บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2025 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 156
มีคนเคยถามว่าทำไมพระวรสารจึงต้องมี 4 เล่ม ซ้ำร้ายแต่ละเล่มยังแตกต่างกันซะอีก น่าสับสน สู้มีเพียงเล่มเดียวไม่ดีกว่าหรือ แต่ถ้าเราลองหันกลับมาคิดดูใหม่ มันคงแย่กว่าอีกถ้ามีพระวรสารเพียงเล่มเดียวเพราะเราจะรู้จักพระเยซูเจ้าเพียงด้านเดียว การมีพระวรสารที่ให้มุมมองต่างกัน 4 เล่มก็จะทำให้เรารู้จักพระเยซูเจ้าและภารกิจของพระองค์ได้มากยิ่งขึ้น
ลองนึกถึงเรื่องชายตาบอด 6 คนที่พยายามค้นหาว่าช้างคืออะไรดูสิ คนแรกสัมผัสสีข้างช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนกำแพง คนที่สองสัมผัสงาช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนหอก คนที่สามสัมผัสงวงช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนงู คนที่สี่สัมผัสขาช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนต้นไม้ คนที่ห้าสัมผัสหูช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนพัด ส่วนคนที่หกสัมผัสหางช้างแล้วก็บอกว่าช้างเหมือนเชือก
พี่น้องคงนึกภาพออกนะครับว่ามันจะวุ่นวายสักแค่ไหนเมื่อทั้งหกคนพยายามอธิบายว่าช้างมีลักษณะอย่างไร ทุกคนต่างก็ยืนกรานว่าตนถูก คนอื่นผิด แต่ความจริงก็คือ ใช่ เขาถูก แต่ในเวลาเดียวกันคนอื่นก็ถูกด้วย แต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับช้าง กระนั้นก็ตามไม่มีใครเลยที่รู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับช้าง แม้เมื่อเรานำภาพทั้ง 6 เกี่ยวกับช้างที่พวกเขาได้มา มารวมกัน เราก็ยังไม่ได้ภาพที่ใกล้เคียงกับช้างอยู่ดี
พี่น้องครับ เพื่อให้เราได้ฟังพระวรสารครบทั้ง 4 เล่ม หลังสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 พระศาสนจักรจึงปรับปรุงบทอ่านจากพระวรสารที่เราฟังทุกวันอาทิตย์เป็นวงรอบๆ ละ 3 ปี โดยปี A อ่านพระวรสารของนักบุญมัทธิว ปี B อ่านพระวรสารของนักบุญมาระโก และปี C อ่านพระวรสารของนักบุญลูกา ส่วนพระวรสารของนักบุญยอห์นนั้นกระจายไปอยู่ในบางอาทิตย์ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ระหว่างเทศกาลปัสกาของทั้งสามปี
ปีนี้เป็นปี C เราจึงใช้พระวรสารของนักบุญลูกา ประเด็นของเราวันนี้ก็คือ พระวรสารของนักบุญลูกาแตกต่างจากพระวรสารของท่านอื่นอย่างไร? ลูกาต้องการเน้นสิ่งใด?
ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์กลุ่มหนึ่งสรุปว่าพระวรสารแต่ละเล่มเน้นมุมมองเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าต่างกันดังนี้
มัทธิวเน้นความยิ่งใหญ่และความสง่างามของพระเยซูเจ้า พระองค์เพียงเอ่ยปาก ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย ก็สามารถรักษาโรคได้แล้ว นอกจากนั้น พระองค์ไม่เคยหิว ไม่เคยโกรธ
มาระโกต้องการเน้นฤทธิ์อำนาจของพระเยซูเจ้าที่มีเหนือธรรมชาติและเหนือปีศาจ เพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์คือพระเมสสิยาห์
ลูกาเน้นความเมตตาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อคนยากจน ต่อคนที่อยู่ชายขอบ คนต่างชาติ และต่อผู้หญิง
ส่วนยอห์นนั้นเน้นความล้ำลึกของพระเยซูเจ้า พระองค์คือพระวจนาตถ์ผู้ทรงประทับอยู่กับพระบิดาตั้งแต่นิรันดร พระองค์เสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อเผยแสดงธรรมล้ำลึกและความจริงที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร
วันนี้ เราเริ่มอ่านพระวรสารของนักบุญลูกา ในอารัมภบท ลูกาบอกเหตุผลที่ท่านเขียนพระวรสารฉบับนี้ขึ้นมาว่าต้องการอธิบายให้เธโอฟีลัส ซึ่งเป็นข้าราชการโรมันคนหนึ่ง ได้รู้ว่าศาสนาคริสต์คืออะไร
พี่น้องเคยอธิบายให้คนอื่นฟังว่าศาสนาคริสต์คืออะไรบ้างไหม? และพี่น้องอธิบายอย่างไร?
ผู้คนส่วนมากคิดว่าศาสนาคริสต์ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องของบาปและการพิพากษา เรื่องของสวรรค์และนรก และพระเจ้าบนสวรรค์ก็เป็นเหมือนตำรวจที่คอยเฝ้าดูเราทุกฝีก้าว แล้วจดบาปของเราไว้ แล้วก็รอส่งเราลงนรก
แต่ลูกาไม่คิดอย่างนี้ สำหรับลูกา ศาสนาคริสต์นั้นเป็นเรื่องของความรักและความเมตตาของพระเจ้ามากกว่าการลงโทษ !!!
นี่คือเหตุผลว่า เพื่อจะบอกเธโอฟีลัสเกี่ยวกับความเชื่อของคริสตชน ลูกาจึงยกเหตุการณ์ในศาลาธรรมที่เมืองนาซาเร็ธขึ้นมา ในศาลาธรรมนี้เอง พระเยซูเจ้าทรงแถลงการณ์เกี่ยวกับภารกิจของพระองค์ในโลกนี้อย่างชัดเจน :
“พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า” (ลก 4:18-19)
เพียงไม่กี่คำในพระวรสารของนักบุญลูกา พระเยซูเจ้าทรงอธิบายภารกิจของพระองค์ ซึ่งได้แก่
1. ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
2. ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ
3. คืนสายตาให้แก่คนตาบอด
4. ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ
5. ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า
เราจะเห็นว่าพระเยซูเจ้าในพระวรสารของนักบุญลูกานั้น ทรงสนพระทัยไม่ใช่เพียงเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ทรงสนพระทัยในเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายและเกี่ยวกับสังคมด้วย เราจึงเห็นความรักและความเมตตาของพระองค์แผ่ไปถึงทุกคน และก็ทุกชนชั้น
พระเยซูเจ้าเจ้านายของเราเป็นอย่างไร เราผู้เป็นศิษย์ติดตามพระองค์ก็ต้องเป็นอย่างนั้น เราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน เป็นคนของพระคริสต์ จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับแถลงการณ์ของพระเยซูเจ้า คือต้องถือว่าเป็นหน้าที่ และเป็นพันธกิจของเราทุกคนที่จะต้องนำข่าวดีนี้ไปสู่ผู้ยากจนทุกคนในสังคมของเรา
พระวรสารวันนี้ เชิญชวนและท้าทายเราซึ่งล้วนได้รับพระพรของพระจิตเจ้าแตกต่างกันไป ให้ยื่นมือของเราออกไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสรอบๆ ตัวเรา เราต้องไม่เอาใจใส่เพียงความรอดฝ่ายวิญญาณเท่านั้น แต่เราต้องเอาใจใส่ร่างกาย สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และอาชีพของพวกเขาด้วย เพราะข่าวดีนั้นเป็นเรื่องของบุคคลทั้งครบ ไม่จำกัดเฉพาะด้านจิตวิญญาณเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายทุกๆ ด้านด้วย