มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

บทที่ 4 : ฆราวาส

 

 

 อารัมภบท
    30.  สภาพระสังคายนาสากล  ได้จาระไนหน้าที่ต่าง ๆ ของฐานานุกรมแล้ว บัดนี้จึงยินดีหันมามองดูฐานะของสัตบุรุษคริสตชน  ที่เรียกว่า “ฆราวาส” (58)  ที่จริงเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวถึงประชากรของพระเป็นเจ้า  ก็เกี่ยวข้องสม่ำเสมอกันกับฆราวาส “ นักบวช (59)  และผู้ครองสมณเพศ (60) อย่างไรก็ดี  สำหรับพวกฆราวาสทั้งบุรุษและสตรี  เพราะฐานะและการงานของเขา  มีอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมในสมัยของเรานี้  จึงจำต้องพิจารณาดูรากฐานของพวกเขาให้ละเอียดขึ้น  บรรดาศาสนบริกร (61) ย่อมทราบดีว่า  บรรดาฆราวาสนำคุณประโยชน์มาสู่พระศาสนจักรทั้งหมดได้มากมายเพียงใด.  บรรดาชุมพาบาลทั้งหลายย่อมทราบอยู่ว่า  พระคริสตเจ้ามิได้ทรงตั้งพวกท่านเฉพาะพวกเดียว   ให้รับภารกิจทั้งหมดของพระศาสนจักรในด้านการช่วยโลกให้เอาตัวรอด,  แต่หน้าที่อันทรงเกียรติของพวกท่าน อยู่ที่เข้าใจภาระของชุมพาบาลต่อสัตบุรุษ  และรับรู้วิเศษพรต่าง ๆ ของพวกสัตบุรุษ  ตามที่ทุก ๆ คนต้องทำโดยทำนองของตน ๆ ร่วมกำลังร่วมแรงกันเพื่องานสาธารณะส่วนรวม “เหตุว่าจำเป็นที่ชาวเราทุกคน  ต้องบำเพ็ญความรักด้วยจริงใจ เราจึงจะเจริญขึ้นทุก ๆ ด้านในองค์ท่านผู้เป็นประมุขของเรา กล่าวคือ พระคริสตเจ้า.  อันพระวรกายทั้งครบของพระคริสตเจ้านั้น รวมตัวกันเป็นหนึ่งหน่วย  และประสานสมานกัน  โดยข้อต่อทั้งหลาย รับช่วงงานต่าง ๆ กัน ตามแต่งานและมาตราของอวัยวะทุกอวัยวะ, ทั้งนี้จึงทำให้ทั้งร่างกายเจริญเติบโตขึ้น,  เป็นการสร้างตนเองในความรัก  (อฟ. 4,15-16).

ความหมายของคำ “ฆราวาส”
    31.  คำ  “ฆราวาส”  กินความถึงกลุ่มสัตบุรุษคริสตชนทุกคน นอกจากบุคคลที่เป็นสมาชิกของศักดิ์สิทธิการ - อนุกรม และบรรดาผู้อยู่ในฐานะนักบวช  อันพระศาสนจักรรับรองแล้ว. สัตบุรุษคริสตชนเหล่านี้  คือ ผู้ที่สังกัดอยู่ในพระกายของพระคริสตเจ้าโดยทางการได้รับศักดิ์สิทธิการ - ล้างบาป เขาจึงได้ถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า, เขามีส่วนตามอย่าง (หรือทำนอง)  ของเขาในองค์พระคริสตเจ้า  ด้านภารกิจเป็นพระสงฆ์,  เป็นประภาษก (propheta) และเป็นพระราชาของพระองค์ท่าน เขาทำหน้าที่ดังกล่าวนี้  ตามส่วนตามอย่างของเขา ในฐานะเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า, กระทำในพระศาสนจักรและในมนุษยโลก.

ลักษณะฝ่ายโลก  เป็นลักษณะเฉพาะและพิเศษของพวกฆราวาส.  จริงอยู่  แม้บางครั้งสมาชิกแห่งศักดิ์สิทธิการ - อนุกรม อาจทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับคดีโลก  และกระทั้งบางครั้งก็ทำอาชีพทางโลกด้วย ถึงกระนั้นท่านก็ยังคงสังกัดอยู่ในศักดิ์สิทธิการ - อนุกรมอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องด้วยพระกระแสเรียกพิเศษของพวกท่านและท่านก็ได้รับแต่งตั้งเป็นพิเศษ และอย่างประจักษ์แจ้งเด่นชัดสำหรับปฏิบัติภารกิจศักดิ์สิทธิ์,  ส่วนพวกนักบวชโดยฐานะของท่าน ก็แสดงให้เห็นประจักษ์เด่นชัดและเป็นพิเศษว่าโลกไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้  และไม่อาจนำขึ้นถวายพระเป็นเจ้าได้เมื่ออยู่นอกจิตตารมณ์  “มหาบุญลาภ”  เป็นหน้าที่เฉพาะของพวกฆราวาส  เนื่องจากเป็นกระแสเรียกเฉพาะของพวกเขา ที่จะแสวงหาพระราชัยของพระเป็นเจ้า  เฉพาะอย่างยิ่งโดยเอาธุระเกี่ยวข้องกับข้าวของของโลกนี้ และจัดระเบียบให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า. เขาดำรงชีพอยู่ในโลก  หมายความว่ามีหน้าที่, มีงานทุก ๆ อย่างและแต่ละอย่างในโลก,  เขาอยู่ในฐานะปกติธรรมดาของชีวิตครอบครัวและสังคม, การเป็นอยู่ของพวกเขา,  จากฐานะต่าง ๆ เหล่านี้  ทอเป็นผืนผ้าทีเดียวก็ว่าได้.  เพราะเขาอยู่ในฐานะหน้าที่อย่างนี้แหละ พระเป็นเจ้าจึงทรงเรียก

ศักดิ์ศรีของฆราวาสในฐานะเป็นสมาชิกประชากรของพระเป็นเจ้า
    32.  พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ ที่พระเป็นเจ้าทรงสถาปนาขึ้น  มีระเบียบและดำเนินงานหลายสีหลายอย่างต่างกัน,  เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจนักหนา. “เหตุว่าในร่างกายอันหนึ่ง  เรามีอวัยวะหลายอัน, ทุก ๆ อวัยวะไม่ทำหน้าที่อันเดียวกัน  ฉันใด, ก็ฉันนั้น  เรามากคนด้วยกันรวมเป็นร่างกายเดียวของพระคริสตเจ้า เราต่างคนก็ต่างเป็นอวัยวะของกันและกัน” (รม. 12,4-5)

เป็นอันว่า ประชากรของพระเป็นเจ้า  ที่พระองค์ได้ทรงเลือกสรรไว้ มีประชากรเดียว : “มีพระสวามีเจ้าเดียว,  ความเชื่ออันเดียว,  ศักดิ์สิทธิการ - ล้างบาปอันเดียว” (อฟ. 4,5) ;  เกียรติศักดิ์ร่วมกันของมวลสมาชิก  เนื่องจากพวกเขาได้เกิดใหม่ในพระคริสตเจ้า,  มีพระหรรษทานร่วมกันเป็นลูก  (ของพระเป็นเจ้า), มีพระกระแสเรียกร่วมกัน,  มีความรอดอันเดียวกัน, มีความหวังอันเดียวและมีความรักอันแบ่งแยกมิได้. เพราะฉะนั้น  ในพระคริสตเจ้าและในพระศาสนจักร หามีความไม่เสมอภาคอันใดเลย,  ไม่ว่าด้านเชื้อชาติหรือด้านประเทศชาติ,  ไม่ว่าด้านฐานะทางสังคมหรือทางเพศ เพราะว่า “ไม่มีชาวยิวหรือชาวกรีก, ไม่มีผู้ชายหรือผู้หญิง,  เหตุว่าพวกท่านทุก ๆ คน  เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเยซู” (กล. 3,28 กริก ; เทียบ คส. 3,11).

ฉะนั้น แม้ภายในพระศาสนจักร  ไม่ใช่ทุกคนดำเนินตามทางเดียวกัน,  อย่างไรก็ดี ทุกคนได้รับพระกระแสเรียกไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และได้รับส่วนแบ่งปันเท่าเสมอกัน  ในด้านความเชื่อที่นำไปสู่ความดีพร้อมของพระเป็นเจ้า  (เทียบ 2 ปต. 1,1).  แม้ว่าสำหรับบางท่าน,  พระคริสตเจ้าได้ทรงพอพระทัยแต่งตั้งเขาขึ้นให้เป็นอาจารย์,  เป็นผู้แจกจ่ายพระอคาธัตถ์ต่าง ๆ และเป็นชุมพาบาลเลี้ยงดูคนอื่น ๆ  ถึงกระนั้น  ก็มีความเสมอภาคอันแท้จริงระหว่างเขาทุกคน  ในด้านศักดิ์ศรี และด้านการงาน  อันเป็นของทั่วไปสำหรับสัตบุรุษทุกคน ในเรื่องการสร้างพระคริสตวรกาย. อันความแตกต่างที่พระสวามีเจ้าได้ทรงแต่งตั้งไว้ระหว่างพวกผู้ทำบริการทางพระศาสนา และประชากรส่วนอื่นของพระเป็นเจ้านั้น ก็บรรจุความผูกพันกันอยู่ในตัวเองด้วย : พวกชุมพาบาลและสัตบุรุษอื่นต่างก็ผูกพันกัน ด้านความต้องการชนิดต่าง ๆ ร่วมกัน  บรรดาชุมพาบาลของพระศาสนจักร,  ท่านเจริญรอยตามพระแบบฉบับของพระสวามีเจ้า : ท่านรับใช้กันและกัน  และรับใช้สัตบุรุษอื่น ๆ ส่วนสัตบุรุษก็ขมีขมันเข้าช่วยเหลือร่วมงานกับพวกชุมพาบาลของพระอาจารย์.  ดังนี้เอง ในการแตกต่างกัน  ทุก ๆ คนต่างยืนยันเป็นพยานของเอกภาพอันน่าอัศจรรย์ใจของพระคริสตวรกาย ความแตกต่างนั้นเอง ของพระหรรษทาน, ของภาระหน้าที่และของการงานรวบรวมลูก ๆ ของพระเป็นเจ้าเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, ทั้งนี้เพราะว่า  “สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ผู้กระทำก็คือ  พระจิตเจ้าองค์หนึ่งองค์เดียวกันนั้นเอง” (1 คร. 12,11)

เพราะฉะนั้น, ฆราวาสทั้งหลาย, ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระเป็นเจ้า  ให้มีพระคริสตเจ้าเป็นพี่, พระองค์นี้ แม้ทรงเป็นเจ้าของสรรพสิ่ง, ถึงกระนั้นได้เสด็จมาไม่ใช่เพื่อให้ใครรับใช้พระองค์.  แต่เพื่อทรงรับใช้คนอื่น (เทียบ มธ. 12,11) นี้มีอุปมาฉันใดก็มีอุปไมยฉันนั้น ท่านมีพี่น้องคือบรรดาผู้ทำหน้าที่บริการพระศาสนา, เดชะอำนาจอาชญาสิทธิ์ของพระคริสตเจ้า. เขาเป็นผู้เลี้ยงดูครอบครัวของพระเป็นเจ้าด้วยการสั่งสอน, ด้วยการบันดาลความศักดิ์สิทธิ์  และด้วยการปกครอง  เพื่อให้ทุก ๆ คนปฏิบัติอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ตามพระบัญญัติใหม่, พระบัญญัติแห่งความรัก. เรื่องนี้นักบุญออกุสตินกล่าวไว้อย่างสวยงามมาก  ท่านว่า :  “ที่ใดข้าพเจ้ารู้สึกหนักใจ  เพราะต้องเป็นอยู่เพื่อพวกท่าน,  ที่นั้นข้าพเจ้าก็รู้สึกชุ่มชื่นใจ เพราะอยู่ร่วมกับพวกท่าน. สำหรับท่าน,  ข้าพเจ้าเป็นพระสังฆราช  ร่วมอยู่กับพวกท่าน.  ข้าพเจ้าก็เป็นคริสตชน อย่างแรกเป็นนามของภาระหน้าที่, อย่างหลังเป็นนามของพระคุณหรรษทาน ;  อย่างแรกมีอันตราย  อย่างหลังมีความรอดพ้น”  (S Augustius, sermo 340 : PL. 38, 1483) ร้องให้เขาใช้การปฏิบัติหน้าที่ของเขา,  ให้เขาดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์ของพระวรสาร,  เขาจึงจะได้ก่อให้เกิดประโยชน์บันดาลความศักดิ์สิทธิ์แก่โลก เขาเป็นดังเชื้อแป้งที่ออกมาจากภายในตัวเขาก็ว่าได้. และดังนี้  เมื่อเขาส่องแสงเรืองรองด้วยชีวิต  (= การครองชีพ)  ของเขาเป็นต้น, ด้วยความเชื่อ, ความไว้ใจ, และความรัก เขาจะเผยให้คนอื่นทั้งหลายแลเห็นพระคริสตเจ้า. ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ในลักษณะพิเศษของฆราวาส ที่จะส่องสว่างเข้าไปในข้าวของต่าง ๆ ของโลก ที่เขาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแนบแน่น และเขาทำให้ข้าวของฝ่ายโลกนั้นเกิดมีขึ้น  และเจริญงอกงามขึ้นตามพระคริสตเจ้าเรื่อย ๆ ไป  และจะเป็นการซ้องสาธุการพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่อีกด้วย.

ชีวิตเกี่ยวกับความรอดพ้น และงานแพร่ธรรม
    33.  ฆราวาสทั้งหลาย  รวมกันเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า เขาสังกัดอยู่ในพระคริสตวรกายอันเดียว โดยมีศีรษะเดียว,  ทั้งนี้ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม, เขามีกระแสเรียก. ในฐานะเป็นอวัยวะที่มีชีวิต,  ให้นำเอาพลกำลังทั้งหมดที่เขาได้รับมาจากพระเมตตาคุณแห่งพระผู้สร้าง และจากพระหรรษทานแห่งพระผู้ไถ่,   ให้เขานำมาใช้เพื่อความเจริญก้าวหน้า   และเพื่อการประสาทความศักดิ์สิทธิ์อันเนืองนิตย์ของพระศาสนจักร.

การแพร่ธรรม (62) ของพวกฆราวาส คือ  การมีส่วนในภารกิจประสาทความรอดพ้นของพระศาสนจักรนั่นเอง. พระสวามีเจ้าพระองค์ท่านเอง  ได้ทรงแต่งตั้งทุก ๆ คนให้ทำหน้าที่แพร่ธรรมโดยทางศักดิ์สิทธิการ - ล้างบาป  และศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ และเฉพาะอย่างยิ่งพระสดุดีบูชา  ประสาทและบำรุงเลี้ยงความรักต่อพระเป็นเจ้าและความรักต่อมนุษย์  อันความรักนี้แหละคือวิญญาณ  (หัวหน้า) ของการแพร่ธรรมทั้งหมด  ฆราวาสได้รับเรียกอย่างพิเศษทีเดียว  ให้ธำรงความเป็นอยู่ และการงานของพระศาสนจักรในสถานที่และในกรณีแวดล้อม,  ในสถานที่ที่พระศาสนจักรจะกลายเป็นเกลือดองแผ่นดินได้ ก็เฉพาะโดยทางฆราวาส, นี่แหละ  ฆราวาสทุก ๆ คน  เนื่องจากทานต่าง ๆ ที่เขาได้รับ,  เขาจึงเป็นพยานทั้งในขณะเดียวกันเขาก็เป็นอุปกรณ์อันมีชีวิตแห่งภารกิจของพระศาสนจักรนั่นเอง  ทั้งนี้ “ตามมาตราส่วนของของประทานจากพระเป็นเจ้า”  (อฟ. 4,7).

นอกจากการแพร่ธรรม  อันเป็นหน้าที่ของคริสตชนทุก ๆ คน, ไม่มีเว้นใครเลยแล้ว, ยังมีกรณีอื่น ๆ อีก  ที่อาจนำฆราวาสมารับใช้ร่วมมือใกล้ชิดยิ่งขึ้น  ในการแพร่ธรรมของพระฐานานุกรมอีกด้วย,  เป็นไปอย่างทางบุรุษและสตรีที่ได้ช่วยเหลือ  ท่านอัครสาวกเปาโล,  ในหน้าที่ประกาศพระวรสาร,  ในครั้งนั้นเขาได้เสียสละ  ออกแรงทำการงานเพื่อพระสวามีเจ้าเป็นอันมาก  (เทียบ อฟ. 4,3 : รม. 12,3…) นอกนั้น  ฆราวาสยังมีความสามารถเหมาะสมกับหน้าที่ของพระศาสนจักรด้วย,  เป็นหน้าที่ของฐานานุกรมที่จะนำฆราวาสมาใช้ปฏิบัติงาน เพื่อจุดประสงค์ทางวิญญาณด้วย.
เพราะฉะนั้น  ฆราวาสทุก ๆ คน  จึงมีภาระอันสูงศักดิ์บังคับให้เขาออกแรงทำงานเพื่อบรรลุความประสงค์ของพระเป็นเจ้าโดยนำเอาความรอดไปสู่มนุษย์ทุก ๆ คน, ทุก ๆ สมัย,  ทุก ๆ แห่งหน, และยิ่งวันยิ่งมากขึ้น. ฉะนั้น จึงต้องเปิดทางทุก ๆ ด้านให้พวกฆราวาสเองเข้ามาร่วมมือทำการงานตามพละกำลังของเขา และตามความจำเป็นของกาลเวลา ในภารกิจของพระศาสนจักรเอง  กล่าวคือ  งานบันดาลความรอดพ้น โดยอาศัยพวกฆราวาสร่วมมือลงแรงด้วย.

ฆราวาสมีส่วนร่วมในสังฆภาพทั่วไป และในคารวกิจ
    34.  พระเยซูคริสตเจ้า  องค์พระสงฆ์สูงสุดนิรันดร, เพราะทรงมีพระประสงค์จะให้พวกฆราวาสด้วยเป็นพยานยืนยัน  และเป็นผู้ร่วมพระภารกิจของพระองค์,  จึงได้ทรงบันดาลให้พวกฆราวาสมีชีวิตด้วยพระจิตของพระองค์  และทรงกระตุ้นเตือนพวกเขาเรื่อยไปไม่หยุดหย่อน  ให้ไปสู่ความดีทุกอย่าง  และความครบครันทุกประการ.

บรรดาบุคคลที่พระองค์ทรงพระกรุณา ร่วมสนิทชิดเชื้อกับเขา ทางพระชนม์ชีพและทรงภารกิจนั้น, พระองค์ยังประทานให้เขามีส่วนในภารกิจสังฆภาพของพระองค์  อีกโสดหนึ่งด้วยสำหรับให้เขาปฏิบัติคารวกิจด้านจิตใจ  เพื่อให้พระเป็นเจ้าทรงได้รับพระเกียรติมงคล  และให้มวลมนุษย์ได้รับความรอดพ้นด้วย เพราะฉะนั้น  พวกฆราวาส เนื่องจากได้ถวายตัวแด่พระคริสตเจ้าและได้รับการเจิมทาจากพระจิตเจ้า, เขาจึงได้รับพระกระแสเรียกอันน่าพิศวง และประกอบด้วยวิธีการอันทำให้พระจิตเจ้าเองทรงผลิตผลานุผลยิ่งๆ ขึ้นเสมอไปในตัวเขา. เหตุว่า  การกระทำทุกอย่าง  ทุกประการของเขา เช่นการสวดมนต์ภาวนา, การเริ่มงานแพร่ธรรม, วิสาสะ (63)  ประสาสามีภรรยาและครอบครัว,  การงานที่เขาประกอบทุก ๆ วัน, การพักผ่อนหย่อนใจ  ผ่อนกาย,  ในเมื่อเขากระทำขณะมีพระจิตเจ้าประทับอยู่, และกระทั่งความยุ่งยากต่าง ๆ ของชีวิต  ในเมื่อเขาเพียรอดทน,  สิ่งทั้งหลายดังกล่าวนี้ล้วนเป็นเครื่องบูชาฝ่ายจิตใจ,  “เป็นบูชาที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้า,  โดยอาศัยพระเยซูคริสตเจ้า” (เทียบ 1 ปต. 2,5), ในการฉลองพิธีกรรมพระสดุดีบูชา,  เครื่องบูชาของเขานี้  เมื่อนำมาร่วมกับการบูชาถวายพระกายของพระคริสตเจ้า, ก็ได้รับการนำขึ้นทูลถวายแด่พระบิดาเจ้า  ด้วยความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง : อาศัยวิธีการอันนี้เอง, ฆราวาสทั้งหลายในเมื่อประพฤติความศักดิ์สิทธิ์,  เขาก็กราบนมัสการพระเป็นเจ้าทุกแห่งหน, นับว่าเขายกถวายโลกทั้งโลกแด่พระเป็นเจ้า.
 

ฆราวาสมีส่วนร่วมในหน้าที่ประภาษกของพระคริสตเจ้า  และในการเป็นพยานยืนยัน
    35.  พระคริสตเจ้า, ประภาษกผู้ยิ่งใหญ่ ได้ทรงใช้พระชนม์ชีพของพระองค์ท่านเองเป็นเครื่องยืนยันและได้ทรงใช้พระวาจาอันทรงเดช เพื่อประกาศพระราชัยของพระบิดา, พระภารกิจของพระองค์อันนี้จะบรรลุผลสำเร็จ เมื่อจะถึงวันแสดงพระเกียรติมงคลของพระองค์อย่างครบบริบูรณ์. ในการบันดาลให้สำเร็จเป็นไปนั้น พระองค์มิใช่แต่ทรงใช้พระฐานานุกรม ซึ่งสั่งสอนในนามของพระองค์ และด้วยอำนาจของพระองค์ แต่ทรงใช้พวกฆราวาสเข้าช่วยอีกด้วย. เพราะฉะนั้น  จึงทรงแต่งตั้งพวกฆราวาสขึ้นเป็นพยานทั้งโปรดให้พวกเขาประกอบอยู่ด้วย  แนวทางแห่งความเชื่อ (64)  และพระหรรษทานในวาจาคำพูด  (เทียบ กจ. 2,17-18; วว. 19,10)  เพื่อให้อำนาจแห่งพระวรสารเปล่งรัศมีในชีวิตประจำวัน, ชีวิตครอบครัวและชีวิตสังคม.  พวกเขาเองก็แสดงตนเป็นบุตรแห่งพันธสัญญา  ในเมื่อเขาตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อและความหวัง, เขาใช้เวลาในปัจจุบันให้เป็นประโยชน์  (เทียบ อฟ. 5,12 ; คส. 4,5), และเมื่อเขาตั้งใจคอยเกียรติมงคลในภายภาคหน้า  ด้วยความเพียรอดทน (เทียบ รม. 8,25).  อันความหวังที่กล่าวมานี้  พวกเขามิได้ปิดซ่อนไว้ภายในใจ  แต่เขาเผยแสดงออกมาภายนอก  ในการสร้างชีวิตของเขาในโลกนี้ ; โดยการพยายามกลับใจทำให้ตนดีขึ้นอยู่เนืองนิตย์  และโดยการออกแรงสู้รบ  “ต่อสู้เจ้านายแห่งความมืดมน,  ต่อสู้กับจิตแห่งความชั่วร้าย” (อฟ. 6,12).

 ศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ แห่งพันธสัญญาใหม่  ซึ่งชุบเลี้ยงชีวิตและงานแพร่ธรรมของสัตบุรุษ เป็นรูปหมายล่วงหน้าถึงฟ้าใหม่  และแผ่นดินใหม่  (เทียบ วว. 21,1)  ฉันใด,  บรรดาฆราวาสก็กลายเป็นโฆษกผู้เก่งกล้าแห่งความเชื่อ ที่เขามีต่อสิ่งที่เขาหวังจะได้รับ (เทียบ ฮบ. 11,1) ในเมื่อเขาไม่ลังเลใจนำเอาปฏิญญาจะยึดถือความเชื่อมารวมผูกติดกับชีวิตที่มาจากความเชื่อด้วย  ฉันนั้น.  การแพร่พระวรสารแบบนี้ กล่าวคือ การเผยแพร่ข่าวของพระคริสตเจ้าที่เราแสดงออกมาด้วยชีวิตของเรา, ด้วยวาจาของเราเป็นเครื่องยืนยัน  มีลักษณะพิเศษ,  มีอิทธิพลเฉพาะของตนคือผลิตผลให้สำเร็จเป็นไปท่ามกลางฐานะทั่ว ๆ ไปของโลก.

ในภารกิจดังกล่าวนี้  ปรากฏชัดว่ามีค่ามาก.  ฐานะของชีวิตที่มีศักดิ์สิทธิการคอยประสาทความศักดิ์สิทธิ์ให้ กล่าวคือ  ชีวิตแต่งงาน  และชีวิตครอบครัว. สนามฝึกและโรงเรียนแพร่ธรรมของฆราวาสอยู่ที่นี่เอง,  เป็นที่ซึ่งพระคริสตศาสนาแทรกซ่านเข้าไปในชีวิตทั้งชีวิต  และแปลงรูปให้ดียิ่งขึ้นทุก ๆ วันเรื่อยไป. ณ ที่นี้เองสามีภรรยามีหน้าที่โดยเฉพาะของเขา คือ  หน้าที่เป็นพยานความเชื่อ  และความรักต่อพระเป็นเจ้าแสดงให้เห็นประจักษ์ต่อกันและกัน และต่อลูก ๆ ของเขา.  เมื่อนั้นแหละครอบครัวคริสตชนก็ประกาศก้องซึ่งคุณธรรมต่าง ๆ อันมีอยู่ในพระราชัยของพระเป็นเจ้า  ทั้งประกาศแสดงความหวังจะได้ชีวิตอันเป็นสุข. ดังนี้เอง  แบบอย่างและการยืนยันของเขา  จะเป็นทางตำหนิติเตียนโลกที่ทำบาปกรรม และจะส่องแสงเป็นทางให้บรรดาคนที่แสวงหาความจริงได้แลเห็นความสว่าง.

เพราะฉะนั้น  พวกฆราวาสแม้กำลังทำกิจธุระฝ่ายโลก เขาก็สามารถทั้งต้องทำกิจธุระอันประเสริฐนั้น  คือ   การประกาศพระวรสารแก่ชาวโลก.  มีฆราวาสบางคน,   ในกรณีที่ขาดแคลนศาสนบริกร  หรือศาสนบริกรเองมีความขัดข้องทำหน้าที่ของตนไม่ได้เช่นในคราวถูกเบียดเบียน  ฆราวาสก็เข้าทำหน้าที่แทนตามอำนาจที่ตนได้รับ ; มีฆราวาสจำนวนมากกว่าอีก ที่ยอมเสียสละกำลังของเขาทั้งหมดเพื่อภารกิจงานแพร่ธรรม ; อย่างไรก็ดีฆราวาสทุกคนไม่เว้นใครเลย,  ต้องร่วมมือเพื่อขยับขยายและเพื่อความเจริญก้าวหน้าของพระคริสตราชัยในโลกนี้.  ฉะนั้น  ท่านฆราวาสทั้งหลาย,  จงใช้วิถีทางหาความรู้ให้มากยิ่งขึ้นเสมอในด้านความจริงที่พระโปรดไขแสดง และจงวิงวอนเร่งเร้าให้ตนได้รับพระพรความปรีชาจากพระเป็นเจ้าด้วยเทอญ.

36.  พระคริสตเจ้าได้ทรงนอบน้อมเชื่อฟัง จนกระทั่งได้ทรงยอมตาย, เพราะเหตุนี้พระบิดาจึงได้ทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้น  (เทียบ ฟป. 2,8-9) โปรดให้เสด็จเข้าสู่พระราชัยอันทรงเกียรติของพระองค์ พระองค์ท่านนี้สรรพสิ่งอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ จนกว่าจะทรงนำพระองค์เองและสรรพสิ่งทั้งหลายให้เข้ามาอยู่ใต้อำนาจของพระบิดา, ทั้งนี้เพื่อให้พระเป็นเจ้าทรงเป็นทุกสิ่งในทุกสิ่ง (เทียบ 1 คร. 15,27-28).  อำนาจอันนี้ พระองค์ได้ถ่ายทอดให้แก่พวกสานุศิษย์  เพื่อพวกเขาจะได้มีอิสระเสรีอย่างพระราชาและเพื่อให้พวกเขา  เมื่อได้เสียสละตนเอง  และบำเพ็ญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์, เขาจะได้มีชัยต่อราชัยของบาปที่ตั้งอยู่ในตัวเขา,  (เทียบ รม. 6,12)  ยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้เขารับใช้คนอื่น  เพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า,  อาศัยความสุภาพถ่อมตน  และความเพียรอดทน, เขาจะได้นำพวกพี่น้องเข้าเฝ้าพระราชา  ซึ่งผู้ใดรับใช้พระองค์ ผู้นั้นก็เป็นในหลวง. พระสวามีเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้แม้กระทั่งสัตบุรุษฆราวาส ทำการงานขยับขยายพระราชัยของพระองค์ให้แผ่ไพศาลออกไป,  พระราชัยนั้นคือ พระราชัยแห่งความจริงอันบันดาลชีวิต,  พระราชัยแห่งความศักดิ์สิทธิ์และแห่งพระหรรษทาน, พระราชัยแห่งความยุติธรรม,  ความรักและสันติสุข, เมื่ออยู่ในพระราชัยนี้ แม้สิ่งสร้างเองก็จะรอดพ้นจากความเป็นทาสของความผุเปื่อย,  กลับมามีอิสระเสรีอันทรงศักดิ์ศรีในฐานะเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า (เทียบ รม. 8,21),  นี่คือคำมั่นสัญญาอันใหญ่หลวงยิ่งนัก,  คือ คำกำชับอันยิ่งใหญ่จริง ๆ ที่พวกสานุศิษย์ได้รับ, นั่นคือ  “ทุกสิ่งเป็นของพวกท่าน, พวกท่านเป็นของพระคริสตเจ้า,  พระคริสตเจ้าเป็นของพระเป็นเจ้า”  (1 คร. 3,23).

เพราะฉะนั้นบรรดาสัตบุรุษ ต้องรู้จักสัตว์โลกเรื่องธรรมชาติอันลึกซึ้ง,  คุณค่าและลำดับจุดหมายต่าง ๆ ของมัน  ซึ่งก็เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระเป็นเจ้า.  และในการทำการงานต่าง ๆ ฝ่ายโลกนี้ เขายังต้องช่วยเหลือกันและกัน   เพื่อบำเพ็ญชีวิตที่ดีขึ้น    จนกระทั่งโลกจะเอิบอาบอยู่ด้วยจิตตารมณ์ของพระ คริสตเจ้า,  และบรรลุถึงจุดหมายของมัน  โดยได้รับผลสำเร็จยิ่งขึ้นในด้านความยุติธรรม, ความรักและสันติสุข.  ในการปฏิบัติหน้าที่อันนี้ โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว,  บรรดาฆราวาสอยู่ในแนวหน้าที่สำคัญอันดับหนึ่ง. ความสันทัดจัดเจนในธุรกิจฝ่ายโลก, ความอุตสาหะทำการงาน,   พร้อมทั้งพระหรรษทานต่าง ๆ ของพระ คริสตเจ้าที่เขามีอยู่ย่อมค้ำชูเขาขึ้น, คอยช่วยเหลืออยู่ภายในตัวเขา, ทำให้เขาออกแรงแข็งขัน, ทำให้ทรัพยากรซึ่งพระเป็นเจ้าทรงสร้างขึ้นนั้น ดำเนินไปตามจุดมุ่งหมายของพระผู้สร้าง และตามแสงสว่างของพระองค์ท่านด้วย. เขาต้องใช้เรี่ยวแรงของมนุษย์หลักวิชาการ  (เทคนิค)  และวัฒนธรรมของบ้านเมืองก่อให้เกิดประโยชน์ทั่วไปแก่มนุษย์ทุก ๆ คน  ทั้งต้องมีการแบ่งปันทรัพย์เหล่านั้นแก่มนุษย์ทุก ๆ คนทั่วไป  โดยทำนองที่เหมาะสมยิ่งขึ้น  และด้วยการกระทำอย่างนี้ เขาจะก่อให้เกิดความก้าวหน้าสากลทั่วไปในด้านอิสรเสรี (65) ของมวลมนุษย์และของคริสตชน ดังนี้แหละ พระคริสตเจ้าโดยทางสมาชิกของพระศาสนจักร,  จะทรงทอแสงความสว่างอันช่วยให้รอดของพระองค์ ไปยังสังคมมนุษยชาติทั้งหมด ยิ่งวันยิ่งทวีขึ้น.

นอกนั้นพวกฆราวาส เมื่อรวมกำลังกันยังสามารถบำบัดรักษาองค์การ และสถานะต่าง ๆ ของโลกเมื่อมันโน้มนำไปสู่บาป,  เขาจะนำให้สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เข้ามาสู่หลักความยุติธรรมและช่วยสนับสนุนคุณธรรม  แทนที่จะเป็นอุปสรรคขัดข้อง.  การปฏิบัติดังนี้  เป็นการทำความเจริญแก่วัฒนธรรม และทำให้การปฏิบัติการงานของมนุษย์ดีชอบ ชุ่มฉ่ำด้วยคุณค่าของศีลธรรม.  โดยการกระทำอย่างนี้เองอีกด้วย เนื้อนาของโลกจะสรรพพร้อมที่จะรับเมล็ดพันธุ์แห่งพระวาจาของพระเป็นเจ้า,  และประตูในสถานที่ต่าง ๆ จะเปิดอ้าเพื่อต้อนรับพระศาสนจักร, เป็นทางนำสันติสุขเข้ามาสู่ทั้งโลกจักรวาล.

เนื่องด้วยตัวระบบแห่งความรอดนี้เอง สัตบุรุษต้องสนใจและเอาใจใส่เรียนให้รู้แยกแยะสิทธิและหน้าที่ที่เขามี, ในฐานะร่วมอยู่ในพระศาสนจักร  และสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของของเขา  ในฐานะที่เป็นสมาชิกแห่งสังคมมนุษย์. เขาต้องพยายามประสานสมานสถานะทั้งสองนี้ให้สอดคล้องกลมเกลียวกัน, โดยระลึกอยู่เสมอว่าตัวเขาไม่ว่าจะอยู่ในธุรกิจฝ่ายโลกอันใด. มโนธรรมของคริสตชนต้องเป็นผู้นำของเขาอยู่เสมอ.  เพราะว่า  ไม่มีกิจกรรมอันใดของมนุษย์แม้ในเรื่องเกี่ยวกับโลกด้วย,  ไม่อาจรอดพ้นจากอำนาจของพระเป็นเจ้าไปได้.  ในสมัยของเราทุกวันนี้ จำเป็นอย่างที่สุดจะต้องแยกแยะ  พร้อมทั้งต้องมีความกลมกลืนประสานสมานกัน  ซึ่งจะต้องส่องแสงแจ่มจ้าที่สุด   ในทำนองการกระทำของสัตบุรุษ, คือ  ต้องให้ภารกิจแห่งพระศาสนจักรสามารถรับกันโดยสมบูรณ์แนบแน่นยิ่งขึ้น กับสถานะพิเศษปลีกย่อยของโลกในปัจจุบันนี้, เหตุว่า  เราต้องยอมรับว่าบ้านเมืองทางโลก ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับของฝ่ายโลกล้วน ๆ,  บ้านเมืองก็มีสิทธิ์ปกครองตามหลักเฉพาะของตน แต่เป็นการถูกต้องที่เราจะไม่ยอมรับคำสอนอันเป็นภัย  ซึ่งอาจอ้างว่า  จะสร้างสังคมโดยไม่ยอมเกี่ยวข้องกับศาสนา ทั้งเขายังต่อสู้และทำลายอิสรเสรีภาพของพลเมือง.

ด้านความเกี่ยวข้องกับพระฐานานุกรม
    37.  พวกฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษ คริสตชนทั้งหลาย, เขามีสิทธิ์ในทรัพย์ด้านวิญญาณของพระศาสนจักร, เป็นต้น  ในอันที่จะได้รับอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์,  อาหารแห่งพระวาจาของพระเป็นเจ้า  และศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ศาสนบริการ (66) เขาเพียงแต่ต้องแจ้งให้ท่านทราบถึงความต้องการและความปรารถนาของเขา,  อย่างมีอิสระเสรี  และด้วยความไว้วางใจประสาบุตรของพระเป็นเจ้า  และประสาเป็นพี่เป็นน้องในพระคริสตเจ้า.  อันความรู้ความสามารถและตำแหน่งหน้าที่ที่เขามี, เขามีสิทธิ์และบางทีมีหน้าที่อีกด้วย  ที่จะแจ้งให้ทราบถึงความคิดเห็นของเขา  เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพระศาสนจักร. การทั้งนี้ให้เขากระทำไป  ในเมื่อมีเหตุกรณี โดยเสนอเรื่องราวต่อองค์การต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้ตั้งไว้,  และให้เขาแสดงออกโดยสม่ำเสมอ ซึ่งความจริงใจ,  ความกล้าหาญและความรอบคอบ  ทั้งด้วยความเคารพ,  และความรักต่อบุคคลที่เพราะได้รับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์, ท่านจึงเป็นตัวแทนของพระคริสตเจ้า.

บรรดาฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษคริสตชนทั้งหลาย,  เมื่อผู้มีหน้าที่ศาสนบริการ ในฐานะเป็นผู้แทนของพระคริสตเจ้า, ในฐานะเป็นอาจารย์, เป็นผู้ปกครองพระศาสนจักร,  ท่านกำหนดสั่งสิ่งใด ก็จงรับทำทันที,  ขอให้เอาอย่างพระคริสตเจ้า,  พระองค์ทรงนอบน้อมเชื่อฟังจนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์  เพื่อเปิดทางให้มนุษย์ไปสู่มรรคาอันเป็นสุข อย่างบุตรของพระเป็นเจ้า.  ขออย่าเพิกเฉยในการภาวนาวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า,  เพื่อผู้ปกครองของตน ด้วยว่าท่านมีหน้าที่ดูแลชาวเรา, และท่านจะต้องให้การต่อพระเป็นเจ้าเรื่องวิญญาณของชาวเรา ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้ปฏิบัติหน้าที่ของท่านด้วยความชุ่มชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความหนักใจ (เทียบ ฮบ. 13,17).

ฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ศาสนบริการ  (หรือชุมพาบาล)  ทั้งหลายก็จงรับรู้ศักดิ์ศรีและความรับผิดชอบของฆราวาส, ต้องส่งเสริมเขาด้วย ; จงยินดีรับความคิดเห็นอันปรีชาฉลาดของพวกเขา,  จงวางใจมอบตนแก่เขาเพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักร,  จงปล่อยเขาให้มีเสรีภาพในการทำการงาน และจงให้เวลาแก่พวกเขา, ยิ่งไปกว่านั้น จงส่งเสริมให้พวกเขามีกำลังใจ, ให้เขาเริ่มงานด้วยตัวของเขาเอง,  จงมีความรักประสาพ่อ พิจารณาดูการงานที่เขาเริ่มขึ้น,  มองดูในองค์พระคริสตเจ้า ซึ่งความหวังและความปรารถนาที่พวกฆราวาสเสนอ,  อิสรภาพอันยุติธรรม, ซึ่งใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ในสังคมบ้านเมือง, ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ศาสนบริการจงรับรู้ด้วยความเคารพไว้ด้วย.
เมื่อพวกฆราวาสและศาสนบริกรต่างคบค้ากันอย่างสนิทสนมดังนี้ ก็หวังได้ว่า พระศาสนจักรจะได้รับคุณประโยชน์มากมาย เช่น ฆราวาสจะมีความสำนึกในการรับผิดชอบส่วนของเขาโดยเฉพาะอย่างแน่วแน่ขึ้น, เขาจะมีแก่ใจสละกำลังเรี่ยวแรงร่วมงานของพระศาสนจักรง่ายขึ้น. ฝ่ายศาสนบริกร  เพราะได้รับความช่วยเหลือจากฆราวาส ท่านจะตัดสินด้วยความแน่ใจขึ้น  และเหมาะสมขึ้น  ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับโลก.  จึงจะเป็นอันว่า พระศาสนจักรทั้งพระศาสนจักรจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย อาศัยสมาชิกของท่าน เพื่อชีวิตของโลก โดยได้รับผลสำเร็จยิ่งขึ้น.

ด้านความเกี่ยวข้องกับพระฐานานุกรม
    37.  พวกฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษ คริสตชนทั้งหลาย, เขามีสิทธิ์ในทรัพย์ด้านวิญญาณของพระศาสนจักร, เป็นต้น  ในอันที่จะได้รับอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์,  อาหารแห่งพระวาจาของพระเป็นเจ้า  และศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ศาสนบริการ (66) เขาเพียงแต่ต้องแจ้งให้ท่านทราบถึงความต้องการและความปรารถนาของเขา,  อย่างมีอิสระเสรี  และด้วยความไว้วางใจประสาบุตรของพระเป็นเจ้า  และประสาเป็นพี่เป็นน้องในพระคริสตเจ้า.  อันความรู้ความสามารถและตำแหน่งหน้าที่ที่เขามี, เขามีสิทธิ์และบางทีมีหน้าที่อีกด้วย  ที่จะแจ้งให้ทราบถึงความคิดเห็นของเขา  เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพระศาสนจักร. การทั้งนี้ให้เขากระทำไป  ในเมื่อมีเหตุกรณี โดยเสนอเรื่องราวต่อองค์การต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้ตั้งไว้,  และให้เขาแสดงออกโดยสม่ำเสมอ ซึ่งความจริงใจ,  ความกล้าหาญและความรอบคอบ  ทั้งด้วยความเคารพ,  และความรักต่อบุคคลที่เพราะได้รับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์, ท่านจึงเป็นตัวแทนของพระคริสตเจ้า.

บรรดาฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษคริสตชนทั้งหลาย,  เมื่อผู้มีหน้าที่ศาสนบริการ ในฐานะเป็นผู้แทนของพระคริสตเจ้า, ในฐานะเป็นอาจารย์, เป็นผู้ปกครองพระศาสนจักร,  ท่านกำหนดสั่งสิ่งใด ก็จงรับทำทันที,  ขอให้เอาอย่างพระคริสตเจ้า,  พระองค์ทรงนอบน้อมเชื่อฟังจนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์  เพื่อเปิดทางให้มนุษย์ไปสู่มรรคาอันเป็นสุข อย่างบุตรของพระเป็นเจ้า.  ขออย่าเพิกเฉยในการภาวนาวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า,  เพื่อผู้ปกครองของตน ด้วยว่าท่านมีหน้าที่ดูแลชาวเรา, และท่านจะต้องให้การต่อพระเป็นเจ้าเรื่องวิญญาณของชาวเรา ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้ปฏิบัติหน้าที่ของท่านด้วยความชุ่มชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความหนักใจ (เทียบ ฮบ. 13,17).

ฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ศาสนบริการ  (หรือชุมพาบาล)  ทั้งหลายก็จงรับรู้ศักดิ์ศรีและความรับผิดชอบของฆราวาส, ต้องส่งเสริมเขาด้วย ; จงยินดีรับความคิดเห็นอันปรีชาฉลาดของพวกเขา,  จงวางใจมอบตนแก่เขาเพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักร,  จงปล่อยเขาให้มีเสรีภาพในการทำการงาน และจงให้เวลาแก่พวกเขา, ยิ่งไปกว่านั้น จงส่งเสริมให้พวกเขามีกำลังใจ, ให้เขาเริ่มงานด้วยตัวของเขาเอง,  จงมีความรักประสาพ่อ พิจารณาดูการงานที่เขาเริ่มขึ้น,  มองดูในองค์พระคริสตเจ้า ซึ่งความหวังและความปรารถนาที่พวกฆราวาสเสนอ,  อิสรภาพอันยุติธรรม, ซึ่งใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ในสังคมบ้านเมือง, ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ศาสนบริการจงรับรู้ด้วยความเคารพไว้ด้วย.


เมื่อพวกฆราวาสและศาสนบริกรต่างคบค้ากันอย่างสนิทสนมดังนี้ ก็หวังได้ว่า พระศาสนจักรจะได้รับคุณประโยชน์มากมาย เช่น ฆราวาสจะมีความสำนึกในการรับผิดชอบส่วนของเขาโดยเฉพาะอย่างแน่วแน่ขึ้น, เขาจะมีแก่ใจสละกำลังเรี่ยวแรงร่วมงานของพระศาสนจักรง่ายขึ้น. ฝ่ายศาสนบริกร  เพราะได้รับความช่วยเหลือจากฆราวาส ท่านจะตัดสินด้วยความแน่ใจขึ้น  และเหมาะสมขึ้น  ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับโลก.  จึงจะเป็นอันว่า พระศาสนจักรทั้งพระศาสนจักรจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย อาศัยสมาชิกของท่าน เพื่อชีวิตของโลก โดยได้รับผลสำเร็จยิ่งขึ้น.

 

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown