม้ว่าจะสมบูรณ์ แต่เราก็ทุราจารศีลแต่งงานด้วย เป็นต้น

3. ลืมบอกบาป ต้องแก้บาปนั้นใหม่หรือไม่?

     - ถ้าพิจารณาบาปมาดีแล้ว ไปสารภาพบาป แต่ลืมบอกบาปนั้น ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปกปิดบาป บาปนั้นได้รับการยกแล้วครับ ไม่ต้องไ ปสารภาพบาปนั้นอีกแต่ถ้ายังไม่สบายใจ จะบอกบาปนั้นอีกได้ ในทางเทววิทยาบาปนั้นไม่มีอีกแล้วครับ

     - ถ้าไม่พิจารณาบาปเลย แล้วก็รีบเข้าไปสารภาพบาป ไปคิดกันตอนนั้นการสารภาพบาปแบบนี้ ทำให้ละเลยบาปได้อีกหลายข้อทีเดียว มานึกได้ภายหลัง พ่อก็แนะนำว่าควรต้องบอกบาปเหล่านั้นใหม่ เมื่อไปสารภาพบาปครั้งต่อไป และก็แนะนำด้วยว่าควรพิจารณาบาปให้ดี มีเวลาสวดและพิจารณาบาปอย่างดี ก่อนที่จะไปสารภาพบาปนะครับ นั่นหมายความว่า มาวัดตั้งแต่เนิ่น ๆ เลย หากมาวัดสายก็จะมีเวลาเตรียมตัวน้อยไปละครับ มีเรื่องราวเกี่ยวกับกรสารภาพบาปอีกมากมายนะครับ นี่คือความเมตตาของพระต่อเราจริงๆ ที่มีศีลอภัยบาป ที่ยกบาปทั้งสิ้นของเรา ที่ให้เราตั้งใจที่จะไม่ทำบาปเหล่านั้น หรืออย่างน้อยต่อสู้กับบาปเหล่านั้น ขอให้เราใช้ศีลอภัยบาปนี้อย่างดีและถูกต้อง นี่แหละครับศีลแห่งความรอดของเราครับ

ด้วยความเคารพรัก

พ่อสุรชัย ชุ่มศรีพันธุ์

ที่มา : สารวัดนักบุญเปโตร ประจำวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2022