มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา

     ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเปรียบอาณาจักรสวรรค์ว่าเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา และเป็นเหมือนไข่มุกเม็ดงามล้ำค่า ซึ่งบ่งบอกว่าอาณาจักรสวรรค์นั้นมีคุณค่าควรแก่การแสวงหาอย่างยิ่ง
คำถามก็คือ อาณาจักรสวรรค์คืออะไร และเราจะพบแล้วเข้าอาณาจักรสวรรค์ได้อย่าง ?
     เพื่อจะตอบคำถามนี้ ให้เราหันไปดูบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราคือบทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์ทรงสอนให้เราภาวนาว่า “พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์” (มธ 6:10) จากบทภาวนานี้เราอาจสรุปได้ว่าอาณาจักรสวรรค์ก็คือ “สังคมบนโลกนี้ที่พระประสงค์ของพระเจ้าได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์เหมือนในสวรรค์” เพราะฉะนั้น การเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ก็คือ “การน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์” นั่นเอง
     บ่อยครั้ง เราพบแสงสว่างส่องแวบเข้ามาในจิตใจทำให้เรารู้พระประสงค์ของพระเจ้า นี่แหละคือ “ขุมทรัพย์” นี่แหละคือ “ไข่มุกล้ำค่า”
     การน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าอาจทำให้เราต้องเสียสละความทะเยอทะยานบางอย่างของเรา ต้องละทิ้งนิสัยหรือวิถีชีวิตบางประการ ต้องมีวินัยกับตัวเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย
     กระนั้นก็ตาม การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าก็เป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การยอมเสียสละทุกสิ่ง เพราะเมื่อเราปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าก็เท่ากับเรากำลังคิดเหมือนพระเจ้า และกำลังปรารถนาเหมือนพระเจ้า ซึ่งจะนำเราไปสู่การดำเนิน “ชีวิตเหมือนพระเจ้า”
     การมีชีวิตเหมือนพระเจ้าเป็น “สุดยอดปรารถนา” ของทุกคน เพราะไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ เที่ยงแท้ และสมบูรณ์ดีงามไปกว่าพระเจ้าอีกแล้ว ดังนั้น จึงคุ้มค่าอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า และเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์
     นอกจากนั้น ในบทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลยังเน้นย้ำให้เราปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า ท่านกล่าวว่า “พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์” ผู้ที่รักพระองค์ก็คือผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
มีตัวอย่างของครูคำสอนประจำหมู่บ้านในแอฟริกาคนหนึ่ง เขาพร้อมน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าและชอบพูดติดปากว่า “ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น อาจมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้เกิดขึ้นก็ได้” ไม่ว่าใครในหมู่บ้านมีปัญหาอะไร เขาก็จะพูด และก็จะแนะนำอย่างนี้เป็นประจำ จนชาวบ้านพากันรู้สึกหงุดหงิดรำคาญและคิดว่าเขาคงสติไม่ดี
     ที่สุดมีวัยรุ่นหัวร้อนกลุ่มหนึ่งคิดจะให้บทเรียนแรงๆ แก่ครูคำสอนคนนี้โดยการฆ่าลูกชายของเขา
ลูกชายของครูคำสอนคนนี้ชอบเล่นฟุตบอล พวกวัยรุ่นก็เลยวางแผนร่วมกันว่าจะรุมฆ่าเขาขณะกลับจากเล่นฟุตบอล บังเอิญวันนั้น ลูกฟุตบอลถูกเตะลอยออกนอกสนามและข้ามถนนไป ลูกชายของครูคำสอนจึงวิ่งออกจากสนาม ข้ามถนนเพื่อจะไปเก็บลูกบอล ระหว่างข้ามถนนบังเอิญมีรถวิ่งผ่านมาและชนเขาล้มลงได้รับบาดเจ็บ คนขับรถพาเขาส่งโรงพยาบาล แผนของพวกวัยรุ่นที่จะรุมฆ่าเขาเย็นวันนั้นจึงล้มเหลว
      เมื่อเพื่อนบ้านรู้ข่าวว่ารถชนลูกชายของครูคำสอนจึงพากันมาเยี่ยมและให้กำลังใจเขา และก็เหมือนเดิม สิ่งที่เขาพูดกับเพื่อนบ้านก็คือ “ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น อาจมีสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้เกิดขึ้นก็ได้”
เห็นไหมครับ ครูคำสอนคนนี้วางใจในพระเจ้า พร้อมน้อมรับพระประสงค์ของพระองค์ เขาจึงมั่นใจเต็มร้อยว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงโปรดให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ล้วนเป็นไปเพื่อความดีของเขาจริงๆ
เพราะฉะนั้น พี่น้องครับ เราควรน้อมรับทุกสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความยินดี เพราะว่าพระองค์ทรงประสงค์เช่นนี้ก็เพื่อความดีสูงสุดของเรา คือเพื่อความรอดพ้นของเรานั่นเอง ไม่ใช่พอเกิดปัญหาในชีวิต หรือพอเจ็บไข้ได้ป่วย ก็โมโหโทโส ด่าว่าพระเจ้า หรือหมดความวางใจและละทิ้งพระองค์ไปเลย
     แล้วอย่าลืมพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน (ซึ่งก็คือจงแสวงหาพระประสงค์ของพระองค์ก่อน) แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)
กษัตริย์โซโลมอนในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้คือตัวอย่างของผู้ที่ดำเนินชีวิตตามที่พระเยซูเจ้าตรัสสอน ในฐานะกษัตริย์ พระองค์มีสิทธิ์เต็มที่ที่จะวอนขอความร่ำรวยมั่งคั่ง ขอกองทัพที่เข้มแข็ง ขอชื่อเสียง ขอความมั่นคง ขอชีวิตที่ยืนยาวและเป็นสุข แต่เมื่อพระเจ้าตรัสสั่งโซโลมอนในฝันว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” กษัตริย์โซโลมอนกลับวอนขอความเข้าใจซึ่งก็คือขอให้รู้พระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้ปกครองประชากรอย่างยุติธรรม และรู้จักวินิจฉัยแยกความดีจากความชั่ว ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เราจะทำตามที่ท่านขอ เราจะให้ความเข้าใจและปรีชาญาณในการตัดสินอย่างที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อน หรือจะมีในภายหลัง สิ่งที่ท่านไม่ได้ขอ เราก็จะให้ด้วย คือความมั่งคั่งและเกียรติยศอย่างที่ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ใดเคยมี”
      เห็นไหม หากเราแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า แสวงหาพระประสงค์ของพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใด พระองค์จะประทานสิ่งอื่นๆ เพิ่มให้แก่เรามากกว่าอีก
     พี่น้องครับ ถ้าคืนนี้พระเจ้าทรงเข้าฝันเราและขอให้เราวอนขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ เราจะวอนขออะไรดี ?
จะวอนขอความร่ำรวยมั่งคั่ง ความสำเร็จในชีวิต หรือจะวอนขอปรีชาญาณเหมือนอย่างกษัตริย์โซโลมอน จะได้รู้พระประสงค์ของพระเจ้าและได้เข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ?
     พี่น้องคิดว่าอาณาจักรสวรรค์มีความสำคัญกับพี่น้องมากไหม มากจนพี่น้องพร้อมจะขายและละทิ้งทุกสิ่งเพื่อจะได้มันมาหรือเปล่า?
อย่าลืมนะครับพี่น้อง ถ้าเรามีอาณาจักรสวรรค์ เราก็มีทุกสิ่ง แต่ถ้าเราไม่มีอาณาจักรสวรรค์ ชีวิตของพี่น้องก็จะไม่เหลืออะไรเลย !

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown