มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2024 สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลปัสกา

     โทมัสเป็นศิษย์ผู้กล้าหาญและรักพระเยซูเจ้ามาก ท่านเคยชักชวนบรรดาอัครสาวกให้กลับไปกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระเยซูเจ้าเพื่อช่วยลาซารัสทั้งๆ ที่ชาวเยรูซาเล็มพึ่งจะพยายามเอาหินขว้างพระองค์ ท่านกล่าวว่า “พวกเราจงไปตายพร้อมกับพระองค์เถิด”(ยน 11:16)
     แต่เมื่อยูดาสนำทหารมาจับกุมพระองค์ในสวนเกทเสมนี โทมัสกลับหลบหน้าหนีไป
     โทมัสทำผิดพลาดอยู่ประการหนึ่ง นั่นคือ หลังจากทอดทิ้งพระเยซูเจ้าและหนีไปตอนที่ยูดาสพาทหารมาจับกุมพระองค์แล้ว ท่านบังเกิดความละอายใจ ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น และหลบไปอยู่ตามลำพัง จนพลาดโอกาสพบกับพระเยซูเจ้าคราวที่พระองค์ทรงปรากฏกายแก่บรรดาอัครสาวกครั้งแรก
     หากโทมัสยังคงหลบอยู่วงนอก ไม่ยอมกลับมาสู้หน้ากับเพื่อนๆ อัครสาวก แล้วก็มัวแต่เรียกร้องขอข้อพิสูจน์อยู่ข้างนอกนั่นแหละว่า “ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปู ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด” ท่านก็คงไม่มีวันนี้ วันที่ท่านได้พบกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ
     โชคดีที่พระวรสารวันนี้เล่าว่า อาทิตย์ถัดมา ท่านกลับเข้ามาอยู่วงใน มาอยู่พร้อมหน้ากับบรรดาอัครสาวกองค์อื่นๆ ท่านจึงมีโอกาสได้พบกับพระเยซูเจ้าด้วยตัวของท่านเอง แล้วท่านก็เชื่อ เชื่อจนกล้าทูลพระองค์ต่อหน้าบรรดาอัครสาวกองค์อื่นๆ ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า”
พี่น้องเห็นประโยชน์ของการมาอยู่ร่วมกันใช่ไหม ?
     เพราะฉะนั้น สำหรับเราที่ละอายใจ หรือมีความเชื่ออ่อนแอและสงสัย แทนที่จะมัวแต่หลบอยู่วงนอก ก็ขอให้ กลับเข้ามารวมกลุ่มกับคริสตชน กลับมาเข้าวัด เข้ามาเปิดตาดูพระองค์ เปิดหูฟังพระองค์ และเปิดใจรับสันติสุขและการอภัยจากพระองค์ เราก็จะได้สัมผัสกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจะได้เชื่อและรู้ว่าพระองค์ทรงรักเราจริง เราจะได้สัมผัสกับพระเมตตาของพระองค์ แล้วเราจะตระหนักว่ามีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่าและพบกับสันติสุขอย่างแท้จริง
      นอกจากนี้ ข้อดีอีกประการหนึ่งของโทมัสก็คือท่านตรงไปตรงมา สำหรับท่าน เชื่อก็คือเชื่อ สงสัยก็คือสงสัย และความสงสัยนี้เองที่นำท่านไปสู่ความเชื่อที่แน่นอน มั่นใจ และมั่นคง จนถึงกับทูลพระเยซูเจ้าว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า และพระเจ้าของข้าพเจ้า” และเมื่อเชื่อแล้ว ท่านก็ทุ่มเทชีวิตให้กับพระองค์สุดๆ ชนิดยอมตายถวายหัวทีเดียว
     พี่น้องครับ นอกจากโทมัสแล้ว บทอ่านที่หนึ่งวันนี้เล่าเรื่องของคริสตชนเริ่มแรกในยุคของอัครสาวกว่า เมื่อพวกเขาเชื่อในพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว พวกเขาก็ดำเนินชีวิตทุ่มเทให้กับพระองค์อย่างสุดๆ เช่นเดียวกับโทมัส ถึงกับขายบ้านขายที่ แล้วนำเงินมาให้อัครสาวกแจกจ่ายแก่ผู้ขัดสน พวกเขาดำเนินชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันอย่างจริงจัง
     แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็งจนกระทั่งอุทิศตนได้แบบโทมัสและแบบคริสตชนในยุคเริ่มแรก ?
     นักบุญยอห์นเรียกความเชื่อที่เข้มแข็งแบบนี้ว่าเป็นความเชื่อที่ทำให้เราชนะโลก ท่านนักบุญตั้งคำถามในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “ใครเล่าชนะโลกได้”
แล้วท่านก็ตอบเองว่า ผู้ที่ชนะโลกได้ก็คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า “ผู้เสด็จมาโดยน้ำและโดยพระโลหิต” ไม่ใช่โดยน้ำอย่างเดียว
     นั่นก็คือ ความเชื่อที่เข้มแข็งที่จะทำให้เราเอาชนะโลกได้ และทำให้เราอุทิศตนแบบโทมัสและคริสตชนยุคเริ่มแรกได้ ก็คือความเชื่อที่ว่าพิธีล้างต้องมี 2 พิธีเหมือนพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้านอกจากจะรับพิธีล้างด้วยน้ำที่แม่น้ำจอร์แดนตอนเริ่มต้นภารกิจแล้ว พระองค์ยังมีพิธีล้างอีกพิธีหนึ่งซึ่งทำให้พระองค์เป็นทุกข์กังวลใจมากด้วย พระองค์ตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “เรามีการล้างที่จะต้องรับ และเราเป็นทุกข์กังวลใจอย่างมากจนกว่าการล้างนี้จะสำเร็จ” (ลก 12:50)
     นอกจากนี้ พระองค์ยังตรัสกับยากอบและยอห์นคราวที่มาขอนั่งข้างขวาและข้างซ้ายอีกว่า “ท่านดื่มถ้วยซึ่งเราจะดื่มได้ไหม หรือรับการล้างที่เราจะรับได้หรือไม่” (มก 10:38)
เราก็ทราบดีว่า การล้างอีกครั้งหนึ่งที่พระองค์จะต้องรับก็คือ ความทุกข์ทรมานและความตายบนไม้กางเขนนั่นเอง
นี่คือสิ่งที่นักบุญยอห์นเรียกว่าการล้างโดยพระโลหิต เป็นการล้างครั้งที่สองของพระองค์
     เราคริสตชนก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคริสตชนนอนหรือคริสตชนยืนก็ตาม เราก็ต้องมีพิธีล้าง 2 ครั้งเหมือนพระเยซูเจ้า ครั้งแรกคือพิธีล้างโดยน้ำซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อทำให้เราเป็นบุตรของพระเจ้า อีกพิธีหนึ่งซึ่งเราทุกคนจะละเว้นมิได้เลยก็คือการล้างโดยโลหิต นั่นคือเราต้องพร้อมที่จะแบกกางเขนร่วมกับพระเยซูเจ้าตลอดชีวิต พร้อมที่จะอุทิศตนดำเนินชีวิตเยี่ยงบุตรของพระเจ้าเฉกเช่นเดียวกับโทมัสและคริสตชนในยุคเริ่มแรก และพร้อมที่จะทำสงครามต่อสู้กับบาป ต่อสู้กับปัญหา และต่อสู้กับอุปสรรคทุกรูปแบบในชีวิตของเรา
     การล้างครั้งที่สองนี้ ต้องดำเนินไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ 5 หรือ 10 นาที !
     แต่เราไม่ต้องเป็นทุกข์กังวลใจหรอกนะที่จะต้องดำเนินชีวิตดิ้นรนต่อสู้กับตัวเอง ต่อสู้กับโลกตลอดชีวิต เพราะเราไม่ได้ต่อสู้ตามลำพัง เรามีพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ซึ่งเราร่วมใจกันเฉลิมฉลองในวันนี้ พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเรา ทรงเป็นพละกำลังให้เรา และจะทรงช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้นทุกครั้งที่เราอ่อนแรงและล้มลง
     ประเด็นสุดท้ายสำหรับวันนี้อยู่ที่คำพูดของพระเยซูเจ้าที่ตรัสกับโทมัสว่า “ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา” พร้อมกับเชิญชวนกึ่งท้าทายเราทุกคนว่า “ผู้ที่เชื่อแม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”
แน่นอนว่าเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นพระเยซูเจ้าแล้วก็เอานิ้วแยงรอยแผลของพระองค์เหมือนอย่างโทมัส อย่างไรก็ตาม นักบุญยอห์นลงท้ายพระวรสารวันนี้ว่า เรื่องราวเหล่านี้ถูกบันทึกไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ “เชื่อ”
ก็แปลว่านักบุญยอห์นอุตส่าห์เขียนพระวรสารก็เพื่อให้เราเชื่อ แต่ถ้าเราไม่อ่านพระคัมภีร์ ไม่อ่านพระวรสารซึ่งบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า เราจะ “เชื่อพระเยซูเจ้าและเป็นสุขโดยไม่เห็นพระองค์” ได้อย่างไรกัน ?
ในพิธีบูชามิสซาฉลองพระเมตตาของพระเจ้าในวันนี้ ให้เราวอนขอพระองค์ผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา โปรดให้เราหมั่นอ่านและฟังพระวาจา เพื่อความเชื่อของเราจะได้เข้มแข็งและมั่นคงเฉกเช่นเดียวกับโทมัสและคริสตชนยุคเริ่มแรก และขอพระองค์โปรดอภัยในความสงสัย และในการที่เราไม่ได้ดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นคริสตชนที่ต้องรับพิธีล้างทั้งด้วยน้ำและด้วยโลหิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ และตามแบบอย่างของนักบุญโทมัสและคริสตชนยุคเริ่มแรกด้วยเทอญ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown