บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2023 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 969
หนึ่งในบรรดาคำสอนที่พระเยซูเจ้าและบรรดาอัครสาวกให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษก็คือความอดกลั้น
ความอดกลั้นหมายถึงความสามารถที่จะยอมรับความรุนแรง การดูหมิ่นเหยียดหยาม และความก้าวร้าว โดยที่เราไม่คิดแก้แค้นหรือทำกับเขาแบบเดียวกับที่เขาทำกับเรา
คริสตชนยุคเริ่มแรกยกย่องคุณธรรมความอดกลั้นนี้มาก เพราะความอดกลั้นช่วยให้พวกเขามีกำลังใจที่จะทนต่อความทุกข์ทรมานและการเบียดเบียนโดยไม่สูญเสียความเชื่อหรือคิดเอาคืนกับผู้ที่เบียดเบียนพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม ส่วนผู้ที่ไม่มีความอดกลั้น ถ้าไม่ปฏิเสธความเชื่อก็จะหาช่องทางแก้แค้นอยู่เสมอ
ในพระวรสารวันนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทเทศน์บนภูเขา พระเยซูเจ้าทรงสอนบรรดาศิษย์ของพระองค์ให้มีความอดกลั้น พระองค์ตรัสว่า “อย่าโต้ตอบคนชั่ว ผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ผู้ใดอยากฟ้องท่านที่ศาลเพื่อจะได้เสื้อยาวของท่าน ก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย ผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินไปกับเขาหนึ่งหลัก จงไปกับเขาสองหลักเถิด”
หากพูดกันในแง่กฎหมายแล้ว ผู้เสียหายย่อมมีสิทธิได้รับการชดเชยหรือมีสิทธิแก้แค้นคนที่ทำให้เราเสียหายหรือหาประโยชน์จากเราโดยไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม การแก้แค้นนั้นเป็นเพียงสิทธิ ไม่ใช่หน้าที่ เพราะถ้าเราถือเป็นหน้าที่ที่จะแก้แค้น มันก็จะลงเอยดังที่มหาตมะ คานธี อธิบายไว้ว่า “ถ้าเราปฏิบัติต่อกันแบบตาต่อตามันก็จะทำให้คนทั้งโลกตาบอด”
ทุกวันนี้ มองไปทางไหนเราก็จะเห็นแต่ความเกลียดชังและความรุนแรง หนทางหนึ่งที่จะหยุดวงจรนี้ได้ก็คือต้องมีบางคนยอมซึมซับความรุนแรงนี้ไว้โดยไม่ส่งต่อไปให้คนอื่น และนี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำบนไม้กางเขนเมื่อพระองค์ทรงยกโทษให้ผู้ที่เอาพระองค์ไปประหาร พระองค์วอนขอพระบิดาว่า “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก 23:34)
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าความอดกลั้นจะทำให้เราคริสตชนต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่หรือละเว้นจากการช่วยกันทำให้สังคมของเรามีความยุติธรรมมากขึ้น ตรงกันข้าม บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือเลวีนิติบอกเราว่า “ท่านจะต้องไม่เก็บความเกลียดชังพี่น้องไว้ในใจ แต่จงตักเตือนเพื่อนบ้านอย่างตรงไปตรงมา ท่านจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบบาปของเขา” และนี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำตลอดชีวิตของพระองค์ คือพระองค์ไม่แก้แค้นก็จริง แต่ในเวลาเดียวกัน พระองค์ก็ทรงตักเตือนและตำหนิการแสวงหาประโยชน์จากผู้ที่อ่อนแอกว่าในทุกรูปแบบ เช่น ทรงตำหนิพวกธรรมาจารย์และฟาริสีว่า “กินบ้านของหญิงม่าย หรือถวายหนึ่งในสิบของสะระแหน่ ผักชี ยี่หร่า แต่ได้ละเลยธรรมบัญญัติในเรื่องที่สำคัญ เช่น ความยุติธรรม ความเมตตากรุณา และความซื่อสัตย์” (มธ 23:14,23)
ความอดกลั้นนี้มิได้เป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอหรือความขี้ขลาด แต่เป็นเครื่องหมายของความเข้มแข็งและความกล้าหาญของคนที่พยายามจะดำเนินชีวิตเช่นเดียวกับพระบิดาเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่าพระบิดาเจ้าทรงอดกลั้นทั้งต่อศัตรู ต่อคนชั่ว และคนอธรรม “พระองค์โปรดให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นเหนือคนดีและคนชั่ว โปรดให้ฝนตกเหนือคนชอบธรรมและคนอธรรม” (มธ 5:43-45)
พร้อมกันนี้พระเยซูเจ้าทรงกำชับให้เรา “เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของเรา ทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด” (มธ 5:48)
พระเจ้าทรงความดีอย่างสมบูรณ์เพราะพระองค์ทรงอดกลั้น เราซึ่งเป็นบุตรของพระองค์จึงต้องอดกลั้นต่อคนที่เป็นศัตรูของเราหรือมองเราเป็นศัตรูของเขา โดยคิดเสียว่าเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร และให้เราสวดภาวนาเพื่อพวกเขาเช่นเดียว กับพระเยซูเจ้าด้วย
วันนี้ นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองว่า เรา “เป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในเรา” ในเมื่อพระจิตเจ้าทรงพำนักอยู่ในตัวเรา ให้เราวอนขอพระองค์โปรดให้เรามีความอดกลั้นเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้า และขอให้เราเริ่มต้นภาวนาทุกๆ วันว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้าผู้มีพระทัยอ่อนโยนและสุภาพ โปรดให้จิตใจของเราละม้ายคล้ายพระองค์ด้วยเทอญ”