1.เรื่องราวการเกิดและปฐมวัยของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง และของพระเยซูเจ้า
- รายละเอียด
- หมวด: พระวรสารนักบุญลูกา
- เขียนโดย Super User
- ฮิต: 1406
อารัมภบทa
บทที่1
1 1ท่านเธโอฟิลัสที่เคารพยิ่ง คนจำนวนมากbได้เรียบเรียงเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นท่ามกลางพวกเรา
2ผู้ที่เป็นพยานรู้เห็นและประกาศพระวาจามาตั้งแต่แรกได้ถ่ายทอดเหตุการณ์เหล่านี้ให้เราทราบแล้ว
3ข้าพเจ้าจึงตกลงใจค้นคว้าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นอย่างละเอียด แล้วเรียบเรียงตามลำดับเหตุการณ์อีกครั้งหนึ่งสำหรับท่านด้วย ท่านเธโอฟิลัสที่เคารพ
4เพื่อท่านจะได้ทราบว่าคำสอนที่ท่านได้รับมานั้นcมีหลักฐานมั่นคง
1.เรื่องราวการเกิดและปฐมวัยของยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง และของพระเยซูเจ้าd
ทูตสวรรค์แจ้งข่าวการเกิดของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง
5ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรดผู้ปกครองแคว้นยูเดีย มีสมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ ประจำเวรในหมวดของอาบียาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน
6ทั้งสองเป็นคนชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำหนดทุกข้อของพระเจ้าโดยไม่มีที่ติ
7แต่สามีภรรยาคู่นี้ไม่มีบุตร เพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว
8วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามเวรของตนอยู่ในพระวิหารe
9ตามธรรมเนียมของสมณะ เขาจับฉลากได้หน้าที่เวรเป็นผู้เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าเพื่อถวายกำยานf
10ในเวลาที่มีการถวายกำยาน ประชาชนทุกคนที่มาชุมนุมต่างอธิษฐานภาวนาอยู่ภายนอก
11ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายกำยาน
12เมื่อเศคาริยาห์ได้เห็นก็รู้สึกวุ่นวายใจและมีความกลัวอย่างมากg
13แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่ายอห์นh
14ท่านจะมีความชื่นชมยินดีและคนจำนวนมากจะยินดีiที่เขาเกิดมา
15เพราะว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราเมรัยอื่นๆj เขาจะรับพระจิตเจ้าkเต็มเปี่ยมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา
16เขาจะนำบุตรหลานของอิสราเอลจำนวนมากกลับมาสู่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
17เขาจะมีจิตใจและพลังของประกาศกเอลียาห์l มาเตรียมรับการเสด็จมาของพระองค์ เพื่อทำให้บิดาคืนดีกับบุตรและทำให้ผู้ไม่เชื่อฟังกลับมีจิตสำนึกของผู้ชอบธรรม เป็นการเตรียมประชากรให้พร้อมที่จะรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า”
18เศคาริยาห์จึงถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?m ข้าพเจ้าชราแล้ว และภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย”
19ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านและนำข่าวดีนี้มาแจ้งให้ท่านทราบn
20แต่ท่านไม่เชื่อคำของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำหนด เพราะฉะนั้น ท่านจะเป็นใบ้และพูดไม่ได้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะสำเร็จไป”
21ขณะนั้น ประชาชนกำลังคอยเศคาริยาห์อยู่ รู้สึกประหลาดใจที่เขาชักช้าอยู่ในพระวิหาร
22เมื่อเขาออกมาและพูดไม่ได้ ประชาชนจึงเข้าใจว่าเขาได้เห็นนิมิตในพระวิหาร เขาทำได้เพียงท่าทางภายนอกo แต่พูดไม่ได้
23เมื่อหมดวาระทำหน้าที่ในพระวิหารแล้ว เศคาริยาห์ได้กลับไปบ้าน
24ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธภรรยาของเขาได้ตั้งครรภ์ นางได้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลาห้าเดือน กล่าวว่า “พระเจ้าได้ทรงกระทำเช่นนี้แก่ข้าพเจ้า ในที่สุดพระองค์พอพระทัยช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอายที่ข้าพเจ้ามีpต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลายแล้ว”
ทูตสวรรค์แจ้งข่าวการประสูติของพระเยซูเจ้าq
26เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วr พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ
27มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์
28ทูตสวรรค์เข้าในบ้านและกล่าวแก่พระนางว่า “จงยินดีเถิดs ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน”
29เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์รู้สึกวุ่นวายใจมากถามตนเองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร?
30แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า “มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน
31ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู
32เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้าจะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา
33เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่มีสิ้นสุดเลย”t
34พระนางมารีย์จึงถามทูตสวรรค์ว่า “เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไรเพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี?”u
35ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่านและพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่านv เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า
36ดูซิ! เอลีซาเบธ ญาติของท่าน ทั้งๆที่ชราแล้ว ก็กำลังตั้งครรภ์บุตรชาย ใครๆคิดว่านางเป็นหมัน แต่นางก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว
37เพราะไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าจะทรงกระทำไม่ได้”
38พระนางมารีย์จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” แล้วทูตสวรรค์ได้จากพระนางไป
พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ
39หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ได้รีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดียw
40พระนางเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทักทายนางเอลีซาเบธ
41เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม
42ร้องเสียงดังว่า “เธอมีบุญยิ่งกว่าหญิงใดๆ และบุตรของเธอก็มีบุญด้วย 43ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงมาเยี่ยมเยียนข้าพเจ้าเล่า?x 44เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ บุตรในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี
45เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าได้ตรัสแก่เธอไว้จะสำเร็จไป”y
บทเพลงสรรเสริญของพระนางมารีย์
46พระนางมารีย์z กล่าวว่าวิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
47จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า พระผู้กอบกู้ข้าพเจ้า
48เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข
49พระผู้ทรงสรรพานุภาพทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้าพระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์
50พระกรุณาต่อผู้ยำเกรงพระองค์แผ่นไปตลอดทุกยุคทุกสมัย
51พระองค์ทรงยกพระกรแสดงพระอานุภาพทรงขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป
52ทรงคว่ำผู้ทรงอำนาจจากบัลลังก์ และทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
53พระองค์ประทานสิ่งดีทั้งหลายแก่ผู้อดอยาก ทรงส่งเศรษฐีให้กลับไปมือเปล่า
54พระองค์ได้ทรงช่วยเหลืออิสราเอล ผู้รับใช้พระองค์โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา
55ดังที่ได้ทรงสัญญาไว้แก่บรรพบุรุษของเราแก่อับราฮัมและลูกหลานตลอดไป
56พระนางมารีย์ได้ค้างอยู่กับนางเอลีซาเบธประมาณสามเดือนจึงกลับบ้านaaยอห์นผู้ทำพิธีล้างเกิด –เพื่อนบ้านมาเยี่ยม
57เมื่อครบกำหนดเวลาคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง 58เพื่อนบ้านและบรรดาญาติทราบว่าพระเจ้าได้ทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนางด้วย
ยอห์นผู้ทำพิธีล้างเข้าสุหนัต
59เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องได้มาทำพิธีสุหนัตให้แล้วคิดจะเรียกbbเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา
60แต่มารดาของเด็กแย้งว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น”
61คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดที่มีชื่อนี้”
62เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณccถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร
63เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ
64ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า
65เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย
66ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร?” เพราะพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับเขาdd
บทถวายพระพรของเศคาริยาห์ee
67เศคาริยาห์ บิดาของเด็กได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม จึงได้กล่าวพยากรณ์ดังนี้ff
68ขอถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอลเพราะว่าพระองค์ทรงเยี่ยมggและทรงกอบกู้ประชากรของพระองค์
69พระองค์ทรงปลุกพระผู้กอบกู้ผู้ทรงอำนาจhhขึ้นมาจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ผู้รับใช้พระองค์
70ตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ โดยปากของบรรดาประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ตั้งแต่โบราณกาล
71ว่าจะให้เรารอดพ้นจากศัตรูจากเงื้อมมือของผู้ที่เกลียดชังเรา
72ทรงสัญญาว่าจะทรงแสดงพระกรุณาแก่บรรพบุรุษของเราทรงระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
73และคำปฏิญาณที่ได้ทรงให้ไว้แก่อับราฮัม บรรพบุรุษของเรา
74ว่าจะทรงช่วยเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู เพื่อรับใช้พระองค์โดยปราศจากความหวาดกลัวใดๆ
75ให้เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดชีวิตของเรา
76ส่วนเจ้า ทารกเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นประกาศกของพระผู้สูงสุดเจ้าจะเดินนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าiiเพื่อเตรียมทางสำหรับพระองค์
77เพื่อให้ประชากรของพระองค์ทราบว่า เขาจะได้รอดพ้น เพราะบาปของเขาได้รับการอภัยjj
78เดชะพระเมตตากรุณาkkของพระเจ้าของเราเพราะเหตุนี้ พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน ดังแสงอรุโณทัยll
79เพื่อส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงามืดแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนิน ไปตามทางแห่งสันติสุข
ชีวิตซ่อนเร้นของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง
80เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้น จิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วยmm เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล
พระเยซูเจ้าประสูติ –คนเลี้ยงแกะมานมัสการ
บทที่2
2 1ในครั้งนั้น พระจักรพรรดิออกัสตัสaได้ออกพระราชกฤษฎีกาสั่งให้มีการสำรวจสำมะโนประชากรทั่วจักรวรรดิโรมัน
2การสำรวจสำมะโนประชากรครั้งแรกนี้bเกิดขึ้นเมื่อคีรินิอัสเป็นผู้ว่าราชการแคว้นซีเรีย
3ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน
4โยเซฟได้ออกเดินทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีไปยังเมืองของกษัตริย์ดาวิดชื่อเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด
5เขาไปลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ภรรยาซึ่งกำลังมีครรภ์
6ขณะที่ทั้งสองคนอยู่ที่นั่น ก็ถึงกำหนดเวลาที่พระนางมารีย์จะคลอดบุตร
7พระนางได้คลอดบุตรชายคนแรกc เอาผ้าพันกายกุมารนั้น แล้ววางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลยd
8ในบริเวณนั้นมีคนเลี้ยงแกะกลุ่มหนึ่งอยู่กลางแจ้ง กำลังเฝ้าฝูงแกะในยามกลางคืน
9ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าได้ปรากฏองค์ต่อหน้าเขา และพระสิริของพระเจ้าก็ส่องแสงรอบตัวเขา เขาทั้งหลายมีความกลัวอย่างยิ่ง
10แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย เป็นข่าวดีที่จะทำให้ประชาชนทุกคนยินดีอย่างยิ่ง
11วันนี้ ในเมืองของกษัตริย์ดาวิด พระผู้ไถ่ได้เกิดมาเพื่อท่านแล้ว พระองค์คือพระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าe
12ท่านจะรู้จักพระองค์ได้จากเครื่องหมายนี้ ท่านจะพบกุมารคนหนึ่ง มีผ้าพันกายนอนอยู่ในรางหญ้า”
13 ทันใดนั้น ทูตสวรรค์อีกจำนวนมากได้ปรากฏมาสมทบกับทูตสวรรค์องค์นั้น ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า
14พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุดและบนแผ่นดิน สันติจงมีแด่มนุษย์ที่พระองค์ทรงโปรดปรานf
15เมื่อบรรดาทูตสวรรค์ได้จากเขาไปสวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะเหล่านั้นจึงพูดกันว่า “เราจงไปเมืองเบธเลเฮมกันเถิด จะได้เห็นเหตุการณ์นี้ที่พระเจ้าได้ทรงแจ้งให้เราทราบ”
16เขาจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และกุมารซึ่งนอนอยู่ในรางหญ้า
17เมื่อผู้เลี้ยงแกะได้เห็น ก็ได้เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับกุมารนี้
18ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะได้เล่าให้ฟัง
19ส่วนพระนางมารีย์ได้เก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้และคิดคำนึงอยู่ในใจ
20คนเลี้ยงแกะได้กลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าgในเรื่องต่างๆที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์ได้บอกไว้
พระเยซูเจ้าทรงเข้าสุหนัต
21เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องเข้าสุหนัต เขาตั้งชื่อพระองค์ว่าเยซู อันเป็นนามที่ทูตสวรรค์ได้ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิ์ในครรภ์ของพระมารดา
การถวายพระกุมารในพระวิหาร
22เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินhตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟและพระนางมารีย์ได้นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า
23-มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกทุกคนแด่พระเจ้า-
24และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวiตามที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้า
25ในเวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม มีชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา
26และได้ทรงเปิดเผยให้เขาทราบว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ของพระเจ้าj
27พระจิตเจ้าทรงนำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่บิดามารดานำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้
28สิเมโอนได้รับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า
บทเพลงของสิเมโอน
29ข้าแต่พระเจ้าบัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยข้ารับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำรัสของพระองค์
30เพราะว่านัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น
31ที่พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ
32เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์k
สิเมโอนกล่าวทำนาย
33บิดามารดาของพระกุมารประหลาดใจในถ้อยคำที่กล่าวถึงพระองค์
34แล้วสิเมโอนได้อวยพรท่านทั้งสองและกล่าวแก่พระนางมารีย์ มารดาของพระองค์ว่า “พระเจ้าทรงกำหนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลงหรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายที่จะถูกโต้แย้งl
35เพื่อความคิดในใจของคนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่านเอง ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่านm
อันนา ประกาศกหญิง
36ประกาศกหญิงท่านหนึ่งnชื่ออันนา เป็นบุตรสาวของฟานูเอลจากเผ่าอาเชอร์ นางชรามากแล้ว ได้แต่งงานตั้งแต่ยังสาว อยู่กับสามีเจ็ดปี
37หลังจากนั้นก็เป็นหม้าย เวลานี้อายุแปดสิบสี่ปี ไม่ได้ออกจากพระวิหารเลย อยู่รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนโดยจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา
38นางได้เข้ามาในเวลานั้นพอดี ขอบพระคุณพระเจ้าและกล่าวถึงพระกุมารแก่ทุกคนที่กำลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟังo
พระเยซูเจ้าทรงเจริญวัยอย่างไม่เปิดเผยที่เมืองนาซาเร็ธ
39เมื่อโยเซฟและพระนางมารีย์ได้ปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติของพระเจ้ากำหนดไว้สำเร็จทุกประการแล้ว จึงกลับไปที่นาซาเร็ธ เมืองของตนในแคว้นกาลิลี
40พระกุมารทรงเติบโตแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์
พระเยซูเจ้าท่ามกลางธรรมาจารย์
41บิดามารดาของพระเยซูเจ้าเคยขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกาทุกๆปี
42เมื่อพระองค์มีพระชนมายุสิบสองพรรษา บิดามารดาของพระองค์ก็ขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มตามธรรมเนียมของเทศกาลนั้น
43เมื่อวันฉลองสิ้นสุดแล้ว ทุกคนก็เดินทางกลับ แต่พระเยซูเจ้ายังทรงค้างอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มโดยที่บิดามารดาไม่ทราบ
44เพราะคิดว่า พระองค์ทรงอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน เมื่อเดินทางไปได้หนึ่งวันแล้ว ท่านทั้งสองตามหาพระองค์ในหมู่ญาติและคนที่รู้จัก
45เมื่อไม่พบจึงหวนกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อตามหาพระองค์ที่นั่นด้วย
46ในวันที่สามp ท่านทั้งสองจึงพบพระองค์ในพระวิหารกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาอาจารย์ ทรงฟังและไต่ถามพวกเขา
47ทุกคนที่ได้ฟังพระองค์ต่างประหลาดใจในสติปัญญาและคำตอบของพระองค์
48เมื่อท่านทั้งสองเห็นพระองค์ก็รู้สึกแปลกใจ พระมารดาจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า “ลูกเอ๋ย ทำไมจึงทำกับเราเช่นนี้? ดูซิ พ่อกับแม่ต้องกังวลใจตามหาลูก”
49พระองค์ทรงตอบว่า “คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม คุณพ่อคุณแม่ไม่ทราบหรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก?”q
50ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจถ้อยคำที่พระองค์ตรัสนั้น
พระเยซูเจ้าทรงกลับไปอยู่ที่เมืองนาซาเร็ธ
51พระเยซูเจ้าได้เสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดาและเชื่อฟังท่านทั้งสอง พระมารดาได้เก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในใจ
52พระเยซูเจ้าได้ทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ พระชนมายุ และพระหรรษทานเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์