มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2024 สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

     ชายสูงวัยผู้หนึ่งสงสัยว่าภรรยาของตนจะหูตึง คืนวันหนึ่ง ขณะที่ภรรยาของเขากำลังนั่งเก้าอี้อยู่ในห้องนั่งเล่น เขาแอบย่องไปข้างหลังแล้วพูดเบาๆ ว่า “ที่รัก ได้ยินผมไหม?” เขาไม่ได้รับคำตอบ จึงเขยิบเข้าไปใกล้อีกหน่อยแล้วพูดว่า “ที่รัก ได้ยินผมไหม?” เขาก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบ ที่สุดเขาเขยิบเข้าไปชิดตัวเธอ แล้วพูดอีกว่า “ที่รัก ได้ยินผมไหม?” คราวนี้ภรรยาของเขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับพูดว่า “ที่รัก ฉันตอบว่าได้ยินสามครั้งแล้วนะ” พี่น้องคิดว่าใครหูตึงล่ะครับ ชายชราหรือว่าภรรยาของเขา?

     พี่น้องครับ เราทุกคนต่างก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเหมือนชายชราคนนี้แหละ คือเมื่อเราประสบปัญหาในการติดต่อสื่อสารกัน เรามักจะโทษคนอื่นก่อน ทั้งๆ ที่เป็นตัวเราเองนั่นแหละที่เป็นตัวปัญหา
ในพระวรสารวันนี้ ชาวนาซาเร็ธก็มีปัญหาเหมือนชายชราคนนี้ พระเยซูเจ้าพยายามจะติดต่อสื่อสารกับพวกเขาโดยทรงสั่งสอนในศาลาธรรม แม้พวกเขาจะทึ่งในปรีชาญาณของพระองค์ แต่พวกเขาก็ยอมรับพระองค์ไม่ได้ แล้วก็โบ้ยว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวพระองค์นั่นแหละ เพราะพระองค์เป็นเพียงช่างไม้ธรรมดาๆ เป็นลูกของนางมารีย์ พี่น้องของพระองค์ก็ยังงั้นๆ แหละ ปัญหานี้มันใหญ่หลวงและก็วิกฤตมากจนนักบุญมาระโกบอกว่า “พระองค์ทรงทำอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้” และ “ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ”
     พี่น้องครับ นี่เป็นหนึ่งในข้อความในพระคัมภีร์ที่ฟังแล้วน่าหดหู่และน่าผิดหวังมากที่สุด นั่นก็คือ พระเยซูเจ้าทรงทำอัศจรรย์ไม่ได้ ไม่ใช่พระองค์ไม่อยากทำนะ แต่พระองค์ทำไม่ได้จริงๆ
     พี่น้องคงแปลกใจว่า มีอะไรด้วยหรือที่พระเยซูเจ้าจะทรงทำไม่ได้? พระวรสารวันนี้บอกว่า “มี” นั่นคือ มันเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะทำอัศจรรย์ท่ามกลางคนที่ไม่มีความเชื่อ
     จริงๆ แล้วพระองค์สามารถทำอัศจรรย์ได้และพระองค์ก็อยากจะทำเพื่อเราทุกคนด้วย เพียงแต่พระองค์ต้องการความเชื่อจากฝ่ายเรา เพื่อจะได้ปลดปล่อยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ออกมา
พี่น้องจำเรื่องหญิงตกโลหิตที่แหวงฝูงชนมากมายเข้ามาเพื่อจะสัมผัสชายเสื้อของพระเยซูเจ้าได้ไหม มีคนมากมายที่ได้สัมผัสพระองค์ แถมบางคนยังได้ผลักพระองค์อีกด้วย แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะพวกเขาสัมผัสพระองค์โดยไม่มีความเชื่อ แต่ทันทีที่หญิงตกโลหิตคนนี้สัมผัสพระองค์ด้วยความเชื่อ ฤทธิ์อำนาจก็หลั่งไหลออกมาจากพระองค์ แล้วหญิงผู้นั้นก็ได้รับการรักษาให้หายเป็นปกติ
     เราต้องไม่ลืมว่า แม้พระองค์จะมีฤทธิ์อำนาจมากเพียงใดก็ตาม แต่เราก็ยังสามารถทำให้พระองค์หมดสภาพไปได้ด้วยความไม่เชื่อของเรานั่นเอง
เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมทุกวันนี้พระเจ้าจึงเงียบและไม่ทำอะไรเลยในโลกที่เต็มไปด้วยโรคระบาด ความอยุติธรรม และการคอร์รัปชั่นเช่นนี้
     เชื่อว่าเราคงเคยสงสัย แต่อย่าลืมว่าที่เมืองนาซาเร็ธ พระเยซูเจ้าก็ “ทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ” เช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่อเราตำหนิพระเจ้าว่าไม่ทรงทำอะไรเลยขณะที่เรากำลังประสบกับความทุกข์ยากลำบากบนโลกนี้ ก็เป็นไปได้ว่าบางทีพระองค์ก็กำลังตำหนิเราเหมือนกันที่ไม่มีความเชื่ออันเป็นสาเหตุทำให้พระองค์ทำอะไรไม่ได้
     จริงอยู่ที่นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองว่า “พระอานุภาพ (หรือฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า) แสดงออกเต็มที่เมื่อมนุษย์มีความอ่อนแอ” แต่เราจำเป็นต้อง “เชื่อ” และก็ต้องเชื่ออย่างแน่วแน่มั่นคงด้วย เพื่อจะได้ปลดปล่อยพระอานุภาพของพระเจ้าออกมา !
     ประเด็นที่สองวันนี้ เราจะมาดูกันว่าทำไมชาวเมืองนาซาเร็ธถึงไม่เชื่อพระเยซูเจ้า?
     พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ประ​กา​ศก​ย่อม​ไม่​ถูก​เหยียด​หยาม​นอก​จาก​ใน​ถิ่นกำเนิด ท่ามกลาง​วงศ์​ญาติ และ​ใน​บ้าน​ของ​ตน”
นั่นคือพระองค์ต้องการจะบอกว่า ยิ่งเราคุ้นเคย ยิ่งเรารู้ตื้นลึกหนาบางของคนอื่นมากเท่าใด เราก็จะยิ่งไม่ชอบหน้าคนคนนั้นมากขึ้นเท่านั้น
ชาวเมืองนาซาเร็ธคิดว่าพวกเขารู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า พวกเขาคุ้นเคยและรู้จักครอบครัวของพระองค์ดี ซึ่งดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเหนือไปกว่าพวกเขา พวกเขาจึงดูหมิ่นพระองค์ และไม่เชื่อพระองค์
ตรงนี้แหละที่เราคล้ายกับชาวนาซาเร็ธ เพราะเรามักคิดกันว่าเรารู้ทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับพระเยซูเจ้าแล้ว เราก็เลยเฉยๆ กับพระองค์ เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แล้วแบบนี้พระองค์จะทำอะไรได้ เราก็เลยเข้าถึงพระอานุภาพและพระเมตตาของพระองค์ไม่ได้
     จริงอยู่ที่ความคุ้นเคย เช่น การมาวัดเดิมๆ การฟังบทอ่านเดิมๆ ที่ขึ้นต้นมาเราก็รู้หมดแล้ว การเจอหน้าพระสงฆ์เดิมๆ มันทำให้เราเบื่อ มันทำให้เราไม่ชอบ แต่พระวรสารวันนี้เรียกร้องให้เราพยายามค้นหาสิ่งใหม่ๆ ปรีชาญาณใหม่ๆ ที่พระเยซูเจ้าพยายามจะสื่อสารกับเราทุกวัน แม้จะผ่านทางช่องทางเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นพระวาจาเดิมๆ ศีลศักดิ์สิทธิ์เดิมๆ แล้วก็พระสงฆ์หน้าเดิมๆ ก็ตาม
     พี่น้องครับ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้คนในพระวรสารวันนี้มีโอกาสได้พบกับพระเยซูเจ้าแต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือพระพรใดๆ จากพระองค์กลับไปเลย โอกาสที่เราได้พบกับพระองค์ในพระวาจาที่เราได้รับฟังวันนี้ และในศีลมหาสนิทที่เรากำลังจะรับอีกสักครู่นี้ ให้เราตั้งใจว่าเราจะไม่ออกจากวัดไปมือเปล่าโดยที่ไม่ได้รับพระพรใดๆ จากพระองค์เลย และให้เราวอนขอพระองค์โปรดทรงรื้อฟื้นความเชื่อในตัวเราให้เข้มแข็งและลุกโชติช่วงด้วยการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระองค์ อย่าให้พระองค์ต้องตำหนิเราว่าเป็น “ลูกหน้าด้านและใจดื้อดึง” เหมือนอย่างที่เราได้ฟังในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้เลย

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown