บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2023 สัปดาห์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 498
พระวรสารวันนี้สอนให้เรารู้จักพระเยซูเจ้าและรู้จักหัวจิตหัวใจของพระองค์ และยังสอนด้วยว่า เมื่อรู้จักพระองค์แล้ว เราควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร
วันนี้นักบุญมัทธิวเล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงดำเนินบนทะเล เมื่อพูดถึงทะเลชาวยิวกลัวเป็นที่สุด เพราะพวกเขาเชื่อว่าทะเลเป็นที่อยู่ของพลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่เป็นศัตรูกับมนุษย์ คือเป็นที่อยู่ของบรรดาภูตผีปีศาจ คลื่นที่ซัดถาโถมใส่เรือของบรรดาอัครสาวกอย่างรุนแรงก็คือผลงานของบรรดาภูตผีปีศาจเหล่านี้นี่เอง ชาวยิวจึงกลัวทะเลยิ่งนัก ในหนังสือวิวรณ์ พวกเขาคาดหวังว่าในสวรค์ ซึ่งเป็นฟ้าใหม่ แผ่นดินใหม่ จะไม่มีทะเลอีกต่อไป (วว 21:1)
ในเมื่อพระเยซูเจ้าสามารถเดินบนคลื่นที่กำลังโหมซัดกระหน่ำเรือของบรรดาอัครสาวกและยังสามารถทำให้ทะเลที่กำลังบ้าคลั่งสงบลงได้ ก็ย่อมแสดงว่าพระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือพลังอำนาจของบรรดาภูติผีปีศาจ และสามารถควบคุมพวกมันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
หากพี่น้องยังรู้สึกหวาดกลัวภูตผีปีศาจ กลัวคำสาป กลัวเวทมนต์คาถา กลัวอำนาจมืดทั้งหลายทั้งปวง พระวรสารวันนี้เป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องเลย เพราะว่าบรรดาพลังอำนาจมืดต่างๆ เหล่านี้จะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป พวกมันทำอะไรเราไม่ได้เลยถ้าเราให้ที่ยืนกับพระเยซูเจ้า ให้พระองค์ประทับอยู่ในชีวิตของเรา และทำงานในตัวเรา
นอกจากจะทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือบรรดาภูติผีปีศาจแล้ว พระเยซูเจ้ายังทรงเอาใจใส่บรรดาศิษย์ของพระองค์อย่างยิ่ง
พระวรสารวันนี้เล่าว่า เมื่อทรงส่งประชาชนกลับไปแล้ว “พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำพัง” จนถึงเวลาค่ำ
แม้เป็นเวลาค่ำแต่ก็ไม่มืด เพราะมัทธิวเล่าว่าก่อนจะทวีขนมปังเลี้ยงคนจำนวนมาก พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้ประชาชนนั่งบนพื้นหญ้า (มธ 14:19) หากพื้นหญ้ามีขนาดกว้างใหญ่เพียงพอสำหรับคนมากมายขนาดนี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ และเป็นไปได้ว่าใกล้เทศกาลปัสกาซึ่งตกกลางเดือนเมษายน อันเป็นเดือนที่พระจันทร์เต็มดวงและส่องแสงสว่างจนมองเห็นถนนหนทางและท้องทะเลได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น หลังจากอธิษฐานภาวนาเสร็จแล้ว พระเยซูเจ้าจึงอาศัยแสงสว่างของดวงจันทร์ ดำเนินเลียบชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบกาลิลีเพื่อกลับไปอีกฟากหนึ่ง
ส่วนบรรดาศิษย์ซึ่งลงเรือล่วงหน้าไปก่อนพระองค์ กลับไปไม่ถึงไหนเพราะทะเลสาบกาลิลีขึ้นชื่อลือชาเรื่องพายุฉับพลัน เรือของพวกเขาต้อง “แล่นโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม”
เมื่อถึงยามที่สี่ก็คือราวตีสาม พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาอัครสาวกกำลังต่อสู้กับพายุและคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่เรือจึง “ทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์”
เท่ากับว่า ในยามที่บรรดาศิษย์ตกอยู่ในความยากลำบาก ไม่ว่าเวลาใด สถานที่ใดก็ตาม พระองค์เสด็จไปหาพวกเขา...
นี่คือสุดยอด “ความเอาใจใส่” ของพระเยซูเจ้า !
ในเมื่อเราได้รู้จักฤทธิ์อำนาจของพระเยซูเจ้า ได้รู้จักหัวจิตหัวใจของพระองค์แล้ว แล้วเราคริสตชนควรจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไร
ในพระวรสารวันนี้ บรรดาอัครสาวกต้องพายเรือโต้คลื่นอย่างหนักเพราะทวนลม เราแต่ละคนก็เช่นเดียวกัน เราต่างก็มีพายุพัดโหมเข้ามาในชีวิตของเราบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับคนรอบข้างที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเราหรือคอยเอารัดเอาเปรียบเราอยู่เสมอ หรือการต่อสู้กับตัวเราเอง กับการประจญ กับการตัดสินใจที่ยากลำบาก หรือกับมรสุมชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย แต่ขอให้พี่น้องจดจำไว้ว่าไม่มีใครถูกทอดทิ้งให้ต่อสู้ดิ้นรน “ตามลำพัง” เพราะพระเยซูเจ้าจะเสด็จมาพร้อมกับพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ที่ยื่นออกมาเพื่อช่วยเหลือเราเสมอ
เพียงแต่ว่าพระองค์อาจจะเสด็จมาในรูปแบบที่เราไม่คุ้น หรือในรูปแบบที่เราเองก็ไม่ชอบ จนไม่วายร้องเหมือนบรรดาอัครสาวกว่า “ผีมา” แล้วก็พยายามกันพระองค์ออกไป แต่ถ้าเราตั้งใจฟังเสียงกระซิบเบาๆ ของพระองค์ แม้จะแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” แล้วให้ที่ยืนกับพระองค์ ทูลเชิญพระองค์ขึ้นมาบนเรือ เข้ามาประทับในชีวิตของเรา ปัญหาและวิกฤติต่างๆ ในชีวิตของเราก็จะบรรเทาเบาบางลงและแก้ไขได้ในที่สุด
ยังมีอีกบทเรียนหนึ่งที่เราได้มาจากเรื่องราวของนักบุญเปโตร ในพระวรสารวันนี้
เปโตรทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์ ก็จงสั่งให้ข้าพเจ้าเดินบนน้ำไปหาพระองค์เถิด” พระองค์ตรัสตอบว่า “มาเถิด”
ดูเหมือนพระองค์จะทรงสั่งให้เปโตรทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่อะไรก็ตามที่พระองค์ทรงสั่งให้เรากระทำ พระองค์จะประทานพละกำลังช่วยเราให้ทำมันจนสำเร็จเสมอ เหมือนอย่างเปโตรซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเหมือนเรา ก็ยังลงจากเรือ แล้วเดินบนน้ำไปหาพระองค์ได้เลย
พระวรสารเล่าต่อว่า “แต่เมื่อเห็นว่าลมแรง เปโตรก็กลัวและเริ่มจมลง” แปลว่าขณะที่สายตาของเปโตรจับจ้องอยู่ที่พระเยซูเจ้าและความคิดจิตใจของเปโตรเพ่งอยู่กับพระวาจาของพระองค์ที่ว่า “มาเถิด” เปโตรก็เดินบนน้ำได้ด้วยดี แต่เมื่อเปโตรเริ่มสังเกตว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตราย และความคิดจิตใจก็หันไปเพ่งอยู่ที่ลูกคลื่น เปโตรจึงกลัวและเริ่มจมลง
เพราะฉะนั้น เมื่อมรสุมพัดผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา ก็ขอให้เราเชื่อมั่นและวางใจในพระเยซูเจ้า ยึดพระองค์เป็นสรณะและที่พึ่งอยู่เสมอ อย่ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง อย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับปัญหาและความอ่อนแอที่เราพบเห็น เพื่อเราจะได้ไม่ต้อง “จมลง” เช่นเดียวกับเปโตร
นักบุญเปาโลจึงให้แนวทางดำเนินชีวิตสำหรับคริสตชนไว้ว่า “เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น” (2 คร 5:7)
ในบูชามิสซาวันนี้ ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าโปรดทรงเพิ่มพูนความเชื่ออันน้อยนิดของเรา เพื่อว่าท่ามกลางมรสุมต่างๆ ในชีวิต เรายังจะเชื่อและวางใจในพระองค์ วางใจในฤทธิ์อำนาจของพระองค์ และพร้อมจะทูลพระองค์เช่นเดียวกับเปโตรว่า “พระเจ้าข้า ช่วยข้าพเจ้าด้วย” และขอพระองค์โปรดให้เราระลึกอยู่เสมอว่า “ที่ใดมีพระองค์ ที่นั่นมีความสงบสุขและความชื่นชมยินดีเสมอ”