บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2024 สัปดาห์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 559
บทอ่านที่หนึ่งวันนี้ เป็นคำทำนายของประกาศกอิสยาห์เกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ที่จะเสด็จมาว่า “จงมานะเถิด อย่ากลัวเลย ดูซิ พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะเสด็จมาเพื่อช่วยท่านให้รอดพ้น แล้วนัยน์ตาของคนตาบอดจะแลเห็น หูของคนหูหนวกจะได้ยิน”
700 ปีต่อมา นักบุญมาระโกบอกเราว่าพระเมสสิยาห์ซึ่งก็คือพระเยซูเจ้าเสด็จมาแล้ว และในพระวรสารวันนี้ พระองค์ทรงรักษาคนใบ้และหูหนวก ตามที่ประกาศกอิสยาห์ได้ทำนายไว้
ปกติคนหูหนวกมักจะมีปัญหาเรื่องการพูดควบคู่ไปด้วย เพราะเมื่อฟังไม่ได้ยินก็ย่อมหมดโอกาสที่จะเรียนรู้การออกเสียง เขาจึงทั้งหูหนวกและเป็นใบ้
พี่น้องครับ วิธีการที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนใบ้หูหนวกทำให้เราเห็น “ความน่ารักและความละเอียดอ่อนอย่างยิ่งของพระเยซูเจ้าที่ทรงปฏิบัติต่อมนุษย์ผู้ต่ำต้อยเช่นเรา”
ก่อนที่จะรักษา นักบุญมาระโกเล่าว่า “พระองค์ทรงแยกคนใบ้หูหนวกคนนั้นไปจากกลุ่มชน” (มก 7:33)
ถามว่าพระองค์ทำเช่นนี้ทำไม?
เหตุที่พระองค์ทรงทำเช่นนี้ก็เพราะว่า โดยทั่วไปคนหูหนวกมักมีความวิตกกังวลมากกว่าคนตาบอด
เขาเห็นคนตะโกนแต่ฟังไม่รู้และไม่เข้าใจ จิตใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความกังวลสับสน !
หากพระเยซูเจ้าทรงรักษาเขาท่ามกลางฝูงชน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรก ???
คนๆ หนึ่งซึ่งไม่เคยรับรู้เลยว่า “เสียง” คืออะไร อีกทั้งจิตใจก็กำลังสับสน อยู่ๆ เสียงฝูงชนมากมายประเดประดังเข้ามาเต็มสองรูหู…..
หากไม่ตกใจตายไปก่อน ก็นับว่าบุญมากแล้ว !
แต่เหตุการณ์ทำนองนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะ “พระเยซูเจ้าทรงเอาพระทัยใส่ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนอย่างยิ่งของเรามนุษย์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอันหนักหน่วงอย่างเช่นคนใบ้หูหนวกผู้นี้ ด้วยการพาเขาแยกออกจากฝูงชนก่อนทำการรักษา
ในเมื่อพระเยซูเจ้าทรง “เอาพระทัยใส่ความรู้สึก” ของคนใบ้หูหนวกเช่นนี้ ก็แสดงว่าพระองค์ทรง “แคร์เรามนุษย์ทุกคน” ไม่เว้นแม้กระทั่งคนพิการผู้ต่ำต้อยดังเช่นคนใบ้หูหนวกในพระวรสารวันนี้
และในเมื่อพระองค์ทรงแคร์เราทุกคน โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และโดยไม่ลำเอียงเช่นนี้ เราก็ต้องดำเนินชีวิตโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัก และไม่ลำเอียงเช่นเดียวกับพระองค์
นักบุญยากอบในบทอ่านที่สองวันนี้จึงย้ำเตือนเราคริสตชนทุกคนว่า “อย่าให้ความเชื่อของท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา มีความลำเอียงปนอยู่ด้วย”
เราต้องไม่ลำเอียงเพราะว่าพระเยซูเจ้าพระองค์เองไม่ทรงลำเอียง และเราต้องไม่ลำเอียงเพราะว่ามนุษย์เราทุกคนต่างก็เป็นฉายาของพระเจ้า เราจะยอมให้ฐานะทางสังคมมาอยู่เหนือความเป็นฉายาของพระเจ้าของเราแต่ละคนไม่ได้
พร้อมกันนี้นักบุญยากอบก็ยกตัวอย่างว่า “ถ้าเราต้อนรับคนแต่งตัวหรูหราและบอกเขาว่า ‘เชิญนั่งตามสบายที่นี่เถิด’ ส่วนคนจนนั้นเราบอกให้เขา ‘ยืนที่นั่น’ เราก็เป็นผู้เลือกชั้นวรรณะ” คือลำเอียง
ที่นักบุญยากอบพูดเช่นนี้ มิได้หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องต้อนรับผู้มีฐานะ เพราะนักบุญเปาโลสอนเราว่า “จงเคารพผู้ที่สมควรได้รับความเคารพ จงให้เกียรติผู้ที่สมควรได้รับเกียรติ” (รม 13:7) นั่นคือ เราต้องต้อนรับผู้มีฐานะทุกคน เพียงแต่ว่าเราต้องต้อนรับคนยากจนให้เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เขายืนหรือนั่งกับพื้น
เราเอาใจใส่ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของผู้มีฐานะเช่นใด เราก็ต้องเอาใจใส่ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของผู้ยากจนเช่นนั้นด้วย
กลับมาเรื่องคนหูหนวกและเป็นใบอีกครั้ง
ดังได้กล่าวตั้งแต่แรกแล้วว่า คนหูหนวกมักมีปัญหาเรื่องการพูด เพราะเมื่อฟังไม่ได้ยินก็ย่อมหมดโอกาสที่จะเรียนรู้การออกเสียงไปด้วย เขาจึงทั้งหูหนวกและเป็นใบ้
ด้วยหลักการเดียวกัน การที่เราไม่สามารถพูดหรือประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้าได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ยินเสียงของพระองค์ เราไม่ได้ฟังพระองค์ เรามีปัญหาเรื่องหู
เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการหูหนวกของเราด้วยเช่นเดียวกัน
วันนี้ ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกับชายหูหนวกและเป็นใบในพระวรสารวันนี้ ขอพระองค์โปรดให้เราฟัง และได้ยินเสียงของพระองค์ เพื่อเราจะได้ประกาศข่าวดีของพระองค์ด้วยการดำเนินชีวิตเอาใจใส่ต่อความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของผู้คนรอบข้างทุกคน โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังหรือลำเอียง ดังที่พระองค์ทรงทำให้เราเห็นแบบอย่างในวันนี้