บทเทศน์สอนวันอาทิตย์อาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา
- รายละเอียด
- หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
- ฮิต: 925
อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสในพระวรสารวันนี้ คงทำให้เราหลายคนอดคิดไม่ได้ว่าเศรษฐีคนนี้ทำอะไรผิดถึงต้องตกนรก ไม่เห็นมีข้อความตอนใดในพระวรสารเลยที่บ่งบอกว่าเขาร่ำรวยมั่งคั่งด้วยวิธีการที่ผิดๆ ไม่มีตอนใดเลยบอกว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้ลาซารัสต้องยากจนและน่าสมเพชเช่นนี้ อันที่จริง ไม่มีตอนใดด้วยซ้ำที่บอกว่าเมื่อลาซารัสมาขอเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเขาแล้วเขาปฏิเสธไม่ยอมให้ เขาไม่ได้ทำชั่วหรือก่อกรรมทำเข็ญแก่ผู้ใด สิ่งเดียวที่เรารู้คือเขาแต่งตัวหรูหราและกินเลี้ยงทุกวันซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะกระทำเช่นนี้ได้
แล้วทำไมเขาจึงต้องตกนรกด้วยล่ะ?
เพื่อจะตอบคำถามนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจคำว่า “บาป” อย่างไร?
เรามักจะเข้าใจหรือคิดแต่เพียงว่า บาปคือการกระทำผิดด้วยความคิด ด้วยวาจา และด้วยกิจการ แต่เรากลับลืมประการที่สี่ซึ่งสำคัญมาก นั่นคือ ด้วยการละเลย
ในบทข้าพเจ้าขอสารภาพบาปเราสวดว่า “ข้าพเจ้าขอสารภาพต่อพระเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพ และต่อพี่น้องด้วย ว่าข้าพเจ้าได้ทำบาปมากมาย ด้วยกาย วาจา ใจ และด้วยการละเลย” แต่ในชีวิตจริงเรากลับลืม “บาปด้วยการละเลย”
พระเยซูเจ้าจึงต้องการเตือนใจเราว่า บาปด้วยการละเลย คือไม่ทำในสิ่งที่เราทำได้และควรทำ ก็สามารถส่งเราลงนรกได้เช่นเดียวกับเศรษฐีที่เราได้ฟังในพระวรสารวันนี้
ลาซารัสซึ่งเป็นคนยากจนนอนซมอยู่ที่ประตูหน้าบ้านของเขา แต่เศรษฐีคนนี้กลับไม่สนใจใยดีเลย เขาอาจจะคิดในใจว่า “อะไรมันจะเกิดนอกบ้านของฉันก็ช่างมัน ไม่เกี่ยวกับฉัน” หรือไม่ก็คิดว่า “ฉันก็ทำงานของฉัน คนอื่นก็ควรจะทำงานของตน” หรือถ้าเป็นยุคนี้ ขณะที่สุนัขกำลังเลียแผลของลาซารัส เขาอาจจะแจ้งเทศกิจว่ามีขอทานอยู่หน้าบ้าน หรือร้ายไปกว่านั้น เมื่อลาซารัสตาย เขาอาจจะแจ้งมูลนิธิปอเต็กตึ้งให้มาเก็บศพไปฝังในขณะที่เขานั่งจิบกาแฟอยู่ในสตาร์บัคก็ได้
จริงอยู่ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดต่อลาซารัส แต่เขาผิดที่ไม่ได้ทำอะไร !
เขาพลาดโอกาสที่จะทำสิ่งดีๆ เขาพลาดที่จะยื่นมือของตนเองออกไปและหยิบยื่นความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ที่เขามีให้แก่ผู้ที่ตกอยู่ในความยากลำบากและขัดสน เขาทำบาปด้วยการละเลย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงตกนรก
ประกาศกอาโมสในบทอ่านที่หนึ่งวันนี้ก็ตอกย้ำพระดำรัสของพระเจ้าเช่นเดียวกับอุปมาวันนี้ว่า วิบัติจงเกิดแก่ผู้ที่เอาแต่ความสะดวกสบาย แล้วละเลยความทุกข์ยากของผู้อื่น
ปัญหาอีกประเด็นหนึ่งที่เราพบในอุปมาเรื่องนี้ก็คือ ทำไมลาซารัสถึงได้ไปสวรรค์ ทั้งๆ ที่ในพระวรสารวันนี้ ไม่เห็นมีตอนใดเลยที่บอกว่าเขาเป็นคนศรัทธาในพระเจ้าหรือได้ทำอะไรดีๆ บ้าง แม้แต่ประการเดียว
คำตอบของประเด็นนี้อยู่ที่ “ชื่อ”
ชื่อในพระคัมภีร์นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันบ่งบอกถึงธรรมชาติหรือตัวตนของคนๆ นั้น และนี่เป็นอุปมาเพียงเรื่องเดียวที่พระเยซูเจ้าทรงระบุว่าคนขอทานชื่อ “ลาซารัส” มิใช่เอ่ยลอยๆ ว่าขอทานคนหนึ่ง
Lazarus เป็นภาษาละตินซึ่งแปลงมาจากภาษาฮีบรู Eleazar ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าคือความช่วยเหลือของข้าพเจ้า”
ชื่อลาซารัสจึงบ่งบอกว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนยากจนเท่านั้น แต่ยังเป็นคนยากจนที่เชื่อและวางใจในพระเจ้าอีกด้วย และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงได้ไปอยู่ในอ้อมอกของอับราฮัมในสวรรค์
เพราะฉะนั้น เมื่อฟังอุปมาเรื่องนี้แล้ว เราต้องไม่เข้าใจผิดว่าชีวิตในโลกหน้ามันจะกลับตาลปัตรกับชีวิตในโลกนี้ คือ คนรวยจะกลายเป็นคนจน และคนจนจะกลายเป็นคนรวย แต่สิ่งที่อุปมาวันนี้ต้องการสอนเราก็คือ คนที่ร่ำรวยและใช้ความร่ำรวยของตนเพื่อรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์จะได้รับพระพรในชีวิตหน้าอย่างแน่นอน ส่วนคนยากจนที่ใช้ชีวิตอยู่ในความขมขื่น ขี้อิจฉา ไม่เชื่อและไม่วางใจในพระเจ้า ชีวิตในโลกหน้าก็ยังจะต้องทนทุกข์เหมือนเดิม
ข่าวดีในพระวรสารวันนี้ก็คือ หากตอนนี้เรารู้สึกว่ากำลังเป็นเหมือนลาซารัส มีทั้งโรคภัยไข้เจ็บ มีทั้งความยากจนมารุมเร้า ไม่มีใครเหลียวแล ก็ขอให้เชื่อและวางใจในพระเจ้าต่อไปเถอะ โดยคิดว่ามันจะดีต่อวิญญาณของเรา และถ้าเราคิดว่าเรากำลังได้รับพระพรจากพระเจ้าให้มีสิ่งของดีๆ ในชีวิตนี้ ไม่ต้องร่ำรวยถึงขั้นเศรษฐีก็ได้ ก็ขอให้เราเปิดประตูและชะโงกหน้าออกไปดูบ้าง เผื่อว่าลาซารัสกำลังนอนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเราก็ได้
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะเป็นเหมือนเศรษฐีหรือลาซารัส สิ่งที่สำคัญคือ ความเชื่อ
วันนี้ นักบุญเปาโลจึงกำชับทิโมธีและเราทุกคนว่า “จงต่อสู้อย่างดีเพื่อความเชื่อ” (1ทธ 6:12) เพราะเป้าหมายในการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก นั่นคือ “ชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้ดำเนินอยู่” (1ทธ 6:12) อันเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่าควรแก่การต่อสู้จริงๆ ดังที่พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา” (มธ 16:26)
พี่น้องครับ ในชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหามากมายรุมเร้าเราอยู่นั้น มีสิ่งต่างๆ ให้ต้องต่อสู้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับตัณหาและเนื้อหนังของเราเอง การต่อสู้กับความยากจน กับความเจ็บไข้ได้ป่วย กับความไม่เข้าใจกัน กับการทะเลาะวิวาท กับความโกรธ กับความอิจฉาริษยา ฯลฯ แต่สิ่งที่เราต้องต่อสู้ให้ดีที่สุดก็คือ การต่อสู้เพื่อความเชื่อ เพราะเชื่อแล้วยังมี “ชีวิตนิรันดรที่พระเจ้าทรงเรียกเราให้ดำเนิน” กำลังรอเราอยู่ทุกคน