มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2023 สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา

     แม้ในพระวรสารวันอาทิตย์ที่แล้ว เปโตรจะประกาศที่เมืองซีซารียาแห่งฟิลิปว่า “พระเยซูเจ้าคือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” แต่พระคริสตเจ้าตามความคิดของเปโตรนั้นแตกต่างจากพระเยซูเจ้าอย่างสิ้นเชิง
สำหรับเปโตร “พระคริสตเจ้า” หรือ “พระเมสสิยาห์” คือกษัตริย์นักรบที่พระเจ้าทรงส่งมานำกองทัพของชาวยิวขับไล่กองทัพโรมันออกจากแผ่นดินปาเลสไตน์ และนำพาชนชาติยิวให้กลับมามีอำนาจรุ่งเรืองเหนือชนชาติอื่น ให้สมกับเป็นประชากรที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเยซูเจ้าตรัสในพระวรสารวันนี้ว่าพระเมสสิยาห์ “จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อรับการทรมาน และจะถูกประหารชีวิต” เปโตรจึงยอมรับไม่ได้และทูลคัดค้านว่า “เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน”
แล้วคำตำหนิอันหนักหน่วงก็ตามมาทันที “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง”
คำว่า “ซาตาน” เป็นภาษาฮีบรูแปลว่า “ปรปักษ์” ซาตานจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เปโตรเป็นปรปักษ์กับพระเยซูเจ้า จนพระองค์ต้องตรัสว่า “เจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้า แต่คิดอย่างมนุษย์”
ข้อหาที่ทำให้เปโตรเป็นซาตานก็คือ “ไม่คิดอย่างพระเจ้า” แล้วพี่น้องอยากจะคิดอย่างพระเจ้าไหม?
ถ้าคำตอบของพี่น้องคือ “ใช่” พระวรสารวันนี้มีคำตอบ
     ประการแรก จริงอยู่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28) แต่พระเยซูเจ้าองค์เดียวกันนี้ก็ตรัสในพระวรสารวันนี้ด้วยว่า “ถ้าผู้ใดอยากตามเรา ก็จงเลิกคิดถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรา”
ตกลงวันนี้เรามาวัด มาหาพระเยซูเจ้าทำไม? มาเพื่อขอให้พระองค์ยกภาระหนักออกไปจากบ่าของเรา หรือมาเพื่อจะแบกกางเขนติดตามพระองค์ ?
     จริงๆ เรามาก็เพื่อขอให้พระองค์ยกเอาภาระออกไปจากบ่าของเรา นั่นคือเอาภาระที่ไม่จำเป็น ภาระที่ไม่มีประโยชน์ และภาระที่ไม่มีความหมายต่อชีวิตออกไป แล้วขอพระองค์โปรดให้เรามีพละกำลังและความมุ่งมั่นที่จะแบกกางเขนติดตามพระองค์จนถึงยอดเขากัลวาริโอ อันเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความรอดพ้นและเกียรติมงคงอันรุ่งเรืองตลอดนิรันดร
     การแบกไม้กางเขนก็คือการยอมรับภาระทุกอย่างอันเกิดจากการรับใช้พระเจ้า เหมือนประกาศกเยเรมีย์ในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ที่แม้จะต้องทนกับความอับอายและถูกเยาะเย้ยจนต้องร้องว่า “แย่แล้ว ตายแน่ๆ” แต่ท่านก็ยอมรับใช้พระเจ้าด้วยการประกาศพระวาจาของพระองค์ หรือภาระอันเกิดจากการยอมเสียสละเวลาว่างหรือเวลาพักผ่อนส่วนตัวเพื่อไปเยี่ยมเยียนคนชรา ไปเยี่ยมเยียนคนพิการ คนด้อยโอกาส ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการรับใช้พระเจ้าที่ดีที่สุด
นอกจากภาระอันเกิดจากการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องแล้ว กางเขนยังหมายรวมถึงภาระอันเกิดจากการทำหน้าที่ประจำวันของเรา ภาระอันเกิดจากการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่ประดังกันเข้ามาในชีวิตของเรา ตลอดจนภาระอันเกิดจากการต่อสู้กับตัวเราเองดังที่นักบุญเปาโลอ้อนวอนและกำชับในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้ แต่จงเปลี่ยนแปลงตนเองโดยการฟื้นฟูความคิดขึ้นใหม่ เพื่อจะได้รู้จักวินิจฉัยว่าสิ่งใดเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สิ่งใดดี และสิ่งใดเป็นที่พอพระทัยอันสมบูรณ์พร้อมของพระองค์”
ต้องสู้ทน ต้องแบกกางเขนอย่างนี้แหละจึงจะได้ชื่อว่า “คิดอย่างพระเจ้า” !
     ประการที่สอง นอกจากแบกกางเขนติดตามพระองค์แล้ว พระเยซูเจ้ายังสอนเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งเพื่อทำให้เรามีชีวิต และเป็นชีวิตที่มีคุณค่าอีกด้วย นั่นก็คือให้เรา “ตายต่อตนเอง” หรือ “เลิกคิดถึงแต่ตนเอง”
พระองค์ตรัสว่า “ผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้น ก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดร แต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะเรา ก็จะพบชีวิตนิรันดร”
     ฟังดูเหมือนมันขัดแย้งกัน แต่เหตุผลของพระองค์ก็คือหากเรามัวแต่รักษาชีวิต มัวแต่แสวงหาความสะดวกสบายใส่ตัว มัวแต่ดำเนินชีวิตตามใจตนเอง เรากำลังปล่อยตัวให้หย่อนยาน เห็นแก่ตัว และยึดติดอยู่กับสิ่งของของโลกนี้ ซึ่งเป็นชีวิตที่สวนทางกับพระเจ้าและทำให้ความเป็น “ฉายาของพระเจ้า” ในตัวเราลดน้อยถอยลงอันส่งผลให้ศักดิ์ศรี “ความเป็นมนุษย์” ของเราด้อยค่าลงจนกลายเป็นคนไร้ค่าไปในที่สุด
เหตุผลอีกด้านหนึ่งพี่น้องลองคิดดูสิ หากไม่มีผู้ใดดำเนินชีวิตตามเคล็ดลับของพระเยซูเจ้า ต่างคนต่างเห็นแก่ความปลอดภัยของตนเอง ไม่ยอมเสี่ยง ไม่ยอมเสียสละ เราคงไม่มียารักษาโรคใหม่ๆ ไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด ไม่มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ซึ่งคงทำให้ชีวิตของเรายากลำบากมากกว่านี้หรืออาจจบสิ้นไปนานแล้วก็ได้
เพราะฉะนั้น ผู้ที่พร้อมเดิมพันชีวิตของตนเพื่อพระเจ้าเท่านั้นแหละที่จะพบชีวิต และเป็นชีวิตที่มีคุณค่ามากด้วย !
     อย่าลืมว่า ทุกๆ วินาที ชีวิตของเรากำลังเคลื่อนที่ไปสู่ความตายและการพิพากษา ไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากสองสิ่งนี้ไปได้สักคนเดียว !
ขอย้ำว่าเกณฑ์ในการพิพากษาตัดสินของพระเยซูเจ้าก็คือ “ผู้ที่อุทิศชีวิตของตนเพื่อพระองค์ ก็จะพบชีวิตนิรันดร” !!
     ก่อนจะจบ ขอให้เราย้อนกลับมาที่เรื่องราวของนักบุญเปโตรในพระวรสารวันนี้
แม้จะถูกพระเยซูเจ้าดุว่าเป็นซาตาน แต่คำสั่งที่พระองค์ทรงใช้ “ขับไล่” เปโตรก็ยังแฝงไปด้วยคำเชิญชวนและการให้โอกาสกลับมาติดตามพระองค์นะ
ก่อนหน้านี้พระองค์ทรงขับไล่ปีศาจที่ล่อลวงพระองค์ในถิ่นทุรกันดารว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น” แต่กับเปโตร พระองค์ตรัสสั่งว่า “เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง”
หมายความว่า พระองค์ทรงขับไล่ปีศาจให้ “ไปแล้วไปลับ” แต่กับเปโตรไม่ใช่ไปแล้วไปลับ เพียงแค่ให้ “ถอยไปอยู่ข้างหลัง” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “ให้กลับมาติดตามพระองค์ !”
     นี่คือสิ่งที่ทำให้เปโตรแตกต่างจากปีศาจอย่างสิ้นเชิง เพราะปีศาจมันหยิ่งจองหองเกินกว่าจะยอมติดตามพระเยซูเจ้า ส่วนเปโตร แม้จะผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท่านก็หันกลับมาติดตามพระองค์ทุกครั้ง
บัดนี้ ต่อหน้าพระเยซูเจ้าผู้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทซึ่งเรากำลังจะเข้าไปรับอีกสักครู่หนึ่งนี้ ให้เราวอนขอพระองค์โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อเราจะได้ตัดสินใจเลือกอย่างถูกต้อง ว่าจะเดินตามแบบอย่างของนักบุญเปโตร คือหันกลับมาแบกกางเขนติดตามพระองค์ หรือจะเดินตามแบบอย่างของปีศาจ และขอพระองค์โปรดให้เรามีความมุ่งมั่นและมีพละกำลังที่จะเดินตามหนทางที่เลือกในวันนี้ด้วยเทอญ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown