มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED
HOT NEWS
สามเณราลัยนักบุญยอแซฟอำลาและต้อนรับ: วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 สามเณราลัยนักบุญยอแซฟ ได้มีพิธีบูชาขอบพระคุณ โอกาสอำลา คุณพ่อทั้ง 2 ท่าน ที่ได้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ใหม่- คุณพ่อ ดิษพล รุ่งโรจน์วรวัฒนา- คุณพ่อ ณัฐพล เอี่ยมเศรษฐีและในขณะเดียวกันเป็นการต้อนรับ คุณพ่อ,สังฆนุกร และซิสเตอร์ ที่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในสามเณราลัยนักบุญยอแซฟ แห่งนี้ - คุณพ่อ ธนบูรณ์ พูนผล- คุณพ่อ พัฒน์พงษ์ แซ่ฟรุ้ง- สังฆนุกร ภัควัฒน์ หยึกประเสริฐ- ซิสเตอร์ วีรวรรณ กิจเจริญ- ซิสเตอร์ สุวารร เทวีพันธ์- ซิสเตอร์ สายทอง ธรรมสรณ์กุล ขอเชิญร่วมพิธีมิสซาสมโภชพระตรีเอกภาพ : ขอเชิญร่วมพิธีมิสซาสมโภชพระตรีเอกภาพ วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2024 เวลา 10.30น. อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์: วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2024 คุณพ่อประจักษ์ บุญเผ่า ได้มาอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์(ศีลสมรส) ณ วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่  ประชุมศาสนาคริสต์5องค์การ: ในวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2024 เวลา 14.00 น. ณ ชั้น 10 อาคารสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย มุขนายกยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย/ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ เป็นประธานการประชุมศาสนาคริสต์ 5 องค์การ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมดังนี้ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้แก่ 1.บาทหลวงสุวัฒน์ เหลืองสอาด ผู้ช่วยเลขาธิการสภาประมุขฯ2.บาทหลวงสมเกียรติ บุญอนันตบุตร เลขาธิการคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อศาสนสัมพันธ์ฯ3.คุณวรินทร เหมะ เลขานุการฯ สภาคริสตจักรในประเทศไทย1.ศาสนาจารย์สุรศักดิ์ สกุลปั้นทรัพย์ ปลัดสำนักเลขาธิการสภาคริสตจักรฯ สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย1.ศาสนาจารย์ออมสิน เปสลสกุล นายทะเบียนสหกิจคริสเตียนฯ2.ศาสนาจารย์อนันต์ ดะนัย ประสานงานมิชชันนารีสหกิจฯมูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ 1.ศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนาน อบรม Basic Bibliodrama Workshop: กลุ่มผู้หว่านรุ่นที่ 8 อบรม Basic Bibliodrama WorkshopDay I : Basic Bibliodrama Workshop (20 May 2024) สำหรับคอร์สผู้หว่าน 8 จัดโดยแผนกพระคัมภีร์ ฝ่ายงานอภิบาลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จำนวน 12 ท่าน และมีสมทบจากซิสเตอร์และผู้ฝึกหัดคณะภคินีผู้รับใช้ดวงหทัยนิรมลของพระแม่มารีย์ 5 ท่าน ครูคำสอนจากวัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร 1 ท่าน รวมเป็น 18 ท่าน โดยมีคุณครูประภา วีระศิลป์ และคุณครูทัศนีย์ มธุรสสุวรรณ เป็น Facilitators และอาจารย์มนต์สิงห์ ไกรสมสุข กับคุณวิมลรัตน์ กิจบำรุง แผนกพระคัมภีร์เป็น ผู้ประสานงานฯ ตลอดการอบรมในคอร์สฯ *วันแรกเป็นการกล่าวต้อนรับด้วยบทเพลง Enas Methos Dance *แนะนำตัวผู้เข้ารับการอบรมฯ *ความสำคัญของงานพระคัมภีร์ (จากสมณสาสน์ Dei Verbum , Verbum Domini และ Evangelii Gaudium และ CBF-SEA) *ความเป็นมาของ Bibliodrama (Hand Picture) * Bible Enthronment * แผนที่ชีวิตของพระเยซูเจ้า (Life M

พระคุณพระจิตเจ้า 7 ประการ

ที่มา : โดย คุณพ่อฟรังซิส ไกส์ (แสงธรรมปริทรรศน์ สู่ปี2000 ฉบับที่ 9)


     สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่2ทรงเขียนไว้ใน พระสมณสาสน์เรื่องพระจิตเจ้า (18 พฤษภาคม1986) ว่า "พระจิตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นของประทาน หรือทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นความรัก"

     ดังนั้นเราเข้าใจว่า ถ้าพระองค์เป็นความรักหมายถึงการให้ การอุทิศตนรับใช้ผู้อื่น และเราทราบว่าพระจิตเจ้าทรงเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดของผู้ให้ พระองค์ประทานพระคุณ 7 ประการแก่มนุษย์ คือ พระดำริ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรงพระเจ้า และพระจิตเจ้าก็ได้ประทานพระคุณเหล่านี้ให้แก่พระเยซูเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดังที่เราเห็นในกิจการและพระวาจาของพระคริสตเจ้าอย่างชัดเจน พระจิตเจ้ายังประทานพระคุณเหล่านี้ ให้แก่เราเพื่อให้เราสามารถมีความรู้สึกและทำกิจการเช่นเดียวกับพระคริสตเจ้าได้

สัญลักษณ์ของพระจิตเจ้า

     นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 7 ขวบ ท่านได้บันทึกความรู้สึกในวันนั้นว่า "ภาพของทะเลนั้นประทับใจดิฉันมากเหลือเกิน ดิฉันไม่อยากละสายตาไปจากภาพนี้เลย พลังของน้ำในทะเลกว้าง และเสียงของคลื่นที่ซัดฝั่งกระทบใจดิฉันให้มองเห็นความยิ่งใหญ่และพลานุภาพของพระเจ้า"
     ประสบการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นในธรรมชาติ อาจเป็นเครื่องหมายของสิ่งเหนือธรรมชาติซึ่งมองเห็นไม่ได้ สำหรับผู้ที่มีความเชื่อ สิ่งสร้างทั้งหลายมีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกับพระเจ้าผู้สร้างคุณลักษณะที่ดีของสิ่งสร้างสะท้อนให้เห็นคุณลักษณะบางอย่างในพระเจ้าแม้ยังไม่สมบูรณ์และมีขอบเขตจำกัด แต่ภาษาเปรียบเทียบเช่นนี้เป็นวิธีเดียวที่มนุษย์มีใช้เพื่อเข้าใจพระเจ้าและกล่าวถึงพระองค์
     สัญลักษณ์ คือสิ่งซึ่งตัวของมันเองเสนอแนะหรือให้ความหมายโยงใยถึงอีกสิ่งหนึ่ง เช่น นกพิราบ นอกจากเป็นนกชนิดหนึ่งแล้ว ก็ยังเสนอความหมายสากลถึงสันติภาพ ในพระคัมภีร์เราพบสัญลักษณ์ของพระจิตเจ้าหลายประการ ผู้เขียนพระคัมภีร์คิดสัญลักษณ์ขึ้นมาเฉพาะตัว โดยแนะจินตนาการให้ผู้อ่านได้แลเห็นและมีความรู้สึกร่วมจนสามารถตีความให้เข้าใจความหมายได้ พระคัมภีร์ใช้สัญลักษณ์ 9 อย่างเพื่อกล่าวถึงพระจิตเจ้า คือ ลม น้ำ ไฟ ก้อนเมฆที่ส่องสว่าง การเจิม ตราประทับ มือ นิ้ว และนกพิราบ

พระคุณพระจิตเจ้า 7 ประการ

1.พระดำริ (หรือปรีชาญาณ) (พระคุณของพระจิต)

     คือพระคุณที่ทำให้เรารู้สึกในอรรถรสของพระเจ้าและสิ่งสร้าง ทั้งช่วยเราให้สามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว เมื่อเรารับพระเจ้า เราสามารถสัมผัสความรักของพระเจ้า และเห็นคุณค่าของทุกสิ่ง ที่พระเจ้าทรงสร้างมา ในธรรมชาติ เช่น เราจะรู้สึกว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ชิดเราเมื่อเราได้ยินเสียงใบไม้ไหว หรือเมื่อมองเห็นดาวกระพริบอยู่บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน

     สำหรับผู้ที่ได้รับปรีชาญาณ ชีวิตของตนแม้ต่ำต้อยหรือปกติที่สุดก็เป็นสิ่งน่าพิศวงเพราะรู้สึกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพระเจ้า ในสมัยกลาง อิสอัค นักบวชชาวอังกฤษคนหนึ่งเคยกล่าวว่า "โลกนี้เป็นประโยชน์สองประการสำหรับมนุษย์ คือเลี้ยงเราและสอนเรา" พระจิตเจ้าทรงจัดให้สิ่งของในโลก มีไว้ไม่เพียงแต่เป็นอาหารเลี้ยงท้อง แต่เป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณอีกด้วย ทุกสิ่งในโลกเป็นข่าวสารของพระเจ้าสำหรับเรา ผู้ที่ได้รับพระคุณแห่งปรีชาญาณนี้ สามารถรับสื่อเหล่านี้ และได้เรียนรู้ เช่น ดอกไม้ส่งกลิ่นนำความชื่นชมอย่างเงียบ ๆ ตะวันขึ้นทุกวันแม้ไม่มีใครมาตั้งใจชม กระแสน้ำที่ไหลเป็นนิจ นกร้องเหมือนกับคนอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างง่าย ๆ ของการเรียนรู้

     ปรีชาญาณยังช่วยเราให้สามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว กษัตริย์ซาโลมอนได้รับปรีชาญาณเมื่อทรงอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรถูก ขอพระองค์ประทานใจที่อ่อนน้อมว่านอนสอนง่าย เพื่อจะสามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว” ดังนั้น ปรีชาญาณเป็นพระคุณที่ส่องแสงในจิตใจมนุษย์ และช่วยอธิบายความหมายของชีวิต อังเดร ฟอร์ซารด์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส ก่อนจะตายได้เขียนว่า "มนุษย์ได้อำนาจมากกว่าปรีชาญาณ ถ้าไม่กลับใจ ในไม่ช้าก็จะประพฤติเหมือนสัตว์" ถูกของเขา ทุกอย่างที่มนุษย์สมัยนี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา ก็มีไว้เพื่อขยายสมรรถภาพ ฝ่ายกาย เช่น โทรทัศน์ขยายความสามารถในการมองของตา รถยนต์ขยายความสามารถที่จะเดินของเท้า โทรศัพท์ก็มีไว้เพื่อขยายความสามารถในการฟังของหู แต่การขยายสมรรถภาพของร่างกายเช่นนี้ไม่ได้ส่วนกับการขยายสมรรถภาพของวิญญาณ มีแต่ปรีชาญาณเท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้เห็น ให้ใช้สิ่งประดิษฐ์น่าทึ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง คือช่วยเราให้รู้จักใช้ทุกสิ่งเพื่อแสดงความรักที่มาจากพระเจ้าแก่ผู้อื่น ปล่อยให้ความรักของพระองค์ครอบครองจิตใจของเราและของมนุษย์

 

2.สติปัญญา (พระคุณของพระจิต)

     คือพระคุณที่ทำให้เราเข้าใจในความจริงที่ต้องเชื่อและต้อง ปฏิบัติตามเป็นพระคุณที่ช่วยเรามิให้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา แต่แสวงหาความจริงของทุกสิ่งอย่างลึกซึ้ง ดังที่ท่านนักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า "พระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า" (1คร. 2:10) พระพรนี้ช่วยเราให้พ้นพฤติกรรมของคนทั่วไปนับตั้งแต่เด็กมา คือ สลวนสนใจเพียงเรื่องภายนอก เช่น ความสวยงาม การแต่งตัว ทรัพย์สมบัติ ความนิยมชมชอบ การได้หน้าได้ตา เกียรติยศชื่อเสียง พระพรนี้ช่วยให้เราพ้นจากโรคเหล่านี้ที่ขึ้นสมองของคนทั่วไป ทำให้เราเป็นคนหนึ่งที่มองเห็นคุณค่าที่สูงกว่านั้นในทุกสิ่ง
     พระคุณแห่งสติปัญญายังช่วยเราให้เข้าใจพระคัมภีร์ พระวาจาของพระเจ้าอย่างถูกต้องตามพระสัญญาของพระคริสตเจ้าทตรัสว่า "เมื่อพระจิตเจ้าแห่งความจริงจะเสด็จมา พระองค์จะนำทางท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งหมด" (ยน. 16:13) นอกจากนั้น สติปัญญาจะช่วยเราให้เข้าใจคำสอนของธรรมประเพณีที่มีชีวิตชีวาในพระศาสนจักร จะเห็นได้ว่าธรรมล้ำลึกต่าง ๆ เช่น เรื่องการเนรมิตสร้าง การกอบกู้ การคืนชีพหลังความตาย รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างงดงาม และรับแสงสว่างจากพระวาจาของพระเจ้าอยู่เสมอ พระคุณแห่งสติปัญญานี้เอง ปลุกความเชื่อในใจ ของเรา ทำให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า. "หากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวได้ว่า พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า"

 

3.ความคิดอ่าน (1คร.12:3) (พระคุณของพระจิต)

     คือพระคุณที่ทำให้เราตัดสินใจปฏิบัติตามแผนการของพระเจ้าคือช่วยเราให้ค้นพบหนทางชีวิตที่ถูกต้อง ให้รู้ว่าพระองค์ทรงต้องการอะไรจากเรา เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับมนุษย์แต่ละคน การค้นพบแผนการนี้เป็นเงื่อนไข เพื่อจะประสบความสำเร็จในชีวิต ความคิดอ่านช่วยเราให้แยกแยะ สิ่งที่ถาวรจากสิ่งที่ชั่วคราว ช่วยเราให้รอบคอบในการเลือกวิถีชีวิตโดยไม่ผิดพลาด เช่น จะตัดสินใจแต่งงาน บวช หรือดำเนินชีวิตโสด ฯลฯ

     พระพรนี้ยังช่วยเราให้เคารพอิสรภาพของผู้อื่นในการเลือกหนทางชีวิตขณะที่ช่วยเขาให้เลือกดำเนินชีวิตตามพระประส่งค์ของพระเจ้าในทุกกรณี ที่จริงมนุษย์มีความสามารถมากมาย แต่เราใช้สมรรถภาพนั้นน้อยเกินไป เพราะขาดการตัดสินใจแน่วแน่ เช่น เด็กอายุ 3 ขวบที่อยู่กับคน 10 คนในครอบครัว แต่ละคนพูดภาษาคนละภาษากับเด็ก เด็กคนนี้สามารถโต้ตอบกับทุกคนในภาษาต่าง ๆได้

     นักจิตวิทยามีความเห็นพ้องต้องกันว่า มนุษย์เราพัฒนาความทรงจำความสามารถที่จะรัก และความสามารถที่จะสนใจในเรื่องอื่นๆ น้อยเหลือเกิน พระพรแห่งความคิดอ่านช่วยเรามิให้ละทิ้งสมรรถภาพนี้ไว้ให้เปล่าประโยชน์

 

4.พละกำลัง (พระคุณของพระจิต) 

     คือพระคุณที่ช่วยเราให้มีความกล้าหาญ ความมั่นคง และความ ซื่อสัตย์ในความเชื่อ สามารถต่อสู้กับศัตรูฝ่ายวิญญาณได้ หนังสือกิจการอัครสาวกแสดงชัดว่าเมื่อบรรดาอัครสาวกได้รับพระจิตเจ้าแล้วในวันเปนเตกอสเต ก็ได้รับพระจิตเจ้าแล้วในวันเปนเตกอสเต ก็ได้รับพละกำลังที่จะประกาศพระคริสตเจ้าอย่างกล้าหาญ และได้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าอย่างเปิดเผย หากมนุษย์ไม่มีความกล้าหาญหรือพลังภายในเช่นนี้เขาจะไม่กล้าประพฤติผิดแผกจากคนทั่ว ๆ ไป เขาจะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือช่วยคนอื่น เขาจะปรานีประนอมในทุกกรณี แตร์ตูเลียน ปิตาจารย์ในศตวรรษที่สาม เคยเปรียบเทียบพระจิตเจ้ากับโค้ชของนักกีฬาว่า โค้ชจะสอนนักกีฬาของตนว่า เขาจะต้องรู้จักออกแรงจนเหน็ดเหนื่อย เขาจะไม่สามารถได้เหรียญทองหากไม่มีเหงื่อออก ถ้าเขามุ่งมั่นเขาจะไม่รู้สึกเบื่อหน่ายจำเจในการฝึกฝน
     ฉะนั้น พระคุณแห่งพละกำลังที่เรารับจากพระจิตเจ้าช่วยเราให้ปฏิบัติตามข้อความบนป้ายที่ติดไว้บนฝาผนังในบ้านของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาที่ว่า "มนุษย์นั้นบ่อยครั้งทำอะไรไม่มีเหตุผล เห็นแก่ตัวช่างมัน…จงรักเขาเถิด ถ้าท่านทำความดีผู้อื่นอาจคิดว่า ท่านหวังจะได้ประโยชน์ช่างมัน…จงทำความดีเถิด ถ้าท่านประสบความสำเร็จ ท่านจะพบว่ามีทั้งมิตร เทียมและศัตรูแท้ ช่างมัน…พยายามทำให้สำเร็จ ความดีที่ท่านทำวันนี้พรุ่งนี้ก็จะถูกลืม ช่างมัน…จงทำความดีเถิด ความสุจริตและจริงใจจะทำให้ท่านถูกเอาเปรียบ ช่างมันจงเป็นผู้สุจริตและจริงใจเถิด สิ่งที่ท่านได้สร้างขึ้นเป็นเวลานานอาจจะถูกทำลายในพริบตา ช่างมัน…จงสร้างขึ้นเถิด ถ้าท่านช่วยคนอื่น เขาอาจจะไม่พอใจท่าน ช่างมัน…จงช่วยเขาเถิด ถ้าท่านทุ่มเทตนเองอย่างดีที่สุดแก่ผู้อื่นเขาอาจจะเตะท่านทิ้ง ช่างมัน…จงทุ่มเทตัวเองอย่างดีที่สุดเถิด"

 

5.ความรู้ (พระคุณของพระจิต)
     คือพระคุณที่ช่วยเราให้รู้จักพระเจ้าและทุกสิ่งที่เกี่ยวกับพระองค์ ความรู้นี้เป็นโลกทัศน์ที่มาจากการพบปะกับพระเจ้าผู้ทรงเปลี่ยนแปลงใจและชีวิตของมนุษย์ อาศัยพระพรนี้นักเทววิทยาสามารถอธิบายความจริงที่เราเชื่ออย่างเป็นระบบ และสามารถเข้าใจเครื่องหมายของกาลเวลา ที่แสดงพระประสงค์ของพระเจ้าให้แก่เรา ในทุกวันนี้ เป็นพระพรซึ่งผู้สอนคำสอนต้องรับเพื่อจะเป็นอาจารย์แห่งความเชื่อให้แก่ผู้อื่น พระพรนี้ทำให้เรารักพระเจ้าและทุกสิ่งมากยิ่งขึ้น
     คอสตอเยสกี นักเขียนเรืองนามชาวรัสเซียคนหนึ่งคงจะได้รับพระคุณนี้เมื่อได้เตือนผู้อ่านว่า "พี่น้องทั้งหลาย จงรักสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างทั้งมวล ทั้งส่วนรามและทีละสิ่ง เหมือนเม็ดทรายทีละเม็ดจงรักใบไม้แต่ละใบ จงรักแสงแดด ต้นไม้ สัตว์ และทุกสิ่ง โดยเฉพาะจงรักเด็ก เพราะเขามีชีวิตเพื่อชำระจิตใจของท่าน และทำให้ท่านรู้สึกอ่อนโยน"

 

6.ความศรัทธา (พระคุณของพระจิต)

     คือพระคุณที่ทำให้จิตใจของเรายอมนมัสการพระเจ้า แสดง คารวะกิจพิเศษต่อพระองค์ ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดา ทรงเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้าย ของพระพรทุกอย่าง ความศรัทธา คือความรู้สึกอ่อนโยนต่อพระเจ้า รักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด และปรารถนาที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ในทุกสิ่งที่เรากระทำ พระเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อเราใหญ่ยิ่ง ทรงมีพระประสงค์ให้เราตอบสนองความรักต่อพระองค์ ผู้มีความศรัทธาไม่เพียงแต่แสวงหาความบรรเทาใจจากพระเจ้า ยังปรารถนาที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์กับพระองค์อีกด้วย

     ความศรัทธาช่วยเราให้ทนความทุกข์ยากลำบากเช่นเมื่อบีโทเฟน นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่มีอายุ 46 ปี เกิดหูหนวกสนิท เขารู้สึกสิ้นหวัง แต่อาศัยความศรัทธาที่เขายังมีต่อพระเจ้า เขายังพบพละกำลังที่จะเอาชนะความผิดหวังได้ เขาเขียนดนตรีอมตะชิ้นหนึ่งที่เรียกว่ามิสซาสง่า โดยใช้เวลาสองปีในการเขียนงานชิ้นนี้ หลังโน้ตตัวสุดท้ายเขาเขียนว่า "พระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการอันมั่นคงของข้าพเจ้า"

     เมื่อเราเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา เราไว้วางใจพระองค์เหมือนกับลูกรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของพ่อของตน ดังการ์โล คาเรตโต เขียนไว้ว่า "ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีที่แท้จริงในพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ถามพระองค์ว่า ทำไม…? ทำไม…? แต่จะบอกเพียงว่า พระองค์ทรงทราบ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่คิดว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นเครื่องหมายแสดงความรักของพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หมดความเชื่อ เมื่อเผชิญหน้ากับ ภัยธรรมชาติ คือ เมื่อไม่สามารถเห็นความสัมพันธ์ระหว่างความรักของพระเจ้า และความทุกข์ยากลำบากที่ข้าพเจ้ากำลังประสบอยู่ พระเจ้าทรงเป็นเจ้านายของจักรวาล แม้แผ่นดินสะเทือนและแม่น้ำจะไหลท่วม พระองค์ทรงเป็นพระบิดา แม้ความหนาวจะทำให้มือแข็งหรือหรืออุบัติเหตุจะทำให้พิการตลอดชีวิต" นี่คือตัวอย่างของพลังอำนาจของพระคุณความศรัทธา

 

7. ความยำเกรง (พระคุณของพระจิต)

     พระคุณที่ช่วยให้เรามีจิตสำนึกในความยิ่งใหญ่และศักดิ์ศรี สูงส่งของพระเจ้า พระเจ้าทรงพระทัยดี และทรงเป็นพระบิดา ทั้งยังทรงพละกำลัง ทรงพลานุภาพ เราจึงต้องเคารพและนอบน้อม เชื่อฟังพระองค์ ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์ สลวนที่จะทำให้พระองค์พอพระทัยมากกว่าทำให้มนุษย์พอใจ นักบุญเปาโลเตือนเราว่า "อย่าหลอกลวงตนเอง เราจะเยาะเย้ยพระเจ้าไม่ได้" (กท. 6:7)

     ผู้ที่ไม่เคารพพระเจ้าก็จะไม่เคารพมนุษย์อีกด้วย ดังที่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ได้พิสูจน์แล้ว ความยำเกรงพระเจ้า ยังสอนเราว่า เราไม่สามารถทำตามใจชอบ เราไม่ใช่เจ้าของความดีและความชั่ว เราไม่สามารถทำให้ความอธรรมกลับเป็นความชอบธรรม ทำให้สิ่งที่ผิดกลับเป็นสิ่งที่ถูก ทุกครั้งที่เราไม่เคารพสิ่งที่มีค่าในชีวิต ก็เท่ากับว่าเราไม่เคารพพระเจ้าผู้ทรงเป็นต้นกำเนิดของคุณค่าเหล่านั้น

     ความยำเกรงพระเจ้าทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ไม่ทรงใช้มาตราการของมนุษย์ที่มักจะตัดสินว่า ผู้มีอำนาจและผู้ประสบความสำเร็จเท่านั้นมีคุณค่า แต่พระองค์ทรงรักเราอย่างที่เราเป็น และทรงช่วยเราให้พ้นจากสิ่งที่จะทำลายเรา เพื่อจะได้สิ่งที่ดีจริง สำหรับเรา ความยำเกรงพระเจ้าจึงเป็นความรักเยี่ยงลูก ซึ่งเกรงจะทำเคืองพระทัยพระบิดา

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown