มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ สัปดาห์ที่ 2 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

 

 

มีนิทานอีสปเรื่องหนึ่งเล่าว่า สุนัขป่าตัวหนึ่งไปเจอลูกแกะหลงฝูงตัวหนึ่ง แทนที่มันจะตะครุบลูกแกะกินทันที มันพยายามให้เหตุผลก่อนว่าทำไมมันจึงจะต้องกินลูกแกะ มันพูดว่า
“เอ็งนี่แหละสบประมาทข้าเมื่อปีที่แล้ว”
ลูกแกะตอบเสียงอ่อยๆ ว่า “ท่านครับ ตอนนั้นผมยังไม่เกิดเลยครับ”
สุนัขป่าหาเหตุใหม่ว่า “แต่เอ็งมาหากินในทุ่งหญ้าของข้า”
ลูกแกะตอบว่า “ท่านครับ ผมยังไม่เคยกินหญ้าเลยครับ”
สุนัขป่าหาเรื่องต่อว่า “ถ้างั้น เอ็งก็มากินน้ำในบ่อน้ำของข้า”
ลูกแกะอุทานว่า “ไม่ครับ เป็นไปไม่ได้ครับ จนถึงตอนนี้ผมยังดื่มแต่นมแม่อยู่เลย”
ลูกแกะพูดยังไม่ทันจบดี สุนัขป่าก็พูดสวนกลับว่า “ดีละ ถึงเอ็งจะลบล้างข้อกล่าวหาของข้าได้ทุกข้อ ข้าก็ไม่ยอมอดอาหารเย็นหรอก” ว่าแล้วก็ตะครุบลูกแกะกินทันที
พี่น้องครับ อีสปเล่านิทานเรื่องนี้ให้เรามนุษย์ฟัง ก็แปลว่าเขามองความสัมพันธ์ระหว่างเรามนุษย์ด้วยกันเองเป็นเหมือนสุนัขป่ากับลูกแกะ และก็ไม่ใช่อีสปคนเดียวที่มองเช่นนี้ โธมัส ฮอบส์ นักปรัชญาชาวอังกฤษ ก็กล่าวทำนองเดียวกันในหนังสือชื่อ “เลวีอาธาน” ซึ่งออกมาในปี 1651 และกลายเป็นพื้นฐานของปรัชญาการเมืองตะวันตกว่า “มนุษย์เป็นเหมือนสุนัขป่าในท่ามกลางมนุษย์ด้วยกันเอง” และชาวแอฟริกันก็มีสุภาษิตว่า “ปลาเจริญเติบโตได้ก็โดยกินปลาตัวอื่น”
     พี่น้องฟังแล้วอาจจะคิดว่ามันน่ากลัวเกินจริง แต่หากเราหันมามองดูสังคมและความสัมพันธ์ระหว่างเรามนุษย์ด้วยกันเอง เราก็จะรู้สึกได้ว่ามนุษย์เราแบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มคนที่กดขี่และกลุ่มคนที่ถูกกดขี่ โดยเส้นแบ่งระหว่างคนสองกลุ่มนี้อาจจะเป็นเรื่องเพศ เรื่องเชื้อชาติ เรื่องฐานะทางสังคม หรือเรื่องความเชื่อทางศาสนาก็ได้
ในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ ประกาศกอิสยาห์จึงเปรียบความ สัมพันธ์ระหว่างเรามนุษย์ว่าเป็นเหมือนสุนัขป่ากับลูกแกะ เสือดาวกับลูกแพะ และลูกหมีกับลูกโค คือสุนัขป่าจะกินลูกแกะ เสือดาวจะกินลูกแพะ และลูกหมีจะกินลูกโค
แต่ข่าวดีก็คือ ประกาศกอิสยาห์ไม่ได้หยุดอยู่เพียงสัตว์ที่กดขี่กับสัตว์ที่ถูกกดขี่เท่านั้น อิสยาห์ยังมีวิสัยทัศน์และทำนายด้วยว่า เมื่อพระเมสสิยาห์ซึ่งก็คือพระกุมารเยซูเสด็จมา “สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ เสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคและลูกสิงโตจะหากินอยู่ด้วยกัน เด็กคนหนึ่งก็ยังนำมันไปได้” (อสย 11:6)
     หลายคนฟังแล้วคงบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้นแหละ สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะได้อย่างไรกันเพราะมันเป็นธรรมชาติของสุนัขป่าที่จะต้องกินลูกแกะอยู่แล้ว”
ใช่ ตามธรรมชาติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และก็เป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกันที่ตามธรรมชาติแล้วมนุษย์เราจะอยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกันดังที่ประกาศกอิสยาห์ทำนายไว้ เว้นแต่ว่าเราจะมีการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติภายในของเราอย่างถึงรากถึงแก่น โดยอาศัยการกลับใจตามที่นักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้างบอกเราในพระวรสารวันนี้ว่า “จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว”
เมื่อเรากลับใจ พระเจ้าจะทรงประทานพระหรรษทานเพื่อเปลี่ยนแปลงธรรมชาติของเราอย่างถึงรากถึงแก่น ทำให้เรามีจิตใจใหม่ แล้วเราจะเป็นดังที่ประกาศกอิสยาห์บรรยายในบทอ่านที่หนึ่งว่า “แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกของมันจะนอนอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนโคเพศผู้” (อสย 11:7)
     พี่น้องดูสิครับ สัตว์ที่กินเนื้ออย่างสิงโตและหมีหันมากินหญ้าเหมือนโค ก็แปลว่าพวกมันยอมอดเนื้อ พวกมันยอมเปลี่ยนธรรมชาติของพวกมัน และโดยวิธีนี้แหละ สัตว์ที่ดุร้ายจึงสามารถเรียนรู้และยอมรับสัตว์ที่อ่อนแอกว่า ว่าสัตว์ที่อ่อนแอกว่าก็มีความเสมอภาคที่จะมีชีวิตและก็มีชีวิตอย่างดีด้วย ส่วนสัตว์ที่อ่อนแอกว่าก็จะเรียนรู้ที่จะวางใจสัตว์ที่ดุร้ายกว่าและพร้อมที่จะให้อภัยและลืมความรุนแรงทั้งหลายทั้งปวงที่พวกมันต้องทนทรมานตลอดมาในอดีต
     พี่น้องครับ ขอให้สังเกตว่า ประกาศกอิสยาห์ไม่ได้บอกให้เรายอมทนหรือยอมทำใจแล้วก็จบกันไปเท่านั้น แต่พูดถึงสันติสุขที่ไม่เพียงไม่มีสงครามหรือการแตกแยกระหว่างกันเท่านั้น แต่เป็นสันติสุขที่ทุกคนดำเนินชีวิตปรองดองกันบนพื้นฐานของความยุติธรรม และบนพื้นฐานของการยอมรับซึ่งกันและกันว่าทุกคนต่างก็มีสิทธิที่จะมีชีวิตและก็มีชีวิตที่ดีด้วย
ต่อเมื่อสิงโตและสุนัขป่ายอมยกเลิกอภิสิทธิ์ของตนที่จะกินเนื้อแล้วหันมาเริ่มต้นกินหญ้าเหมือนวัวนั่นแหละ เราจึงจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน” แต่ตราบใดที่สัตว์บางตัวยังอ้างว่าตนมีสิทธิเหนือสัตว์ตัวอื่น ตราบนั้นก็จะไม่มีความยุติธรรมและสันติสุข
     วันนี้เราจึงควรหันมาทบทวนตัวเราเองว่า เวลาเราติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เราเคยคิดแต่ว่าเราต้องเป็นสิงโต คนอื่นต้องเป็นลูกแกะ เราต้องชนะ คนอื่นต้องแพ้ หรือไม่? แล้วมีทางไหมที่เราจะลดอภิสิทธิ์ของการเป็นสิงโตลงได้?
     ขอให้เราฟังนักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองวันนี้ว่า “ท่านจงยอมรับกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงยอมรับท่าน” และไม่เพียงสอนเท่านั้น นักบุญเปาโลยังวอนขอพระเจ้าโปรดประทานความพากเพียรและการปลอบใจแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบฉบับของพระเยซูเจ้าอีกด้วย
     พี่น้องครับ โดยการยอมรับซึ่งกันและกันนี่แหละ คือการดำเนินชีวิตสมกับที่ได้กลับใจแล้วตามที่นักบุญยอห์นเรียกร้องเราในพระวรสารวันนี้ และยังเป็นการเตรียมตัวต้อนรับพระกุมารโอกาสเตรียมรับเสด็จที่ดีที่สุดอีกด้วย

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown