บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2023 สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 512
หลังจากฟังอุปมาเรื่องข้าวสาลีกับข้าวละมานในพระวรสารวันนี้แล้ว พี่น้องลองคิดดูสิครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากนายบอกผู้รับใช้ว่าอย่าพึ่งถอนข้าวละมานเลย เกรงว่าจะถอนข้าสาลีติดมาด้วย แล้วดันมีผู้รับใช้คนหนึ่งตอบว่า “นายครับ ผมรู้ความแตกต่างระหว่างข้าวสาลีกับข้าวละมานดี ผมไม่มีทางถอนข้าวสาลีออกมาแน่นอน” จากนั้นผู้รับใช้คนนี้ก็ออกไป เริ่มถอนข้าวละมานออกมา แต่ปรากฏว่าบางต้นก็เป็นข้าวสาลี
มันน่าเสียดายไหมครับพี่น้อง ที่ข้าวพันธ์ดีมีอันต้องลงเอยแบบนี้ ?
พี่น้องครับ ทุกวันนี้ก็มีคริสตชนจำนวนมากที่ทำตัวเหมือนผู้รับใช้ที่กระตือรือร้นจนเกินควรอย่างที่ยกตัวอย่างมานี้ พวกเขาทนเห็นคนที่เป็นเหมือนข้าวละมานไม่ได้ จึงตำหนิบ้าง ดุด่าว่ากล่าวบ้าง นินทาให้เสียหายบ้าง หรือถึงกับออกไปต่อต้าน ไปต่อสู้ หรือไปกำจัดผู้ที่พวกเขาคิดว่าเป็นคนเลวด้วยเจตนาที่จะชำระล้างพระศาสนาจักรของเรา ชำระประเทศชาติของเรา รวมถึงชำระโลกทั้งใบให้สะอาดบริสุทธิ์หมดจด แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าพวกเขาเองนั่นแหละที่ทำผิด และเป็นยิ่งกว่าข้าวละมานเสียอีก
อันที่จริง ในฐานะเกษตกรที่ต้องการผลผลิตสูงสุด ผู้รับใช้พวกนี้ทำถูกที่เมื่อเห็นข้าวละมานก็รีบไปรายงานเจ้าของนาและขออนุญาตถอนข้าวละมานทิ้งไป แต่เจ้าของนาไม่อนุญาตก็ด้วยเหตุผล 2 ประการ
ประการแรก เจ้าของนารู้ดีว่าข้าวสาลียังสามารถเจริญงอกงามได้ในท่ามกลางข้าวละมาน ข้าวละมานอาจจะสร้างปัญหาให้กับข้าวสาลีบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้มันตาย หรือถึงกับแผ่ขยายจนปกคลุมทั่วท้องนาทั้งหมด
ประการที่สอง และเป็นเหตุผลที่สำคัญด้วยก็คือ เจ้าของนารู้ดีว่ามันยากมากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างข้าวสาลีกับข้าวละมาน หากเจ้าของนาสามารถแยกแยะความแตกต่างได้โดยไม่ผิดพลาด และสามารถถอนข้าวละมานออกมาได้โดยที่ข้าวสาลีไม่หลุดติดมือมาด้วยแล้ว เขาคงสั่งให้ถอนข้าวละมานทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่เขาไม่ทำเช่นนั้นก็ด้วยเหตุผลดังที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้ในพระวรสารวันนี้คือ “เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย” (มธ 13:29)
พี่น้องครับ เกี่ยวกับข้าวสาลีและข้าวละมานนี้ พระเยซูเจ้าทรงอธิบายว่า “ข้าวสาลีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ข้าวละมานคือพลเมืองของมารร้าย” จากคำอธิบายนี้ก็หมายความว่า เราคริสตชนผู้เป็นพลเมืองแห่งพระอาณาจักร ไม่ควรที่จะกำจัดพลเมืองของมารร้ายซึ่งก็คือคนเลวหรือคนชั่วออกไปจากโลกนี้ เราต้องให้ทั้งคนดีและคนเลวอยู่ร่วมกันจนกว่าจะถึงวันพิพากษาของพระเจ้า ซึ่งในวันนั้นเราถึงจะรู้ว่าใครดีใครเลวโดยดูจากผลงานของเขา เราควรพอใจให้ทั้งคนดีและคนเลวอาศัยอยู่ด้วยกัน ในบ้านเดียวกัน ในคอนโดเดียวกัน ในหมู่บ้านเดียวกัน ในรัฐบาลเดียวกัน ในประเทศเดียวกัน และในโลกใบเดียวกัน ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าเราไม่มีทางแยกคนดีและคนเลวออกจากกันได้โดยไม่ผิดพลาดเลย
จริงอยู่ เรารู้ว่าว่าคนดีและคนเลวมีลักษณะอย่างไร แต่เราจะรีบด่วนตัดสินคนอื่นไม่ได้ บางคนอาจจะเคยทำผิดพลาดอย่างมหันต์ก็จริง แต่นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ” ก็แปลว่าคนที่อ่อนแอ และคนที่ผิดพลาดหรือเป็นคนเลววันนี้อาจจะกลับใจเป็นคนดีวันหน้าก็ได้
ในทางกลับกัน บางคนดำเนินชีวิตดีไม่มีที่ติมาโดยตลอดแต่อาจผิดพลาดและจมอยู่ในบาปจนวาระสุดท้ายก็เป็นไปได้ การพิพากษาจึงจะทำได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงแล้วเท่านั้น ไม่มีใครที่รู้จักผู้อื่นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิตแล้วจะมีสิทธิ์ตัดสินเขาทั้งชีวิตได้ มันไม่ยุติธรรม
เพราะฉะนั้น หากเราปรารถนาจะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระเจ้า เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าเป็นไปได้มากที่เราจะตัดสินผิดพลาด เราจึงต้องพร้อมและเต็มใจที่จะเลื่อนการตัดสินผู้อื่นออกไป หรือดีที่สุดก็คือไม่ตัดสินเลย แล้วหันมาดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเจ้าดังที่หนังสือปรีชาญาณในบทอ่านที่หนึ่งบอกเราว่า นอกจากพระเจ้าของเราแล้ว “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เอาพระทัยใส่ทุกสิ่ง ทรงพิพากษาอย่างอ่อนโยน ทรงปกครองเราด้วยพระทัยปรานี... พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เพื่อสอนเราว่า ผู้ชอบธรรมต้องรักเพื่อนมนุษย์ พระองค์ประทานความหวังเต็มเปี่ยมแก่บรรดาบุตรของพระองค์ว่า เมื่อเขาทำบาปแล้ว พระองค์ก็ประทานโอกาสให้เขากลับใจ”
พี่น้องครับ หากเราไม่ดำเนินชีวิตตามหนทางและตามแบบอย่างของพระเจ้า เราก็จะกลายเป็นคนหัวรุนแรงเหมือนอย่างพวกกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ หรือเหมือนเซาโล ซึ่งก่อนจะกลับใจและเปลี่ยนชื่อเป็นเปาโล ก็ได้ตามไล่ล่าบรรดาคริสตชนเพราะความกระตือรือร้นจนเกินควร คิดจะชำระศาสนายิวให้บริสุทธิ์นี่แหละ
พี่น้องครับ เพื่อจะไม่ผิดพลาดเหมือนอย่างพวกหัวรุนแรง หรือเหมือนอย่างเซาโลในอดีต ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าในบูชามิสซาวันนี้ ขอพระองค์โปรดให้เราเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ไม่ดื้รั้น แต่พร้อมจะปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ที่ตรัสกับเราวันนี้ว่า “จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว” ด้วยการให้ที่ยืนแก่บรรดาผู้ที่เราคิดว่าเป็นคนเลว เป็นคนชั่วด้วยเทอญ