มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

                                     

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์อาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา

     วันนี้พระวรสารโดยนักบุญลูกาเล่าเรื่องพระเยซูเจ้าทรงส่งบรรดาศิษย์ 72 คนออกไปประกาศข่าวดี ในขณะที่ผู้เขียนพระวรสารท่านอื่นเล่าเฉพาะการส่งอัครสาวก 12 องค์เท่านั้น
     ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เชื่อว่า ลูกาเล่าเรื่องการส่งบรรดาศิษย์ 72 คนเพิ่มเข้ามาก็เพื่อเน้นความเป็นสากลของข่าวดีของพระเยซูเจ้า เพราะเมื่อมัทธิวเล่าเรื่องพระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวก 12 องค์ออกไปประกาศข่าวดีนั้น พระองค์ตรัสสั่งว่า “อย่าเดินตามทางของคนต่างชาติ อย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย แต่จงไปหาแกะพลัดฝูงของวงศ์วานอิสราเอลก่อน” (มธ 10:5-6) นั่นก็คือให้จำกัดขอบเขตการประกาศข่าวดีอยู่เฉพาะชาวยิวเท่านั้น แต่เมื่อพระองค์ทรงส่งบรรดาศิษย์ 72 คนออกไปประกาศข่าวดีนั้น พระองค์ไม่ได้จำกัดขอบเขตใดๆ อีกทั้งจำนวน 72 นั้นก็คือจำนวนชนชาติต่างๆ ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในโลกหลังน้ำมหาวินาศ จึงเป็นสัญญลักษณ์ว่าพระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้ข่าวดีของพระองค์เผยแผ่ไปทั่วทุกชาติ ทุกมุมโลก นี่คือเป้าหมายด้านผู้รับข่าวดีของพระองค์
      พระวรสารวันนี้ยังมีอีกเป้าหมายหนึ่งของพระเยซูเจ้า นั่นคือเป้าหมายด้านผู้ประกาศข่าวดี
เราคริสตชนมักถือกันว่าอัครสาวก 12 องค์นั้นจำกัดอยู่เฉพาะผู้ที่รับศีลบวชเท่านั้น เพราะว่าระหว่างอาหารค่ำครั้งสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงสั่งเฉพาะอัครสาวกว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” (ลก 22:19) และผู้ที่ทำหน้าที่นี้ในระหว่างมิสซาก็คือผู้ที่รับศีลบวช เราก็เลยเหมารวมเอาว่าหน้าที่ประกาศข่าวดีเป็นของผู้ที่รับศีลบวชเท่านั้นด้วย
     พี่น้องครับ ในเมื่อลูกาเล่าว่าพระเยซูเจ้าทรงส่งบรรดาศิษย์ออกไปประกาศข่าวดี 2 ครั้ง ครั้งแรกคือส่งอัครสาวก 12 คน (ลก 9:1-6) และครั้งที่สองคือส่งบรรดาศิษย์ 72 คน (ลก 10:1-12) ก็แปลว่าหน้าที่ประกาศข่าวดีนั้นเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ทั้งผู้ที่รับศีลบวชและผู้ที่ไม่ได้รับศีลบวชด้วย
     เหตุผลของพระเยซูเจ้าที่ต้องการให้ผู้ที่ไม่ได้รับศีลบวชซึ่งก็คือเราฆราวาสมีส่วนร่วมในการประกาศข่าวดีของพระองค์ด้วยก็คือ “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย” (ลก 10:2) ซึ่งเหตุผลนี้เป็นจริงไม่ใช่เฉพาะในสมัยพระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นจริงและเป็นปัญหาใหญ่ของเราทุกวันนี้ด้วย
     เพื่อจะทำหน้าที่ประกาศข่าวดีที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมาย เราฆราวาสควรมีบทบาทอย่างไร?
     บทบาทของเราฆราวาสมี 2 ประการด้วยกัน ประการแรกพระองค์ทรงสั่งว่า “จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด” (ลก 10:2) นั่นก็คือให้เราสวดภาวนา อีกประการหนึ่งพระองค์ทรงสั่งว่า “จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า” (ลก 10:3) นั่นก็คือเราต้องมีส่วนร่วมในงานประกาศข่าวดีอย่างแข็งขันด้วย
     สรุปว่า เราคริสตชนทุกคนได้รับเรียกให้ทำหน้าที่ประกาศข่าวดีของพระเยซูเจ้า ทั้งด้วยการอุทิศตนสวดภาวนา และด้วยการอุทิศตนทำงานประกาศข่าวดี
     เราต้องสวดภาวนาราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของพระเจ้า และเราต้องทำงานประกาศข่าวดีราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราเอง เหมือนนักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองที่ไม่โอ้อวดสิ่งใดนอกจากเรื่องไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
ในการทำหน้าที่ประกาศข่าวดีนี้ พระเยซูเจ้าทรงแนะนำให้เราสุภาพถ่อมตน ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว ตลอดจนรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย
นักบุญลูกาเล่าในพระวรสารวันนี้ว่าหลังจากบรรดาศิษย์ทั้ง 72 คนออกไปทำหน้าที่ประกาศข่าวดีตามที่พระเยซูเจ้าทรงสั่งแล้ว พวกเขาก็พบกับความชื่นชมยินดี เพราะอาศัยพระนามของพระองค์ พวกเขาไม่เพียงรักษาโรคภัยไข้เจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้ปีศาจยอมอ่อนน้อมจำนนอีกด้วย (ลก 10:17)
     พี่น้องครับ ประเด็นสุดท้ายในพระวรสารวันนี้ก็คือ พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราในฐานะ “ผู้รับข่าวดี” ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่และความน่าสะพรึงกลัวจริงๆ หากเราปฏิเสธข่าวดีของพระองค์หรือไม่รับผิดชอบดำเนินชีวิตตามข่าวดีนั้น เพราะพระองค์ทรงสั่งให้ “สลัดฝุ่นทิ้งไว้ปรักปรำ” เรา
     พี่น้องครับ การตัดสินใจ “เลือกผิด” เช่นเลือกหวยผิดเบอร์ เลือกแทงบอลผิดข้าง เลือกคบคนผิด หรือเลือกทำเลทำมาหากินผิด ก็ย่อมทำให้เราเสียใจและเป็นทุกข์แสนสาหัสอยู่แล้วทั้งๆ ที่การเลือกผิดเหล่านี้เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือการคาดการณ์ผิดของเราเองก็ตาม
     สำมะหาอะไรกับการ “เลือกผิด” ด้วยการ “ปฏิเสธ” คำเชิญอันอบอุ่นของพระเจ้า ซึ่งเรารู้ได้อย่างชัดเจนและแน่นอนเพราะพระองค์ทรงส่งพระบุตรแต่เพียงพระองค์เดียวลงมาสอนและยืนยันด้วยชีวิตของพระองค์เอง จะไม่ยิ่งก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานใจจนน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งดอกหรือ ?
     เพราะฉะนั้น วันนี้ให้เราวอนขอพระเยซูเจ้าเพื่อเราทุกคนจะได้รับผิดชอบดำเนินชีวิตตามข่าวดีของพระองค์อย่างจริงจัง และไม่ว่าเราจะรับศีลบวชหรือไม่ก็ตาม เราจะได้อุทิศตนทั้งสวดภาวนาและทำงานประกาศข่าวดีตามที่พระองค์ทรงมอบหมาย เพื่อเราจะได้พบกับความชื่นชมยินดีเช่นเดียวกับบรรดาศิษย์ทั้ง 72 คนที่เราได้ฟังในพระวรสารวันนี้ด้วยเทอญ

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown