บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2023 สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 790
อาทิตย์ที่แล้วพวกฟาริสีพยายามจับผิดพระเยซูเจ้าด้วยการตั้งคำถามพิฆาตว่า “การเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซีซาร์เป็นการถูกต้องหรือไม่”
หากพระองค์ตอบว่าไม่ถูกต้อง คือไม่ต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์ พระองค์ก็จะกลายเป็นกบฏ
หากพระองค์ตอบว่าถูกต้อง คือต้องเสียภาษีแก่ซีซาร์ พระองค์ก็จะกลายเป็นคนทรยศต่อพระเจ้า เพราะชาวยิวถือว่าพระเจ้าเป็นกษัตริย์แต่เพียงพระองค์เดียวของพวกเขา
ในพระวรสารวันนี้ พวกเขาก็ยังมุ่งมั่นหาทางจะจับผิดพระองค์อีก คราวนี้พวกเขาส่งบัณฑิตทางกฎหมายมาถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ” พวกเขาหวังว่าหากพระองค์ให้ความสำคัญกับบัญญัติข้อใดข้อหนึ่ง ก็เท่ากับกำลังลดความสำคัญของบัญญัติข้ออื่นๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระเจ้า พวกเขาจะได้ฟ้องเอาผิดพระองค์
แม้จะประสงค์ร้าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำถามของพวกเขาได้นำไปสู่คำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบของคำว่า “ศาสนา”
สำหรับพระเยซูเจ้า ศาสนาแท้ต้องมีองค์ประกอบสำคัญควบคู่กัน 2 ประการ คือ ทั้งรักพระเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์
สำหรับพระองค์ ความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์เป็นเสมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน ซึ่งไม่มีใครสามารถแยกออกจากกันได้
เพราะฉะนั้น เมื่อมีคนถามพระองค์ว่าบทบัญญัติข้อใดเป็นเอกในธรรมบัญญัติ พระองค์จึงตรัสตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาของท่าน นี่คือบทบัญญัติเอกและเป็นบทบัญญัติแรก บทบัญญัติประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
จากคำตอบของพระองค์ แน่นอนว่าบทบัญญัติเอกอย่างไรเสียก็ต้องเป็นรักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจอยู่แล้ว แต่พระองค์มิได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ พระองค์ทรงเพิ่มคำตอบที่สองซึ่งเป็นรูปธรรมมากกว่า และเป็นเสมือนอีกด้านหนึ่งของเหรียญเข้าไปด้วย นั่นก็คือให้รักเพื่อนมนุษย์ เพราะทั้งรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นเรื่องเดียวกัน และก็เป็นแก่นสำคัญของศาสนาที่แท้จริงด้วย
กระนั้นก็ตาม แม้พระองค์จะบัญญัติให้รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน แต่พี่น้องคิดว่าพระองค์ต้องการจะให้น้ำหนักแก่เหรียญด้านใดมากกว่ากัน ?
พี่น้องลองคิดดู เมื่อเราถามคำถามที่ต้องการคำตอบเพียงคำตอบเดียว แล้วผู้ตอบกลับเพิ่มคำตอบที่เราไม่ได้ถามเข้ามาด้วย นั่นก็แปลว่าผู้ตอบต้องการจะเรียกร้องให้เราสนใจคำตอบที่เพิ่มเข้ามาด้วย อย่างเช่นอาทิตย์ที่แล้วมีผู้ถามพระเยซูเจ้าว่าต้องเสียภาษีให้แก่ซีซาร์หรือไม่ อันที่จริงพระองค์จะตอบเพียงว่า “ของของซีซาร์ ก็จงคืนให้ซีซาร์” เท่านี้ก็ได้ แต่พระองค์ทรงเพิ่มอีกคำตอบหนึ่งว่า “ของของพระเจ้า ก็จงคืนให้พระเจ้า” แสดงว่าพระองค์ไม่เพียงต้องการเน้นสิทธิในการเก็บภาษีของซีซาร์ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วเท่านั้น แต่ต้องการจะเน้นสิทธิของพระเจ้าที่ชาวยิวละเลยอีกด้วย
เช่นเดียวกันคำตอบเกี่ยวกับบัญญัติเอกที่พระองค์ต้องการเน้นและให้น้ำหนักในวันนี้ จึงไม่ใช่เพียงรักพระเจ้าสุดจิตใจ สุดวิญญาณ และสุดสติปัญญา ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว แต่ต้องรักเพื่อนมนุษย์ที่พวกเราจำนวนมากไม่ใส่ใจและกำลังเมินเฉยอีกด้วย
ทุกวันนี้ เราพยายามแยกความรักต่อเพื่อนมนุษย์ออกจากความรักต่อพระเจ้า ความเชื่อของเราไม่ได้ทำให้เราตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน ถึงความยุติธรรม และถึงสันติภาพเลย
เมื่อสองสามพันปีก่อน พระเจ้าทรงเตือนชาวยิวในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ว่า อย่าข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติ อย่าข่มเหงหญิงม่ายหรือลูกกำพร้า แต่จงให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย และจงคืนเสื้อคลุมของเพื่อนที่ยึดไว้เป็นประกันก่อนตะวันตกดิน หาไม่แล้วเขาจะไม่มีสิ่งใดป้องกันความหนาวเมื่อเข้านอน
แสดงว่าปัญหาเรื่องความรักต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นปัญหาเรื้อรังที่มีมานานตั้งแต่สมัยชาวยิวยังเป็นผู้อพยพเร่ร่อนในถิ่นทุรกันดาร เรื่อยมาตราบจนถึงทุกวันนี้
ทุกวันนี้ นอกจากเราจะรักกันน้อยลงและไม่ค่อยเหลียวแลกันแล้ว เรายังค้ามนุษย์ เรายังเอาเปรียบแรงงานต่างชาติ และเราก็ยังเก็บดอกเบี้ยนอกระบบอย่างมหาโหดอีกต่างหาก
แล้วเราจะปล่อยให้ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เรารักกันโดยทรงเอาชีวิตของพระองค์เป็นเดิมพันบนไม้กางเขน (พระองค์กล้าเรียกร้องก็เพราะทรงรักและทรงพิสูจน์ด้วยการยอมตายเพื่อเราก่อน) ต้องมอดดับลง แล้วปล่อยให้พระองค์ตายฟรี กระนั้นหรือ?
ขอให้พระวาจาของพระเยซูเจ้าวันนี้ที่ว่า ความรักที่แท้จริงต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์เป็นเสมือนสองด้านของเหรียญเดียวกัน และเป็นแก่นสำคัญของศาสนาที่แท้จริง ได้หยั่งลึกลงในจิตใจของเราซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นับถือศาสนา และให้เราสามารถดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระองค์ในวันนี้ด้วยการรักทั้งพระเจ้าและรักทั้งเพื่อนมนุษย์อย่างเข้มข้นและแข็งขัน เพื่อเราจะได้ไม่เป็นคนโป้ปดมดเท็จ ดังที่นักบุญยอห์นกล่าวไว้ว่า “ถ้าผู้ใดพูดว่า ‘ฉันรักพระเจ้า’ แต่เกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นย่อมเป็นคนพูดเท็จ เพราะผู้ไม่รักพี่น้องที่เขาแลเห็นได้ ย่อมไม่รักพระเจ้าที่เขาแลเห็นไม่ได้” (1 ยน 4:20)