มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2024 อาทิตย์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา

     พี่น้องเคยคิดบ้างไหมว่าทำอย่างไรเราจึงจะพบและรู้จักพระเจ้าเหมือนอย่างซามูแอลในบทอ่านที่หนึ่ง หรือเหมือนศิษย์สองคนของยอห์นผู้ทำพิธีล้างในพระวรสาร ?
จากบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ ทั้งๆ ที่นางฮันนาห์ผู้เป็นมารดาของซามูเอล นำซามูเอลไปฝากไว้กับสมณะเอลีตั้งแต่หย่านม ซามูเอลจึงมีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าและพระคัมภีร์มากมาย อีกทั้งได้รับใช้อยู่ที่พระแท่นของพระองค์ แต่เมื่อพระองค์ตรัสเรียก ซามูเอลกลับไม่รู้จักพระองค์ คิดว่าเป็นเสียงของเอลี จนที่สุดเอลีต้องชี้แจงว่านั่นเป็นเสียงเรียกของพระเจ้า และก็สอนวิธีตอบเสียงเรียกให้ซามูแอลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตรัสมาเถิด ผู้รับใช้ของพระองค์กำลังฟังอยู่” นั่นแหละซามูเอลจึงรู้จักและติดต่อกับพระเจ้าได้
     เช่นเดียวกัน ในพระวรสารวันนี้ ทั้งๆ ที่ศิษย์ทั้งสองคนของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ซึ่งก็คืออันดรูว์กับยอห์นอัครสาวก ต่างก็เฝ้าคอยพระเมสสิยาห์ด้วยใจจดจ่อ แต่เมื่อพระองค์เสด็จมา พวกเขากลับไม่รู้จักพระองค์ ต้องให้ยอห์นผู้ทำพิธีล้างแนะนำว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า”
     เพราะฉะนั้นเพื่อจะพบและรู้จักพระเยซูเจ้า เราต้องการสมณะอย่างเอลี และต้องการประกาศกอย่างยอห์นคอยให้คำแนะนำ แล้วใครล่ะจะทำหน้าที่นี้ ?
ทุกวันนี้ พระศาสนจักรและพระสงฆ์ทำหน้าที่เช่นเดียวกับเอลีและยอห์นผู้ทำพิธีล้าง อีกทั้งยังเป็นช่องทางให้เราเข้าถึงพระวาจาและพระหรรษทานของพระเจ้าอีกด้วย ดังที่จดหมายถึงชาวฮีบรูกล่าวว่า “มหาสมณะทุกองค์ย่อมได้รับการคัดเลือกจากมวลมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนมนุษย์ในความสัมพันธ์ติดต่อกับพระเจ้า เพื่อถวายทั้งบรรณาการและเครื่องบูชาชดเชยบาป” (ฮบ 5:1)
ประเด็นที่สำคัญถัดมาก็คือ เมื่อพระศาสนจักร พระสงฆ์ หรือผู้ใดก็ตามช่วยนำร่องให้เราได้รู้จักพระเยซูเจ้าแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหาทางพบและสนทนากับพระเยซูเจ้าเป็นการส่วนตัวให้ได้ เหมือนอย่างศิษย์ทั้งสองคนของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง หลังจากได้รับการแนะนำว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า” พวกเขาก็เดินตามพระเยซูเจ้าไป และถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ไหน”
     ที่พวกเขาถามเช่นนี้ก็เพราะไม่ต้องการพูดคุยกับพระองค์แบบฉาบฉวยข้างถนนซึ่งมีผู้คนผ่านไปผ่านมา พวกเขาต้องการพูดคุยกับพระองค์ที่บ้านของพระองค์ จะได้คุยกันนานๆ โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวนจิตใจ
นี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องหาทางพบปะและสนทนากับพระเยซูเจ้าให้ได้ หลังจากที่มีผู้แนะนำให้เรารู้จักพระองค์แล้ว
     นักบุญเปาโลให้เหตุผลที่เราต้องรู้จักและสานสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าให้แน้นแฟ้นไว้ในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “ผู้ที่สนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า ก็เป็นจิตใจเดียวกันกับพระองค์ ในเมื่อพระเจ้าทรงปลุกพระเยซูเจ้าให้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระองค์ก็จะทรงปลุกเราให้กลับคืนชีพด้วยพระอานุภาพของพระองค์เช่นเดียวกัน”
     นั่นคือ เราจำเป็นต้องรู้จักและสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าก็เพื่อจะได้กลับคืนชีพและมีชีวิตนิรันดรเช่นเดียวกับพระองค์ นี่คือเหตุผลข้อแรก
     เหตุผลประการที่สองที่นักบุญเปาโลบอกเราวันนี้ก็คือ พระเจ้าทรงซื้อเราไว้ด้วยราคาแพงแล้ว เราไม่ใช่เจ้าของตัวเราเองอีกต่อไป จึงจำเป็นที่เราจะต้องรู้จักและสานสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของตัวเราให้แน่นแฟ้นเข้าไว้
     เราคงแปลกใจว่ามีด้วยหรือที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของตัวเราเอง ?
คำตอบคือ มี!
     ย้อนไปเมื่อปี 1910 มีชายชาวสวีเดนผู้หนึ่งชื่อ Olav Olavson เขาร้อนเงิน จึงขายร่างกายของตนให้กับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ เพื่อว่าเมื่อเขาตายสถาบันจะได้นำร่างของเขาไปทำการวิจัย ปรากฏว่าสองสามปีต่อมา โอลาฟโชคดีมีฐานะมั่นคงขึ้นมา เขาจึงคิดจะซื้อสิทธิในร่างกายของตนกลับคืนมา แต่ทางสถาบันไม่ยอมขายสิทธิคืนให้โอลาฟ เรื่องจึงไปถึงศาล ศาลตัดสินให้สถาบันเป็นฝ่ายชนะ จึงเท่ากับว่าโอลาฟสูญเสียสิทธิในร่างกายของตนอย่างถาวร นอกจากนั้นศาลยังสั่งให้โอลาฟจ่ายค่าปรับให้แก่สถาบันอีกด้วย เพราะโอลาฟถอนฟันสองซี่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสถาบันผู้มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของร่างกายของเขา
     นักบุญเปาโลจึงบอกเราในจดหมายถึงชาวโครินทร์ว่า เราคริสตชนเป็นเพียงผู้ดูแลร่างกายของเราเท่านั้น ไม่ใช่เป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิ์เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือร่างของตน เพราะพระเยซูเจ้าทรงซื้อร่างกายของเราไว้แล้ว พระองค์ทรงจ่ายค่าไถ่ราคาแพงด้วยชีวิตของพระองค์เอง
     เพียงแต่ว่าพระองค์มิได้หวังจะหาประโยชน์จากร่างกายของเราเหมือนสถาบันการแพทย์ที่ต้องการใช้ร่างกายของโอลาฟเพื่อการวิจัย แต่พระเจ้าทรงซื้อร่างกายของเราไว้ก็เพื่อจะทำให้ร่างกายของเรากลับคืนชีพและมีชีวิตนิรันดร
     นักบุญเปาโลบอกเราต่อไปอีกว่า ในเมื่อพระเจ้าทรงซื้อร่างกายของเราไว้แล้ว นับจากนี้ไปร่างกายของเราจึงกลายเป็นวิหารของพระจิตเจ้า เราปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในวัดซึ่งเป็นวิหารของพระเจ้าอย่างไร เมื่อออกไปจากวัด เราก็ยังต้องปฏิบัติตนเช่นเดิม เพราะเรายังคงอยู่ในวิหารของพระจิตเจ้าตลอดเวลา
     โดยเฉพาะในวันนี้ นักบุญเปาโลเน้นให้เราหลีกหนีการล่วงประเวณี เพราะบาปอื่นๆ นั้นมนุษย์ทำนอกร่างกาย แต่ผู้ที่ล่วงประเวณีทำบาปต่อร่างกายของตนเอง ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า และยังเป็นวิหารของพระจิตเจ้าอีกด้วย
     สรุปว่า เราต้องพึ่งพระศาสนจักรและพระสงฆ์เพื่อช่วยแนะนำพระเยซูเจ้าให้แก่เรา นี่คือเหตุผลที่พระองค์ทรงเลือกคริสตชนบางคนให้มีกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์ เหมือนที่ในพระวรสารวันนี้พระองค์ทรงเลือกศิษย์บางคนให้มาเป็นอัครสาวกติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด จากนั้นเราแต่ละคนจะต้องหาทางพบปะกับพระเยซูเจ้าด้วยตัวของเราเอง เราจะได้มีความสัมพันธ์แนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และใช้ร่างกายของเราเพื่อพระองค์ เพื่อเราจะได้กลับคืนชีพและมีชีวิตนิรันดรเช่นเดียวกับพระองค์
     ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าในบูชามิสซานี้ ขอพระองค์โปรดทรงช่วยเราให้สามารถอุทิศร่างกายและชีวิตของเราเพื่อพระองค์ ผู้ทรงซื้อเราไว้ด้วยราคาแพง เช่นเดียวกับนักบุญเปาโลที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้าถูกตรึงกางเขนกับพระคริสตเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ตัวข้าพเจ้าอีกต่อไป แต่พระคริสตเจ้าทรงดำรงชีวิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า ชีวิตที่ข้าพเจ้ากำลังดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความเชื่อถึงพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรักข้าพเจ้าและทรงมอบพระองค์เพื่อข้าพเจ้า” (กท 2:20) ด้วยเทอญ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown