มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

บทที่ 8 พระนางพรหมจารีมารี พระเทวมารดาในพระอคาธัตถ์เกี่ยวสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าและในพระอคาธัตถ์สัมพันธ์กับพระศาสนจักร

 

 

 

บทที่  8 พระนางพรหมจารีมารี พระเทวมารดาในพระอคาธัตถ์เกี่ยวสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าและในพระอคาธัตถ์สัมพันธ์กับพระศาสนจักร
    
บทนำ : พระนางพรหมจาริณี ในพระอคาธัตถ์เกี่ยวสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า
    
52.  พระเป็นเจ้าทรงพระทัยเมตตากรุณานักหนา  ทั้งทรงพระปรีชาญาณหาที่เปรียบมิได้  ได้ทรงมุ่งจะทรงไถ่มนุษย์โลกให้จงได้. “ครั้นถึงกำหนดเวลา พระองค์จึงได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์ ให้มาบังเกิดจากสตรี….. เพื่อบันดาลให้ชาวเราได้รับการเป็นบุตรบุญธรรม” (กล. 4,4-5). ฉะนั้นพระบุตรของพระเป็นเจ้า  เพราะทรงเห็นแก่เรามนุษย์  และเพื่อทรงช่วยให้ชาวเราได้รอด จึงได้ทรงรับเอาเนื้อหนังจากรพะนางพรหมจาริณีมารี  ด้วยเดชะอิทธิฤทธิ์ของพระจิตเจ้า. “พระอคาธัตถ์การช่วยให้รอดอันนี้  เปิดเผยขึ้นเพื่อชาวเรามนุษย์  และยังคงดำรงอยู่ต่อมาในพระศาสนจักร  อันซึ่งพระสวามีเจ้าได้ทรงสถาปนาขึ้นให้เป็นพระวรกายของพระองค์ท่านเอง” และในพระศาสนจักรนี้  บรรดาสัตบุรุษผู้เป็นพวกพ้องติดสอยห้อยตามพระคริสตเจ้า,  องค์พระประมุขและร่วมมิตรภาพเป็นหนึ่งเดียวกับบรรดานักบุญทั้งหลายของพระองค์, ดังนั้น  ผู้ที่ชาวเราทุกคนต้องเฉลิมฉลองระลึกถึงก็คือ “ก่อนอื่นหมดพระนางพรหมจาริณีตลอดกาล,  องค์พระแม่มารี, พระชนนีของพระเป็นเจ้าและของพระเยซูคริสตเจ้า, พระสวามีของชาวเรานั่นเอง”

พระนางพรหมจาริณีกับพระศาสนจักร


    53.  พระนางพรหมจาริณีนี้ ขณะเทวทูตมาแจ้งสาร,  พระนางก็ได้ทรงรับเอาพระวจนาตถ์ของพระเป็นเจ้าไว้ในพระหทัยและในพระวรกายด้วย,  และได้ทรงนำเอาองค์ชีวิตมาเสนอต่อมนุษยโลกซึ่งเป็นที่รับรู้,  พระนางได้ทรงรับพระเกียรติยศว่าเป็นพระมารดาของพระเป้นเจ้าผู้เป็นพระมหาไถ่. เดชะบุญญาบารมีแห่งพระบุตรของพระนาง พระแม่เจ้าได้ทรงรับการไถ่ด้วยวิธีอันสุขุมล้ำเลิศ ทั้งทรงผนึกแน่นเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตรด้วยสายสัมพันธ์อันกระชับแน่นและไม่รู้เสื่อมสลาย,  ทรงได้รับพระภาระหน้าที่อันทรงพระเกียรติยศสูงส่ง (56 ทวิ) จนกระทั่งเป็นพระชนนีแห่งพระบุตรของพระเป็นเจ้า, พระเทวบุตร (72)  ฉะนั้นพระแม่เจ้าจึงทรงเป็นพระธิดาสุดที่รักเสน่หาของพระบิดา  ทั้งทรงเป็นปูชนียสถานของพระจิตเจ้า.  โดยพระหรรษทานอันแสนประเสริฐนี้  พระแม่เจ้าจึงประทับอยู่เหนือและไกลลิบลับจากสัตว์โลกทุกตัวตน  ทั้งที่เป็นชาวสวรรค์  ทั้งที่เป็นชาวแผ่นดินโลก. ในขณะเดียวกันพระนางก็ทรงสืบสายโลหิตมาจากอาดัมจึงทรงมีสายสัมพันธ์กับมนุษย์ทั้งผู้ที่จะได้รับการกอบกู้,  กว่านั้นอีก “ทรงเป็นพระมารดาโดยแท้ของบรรดาอวัยวะต่าง ๆ  (ของพระคริสตเจ้า)…. เพราะว่า พระแม่เจ้าอาศัยความรักโดยทรงร่วมมือในการให้สัตบุรุษเกิดขึ้นในพระศาสนจักร,  สัตบุรุษนั้นก็คืออวัยวะของศรีษะองค์พระประมุขนั่นเอง เพราะฉะนั้นพระแม่เจ้าในฐานะเป็นอวัยวะชิ้นยอดเยี่ยม  และพิเศษอย่างยิ่ง เฉพาะอันเดียวในพระศาสนจักร,  พระแม่เจ้าทรงเป็นตัวแบบและแบบอย่างอันน่าพิศวง  ด้านความเชื่อและความรักของพระศาสนจักร,  ทรงเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง  และพระศาสนจักรคาทอลิกโดยพระจิตเจ้าโปรดให้ท่านรู้แจ้งเห็นจริง จึงมีความศรัทธาประสาลูก, ยึดถือพระแม่เจ้าเป็นพระมารดาที่สุดเสน่หา.

เจตจำนงของสภาพระสังคายนา
    
54.  สภาพระสังคายนาสากล  คราวเมื่ออธิบายพระธรรมคำสอนเรื่องพระศาสนจักร  ในอัตถ์กล่าวถึงพระมหาไถ่ทรงประกอบการบันดาลความรอด.  สภานี้สนใจบรรยายเรื่องพระภารกิจของพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ ในพระอคาธัตถ์เรื่องพระวจนาตถ์เสด็จมารับเป็นมนุษย์  (ทรงรับเอาเนื้อหนัง) (73) และเรื่องพระอคาธกาย  (Corpus mysticum). ทั้งเรื่องหน้าที่ของมวลมนุษย์ผู้ได้รับการไถ่ที่จะต้องมีต่อพระเทวมารดา, พระชนนีของพระคริสตเจ้าและของมวลมนุษย์ เฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นสัตบุรุษ,  ถึงกระนั้นสภานี้มิได้ตั้งใจจะเสนอพระธรรมเรื่องพระแม่เจ้าอย่างบริบูรณ์ครบถ้วน ทั้งไม่ตั้งใจตัดสินเด็ดขาดในปัญหาที่พวกเทวศาสตร์ยังมิได้แจงให้กระจ่างแจ้งชัดเต็มที่. ฉะนั้น เขาจึงมีสิทธิ์สงวนรักษาไว้ซึ่งความคิดเห็น, อันสถานศึกษาคาทอลิกเสนอขึ้นอย่างมีอิสรเสรี ในเรื่องพระแม่เจ้าในพระศาสนจักรคาทอลิก ประทับอยู่ในอันดับสูงสุดรองจากพระคริสตเจ้าลงมา และพระนางประทับอยู่ในอันดับใกล้ชิดกับชาวเรามากที่สุด.

ภารกิจของพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ  ในระบบความรอดพระมารดาแห่งพระเมสไซอะห์ในพันธสัญญาเดิม

55.  พระคัมภีร์ทั้งในพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ตลอดจนพระกิตติ (74)  อันเป็นที่เคารพ แสดงให้เห็นบทบาทพระภารกิจขององค์พระมารดาของพระผู้กอบกู้  คล้าย ๆ กับการนำมาตั้งแสดงให้ชาวเราเพ่งดู.  ที่จริงพันธสัญญาเดิมพรรณาถึงประวัติแห่งความรอด  และการตระเตรียมเป็นขั้นเป็นตอนช้า ๆ ของการเสด็จมายังโลกของพระคริสตเจ้า.  เอกสารในสมัยแรก ๆ ตามที่อ่านกันในพระศาสนจักร  และตามที่เข้าใจกันตามแสงสว่างแห่งพระวิวรณ์ (75) (Revelatio)  อันมีต่อมาภายหลังอย่างครบบริบูรณ์ก็แพล็มให้เห็นชัดขึ้นเป็นขั้น ๆ  ถึงโฉมภาพของสตรีผู้เป็นพระมารดาแห่งพระมหาไถ่.  ภายใต้แสงสว่างดังกล่าวนี้ พระแม่เจ้าทรงเป็นภาพเลา ๆ ตามคำพยากรณ์,  เป็นคำมั่นสัญญาของพระเป็นเจ้าผู้ได้มีพระดำรัสกับบิดามารดาเดิม หลังจากที่ท่านได้กระทำบาปแล้วว่า : “สตรีผู้หนึ่งจะมีชัยต่องู” (เทียบ ปฐก. 3,15). เช่นเดียวกันพระนางพรหมจาริณีผู้นี้จะทรงให้กำเนิดและประสูติพระบุตร  ซึ่งจะทรงพระนามว่า  “เอมมานูแอล”  (เทียบ อสย. 7,14 ; เทียบ มคา. 5,2-3 ; มธ. 1,22-23). พระนางผู้นี้จะอยู่เหนือคนต่ำต้อยและคนอนาถาทั้งหลายของพระสวามีเจ้า,  เขาเหล่านั้นหวังด้วยความวางใจว่า  จะได้รับความรอดจากพระองค์ ซึ่งเขาก็ได้รับ.  ที่สุดพร้อมกับพระนางเจ้าผู้นี้, องค์ท่านผู้เลอเลิศ,  เป็นพระธิดาแห่งซีออน, หลังแต่ได้พากันคอยเป็นเวลาช้านานแล้ว, เหตุการณ์ตามที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้นั้นก็มาถึง  และแผนผังใหม่ก็ได้อุบัติขึ้น  เมื่อพระบุตรของพระเป็นเจ้าได้ทรงรับเอาธรรมชาติมนุษย์จากพระนาง,  เพื่อด้วยอาศัยพระอคาธัตถ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับการทรงรับเอาเนื้อหนังมังสา, พระองค์จะได้ทรงช่วยมนุษย์ให้พ้นบาป.

ภารกิจของพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ  ในระบบความรอดพระมารดาแห่งพระเมสไซอะห์ในพันธสัญญาเดิม

55.  พระคัมภีร์ทั้งในพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่ตลอดจนพระกิตติ (74)  อันเป็นที่เคารพ แสดงให้เห็นบทบาทพระภารกิจขององค์พระมารดาของพระผู้กอบกู้  คล้าย ๆ กับการนำมาตั้งแสดงให้ชาวเราเพ่งดู.  ที่จริงพันธสัญญาเดิมพรรณาถึงประวัติแห่งความรอด  และการตระเตรียมเป็นขั้นเป็นตอนช้า ๆ ของการเสด็จมายังโลกของพระคริสตเจ้า.  เอกสารในสมัยแรก ๆ ตามที่อ่านกันในพระศาสนจักร  และตามที่เข้าใจกันตามแสงสว่างแห่งพระวิวรณ์ (75) (Revelatio)  อันมีต่อมาภายหลังอย่างครบบริบูรณ์ก็แพล็มให้เห็นชัดขึ้นเป็นขั้น ๆ  ถึงโฉมภาพของสตรีผู้เป็นพระมารดาแห่งพระมหาไถ่.  ภายใต้แสงสว่างดังกล่าวนี้ พระแม่เจ้าทรงเป็นภาพเลา ๆ ตามคำพยากรณ์,  เป็นคำมั่นสัญญาของพระเป็นเจ้าผู้ได้มีพระดำรัสกับบิดามารดาเดิม หลังจากที่ท่านได้กระทำบาปแล้วว่า : “สตรีผู้หนึ่งจะมีชัยต่องู” (เทียบ ปฐก. 3,15). เช่นเดียวกันพระนางพรหมจาริณีผู้นี้จะทรงให้กำเนิดและประสูติพระบุตร  ซึ่งจะทรงพระนามว่า  “เอมมานูแอล”  (เทียบ อสย. 7,14 ; เทียบ มคา. 5,2-3 ; มธ. 1,22-23). พระนางผู้นี้จะอยู่เหนือคนต่ำต้อยและคนอนาถาทั้งหลายของพระสวามีเจ้า,  เขาเหล่านั้นหวังด้วยความวางใจว่า  จะได้รับความรอดจากพระองค์ ซึ่งเขาก็ได้รับ.  ที่สุดพร้อมกับพระนางเจ้าผู้นี้, องค์ท่านผู้เลอเลิศ,  เป็นพระธิดาแห่งซีออน, หลังแต่ได้พากันคอยเป็นเวลาช้านานแล้ว, เหตุการณ์ตามที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสัญญาไว้นั้นก็มาถึง  และแผนผังใหม่ก็ได้อุบัติขึ้น  เมื่อพระบุตรของพระเป็นเจ้าได้ทรงรับเอาธรรมชาติมนุษย์จากพระนาง,  เพื่อด้วยอาศัยพระอคาธัตถ์ต่าง ๆ อันเกี่ยวข้องกับการทรงรับเอาเนื้อหนังมังสา, พระองค์จะได้ทรงช่วยมนุษย์ให้พ้นบาป.

บทบาทของพระแม่มารี  คราวทรงรับสาส์นจากเทวทูต  (Annuntiatio) (76)
    
56.  พระบิดาผู้ทรงพระทัยเมตตากรุณา ได้ทรงมีพระประสงค์ให้พระคริสตมารดา ผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้ก่อนแล้วให้  พระนางเองทรงยินยอมยินดียอมรับเสียก่อน ที่การมารับเอาพระกายของพระบุตรจะอุบัติขึ้น (Incarnatio). (77) เหตุการณ์ทั้งนี้เป็นมาอย่างเหมาะเจาะที่สุด กับพระมารดาของพระเยซูเจ้า, เป็นพระนางนั่นแหละได้ประทานให้โลกมีชีวิต, ชีวิตอันบันดาลให้สรรพสิ่งฟื้นขึ้นใหม่  ทานต่าง ๆ เหล่านี้  พระนางเองได้ทรงรับจากพระเป็นเจ้า, อันเป็นทานอันยิ่งใหญ่เหมาะสมรับกับพระภารกิจอันสูงส่งนั้น,  ฉะนั้น  จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดานักบุญปิตาจารย์ถวายพระนามแด่พระเทวมารดาว่า   “องค์วิสุทธิ์ล้วน ๆ,  องค์ผู้ปราศจากบาปมลทินทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ประการ”  เป็นผู้ที่พระจิตทรงตกแต่งขึ้น,  เป็นสัตว์โลกใหม่ที่ได้รับการตกแต่งหลอมขึ้นก็ว่าได้. พระนางนี้นับตั้งแต่ทรงมีกำเนิดมา,  ทรงห้อมล้อมอยู่ด้วยแสงอันรุ่งโรจน์แห่งความศักดิ์สิทธิ์พิเศษ เป็นของเฉพาะสำหรับพระนางเองเท่านั้น, ฉะนั้น พระนางพรหมจาริณีชาวนาซาแรต, ในคราวเมื่อเทวทูตมาแจ้งสาส์นได้ออกคำคำนับพระแม่เจ้าว่า “ท่านผู้เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน”  (ลก. 1,28), และพระนางเองได้ตอบเทวทูตผู้ถือสาส์นนั้นว่า “ดิฉันคือ  ทาสีของพระสวามีเจ้า, ขอให้เป็นไปตามวาทะของท่านนั้นเถิด” (ลก. 1,30).  นี่อย่างไร  พระแม่มารีธิดาของอาดัม  ทรงยินยอมสนองตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า, จึงได้ทรงกลายเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า, ขณะเดียวกันนั้นก็ทรงรอบรับเอาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า  ผู้ทรงประสงค์จะบันดาลความรอด, ทั้งนี้ด้วยเต็มพระหทัย และโดยที่ไม่มีบาปประการใดยับยั้งพระนางไว้ได้, พระแม่เจ้าทรงมอบองค์ทั้งองค์เป็นทาสี ถวายแด่พระสวามีเจ้า, มอบองค์ทั้งหมดเพื่อรับใช้พระบุคคลและพระภารกิจแห่งพระบุตรของพระนาง, ทรงสนองรับใช้พระอคาธัตถ์การไถ่บาปภายใต้อำนาจของพระบุตร, และพร้อมกับพระบุตร และด้วยอาศัยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ทุกประการ. ฉะนั้นจึงถูกต้องแล้วที่บรรดานักบุญปิตาจารย์มีความคิดเห็นว่า  พระแม่มารีมิใช่ทรงเป็นเพียงอุปกรณ์  (ฝ่ายรับ) เฉย ๆ ที่พระเป็นเจ้าทรงนำมาใช้,  แต่พระแม่เจ้าได้ทรงร่วมงาน, ทำงานในการไถ่บาปมนุษย์,  ทำให้มนุษย์รอด  ทั้งนี้ด้วยความเชื่ออันเสรี และด้วยความอ่อนน้อมเชื่อฟัง, ตามที่นักบุญอีเรเนอัสกล่าวไว้ว่า “เดชะความเชื่อฟัง  พระนางจึงได้ทรงกลายเป็นเหตุแห่งความรอดสำหรับพระนางเอง และสำหรับมนุษยชาติทั้งสิ้นด้วย”  ฉะนั้นเพราะคล้อยตามความคิดเห็นของนักบุญอีเรเนอัส จึงมีนักบุญปิตาจารย์จำนวนไม่น้อยเมื่อท่านเทศนาสั่งสอน  ท่านมักชอบยืนยันว่า “ปมแห่งความไม่ยอมเชื่อฟังที่นางเอวาได้ผูกไว้นั้น,  พระแม่มารีได้ทรงแก้ออกด้วยความนบนอบเชื่อฟัง”  และเมื่อท่านได้เปรียบเทียบพระแม่มารีกับนางเอวาแล้ว,  ท่านถวายพระนามพระแม่มารีว่า “แม่ของบรรดาผู้มีชีวิตทั้งหลาย”  ทั้งท่านยังยืนยันว่า : “ความตายอุบัติขึ้นโดยนางเอวา  ส่วนชีวิตอุบัติขึ้นโดยพระแม่มารี.”

พระนางพรหมจาริณี  กับ พระเยซูเจ้าในพระปฐมวัย
    
 57.  ความสนิทสนมใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวของพระมารดากับพระบุตรในพระภารกิจแห่งความรอดนั้น ปรากฏชัดนับตั้งแต่พระคริสตเจ้าทรงรับเอาการปฏิสนธิอันพรหมจรรย์จวบจนกระทั่งพระองค์ทรงถึงแก่มรณธรรม. ก่อนหมดคราวเมื่อพระแม่มารีทรงขมีขมันเดินทางไปเยือนนางเอลีซาเบ็ธ,  คราวนั้นนางผู้นี้ได้กล่าวคำคำนับพระแม่เจ้าว่า “ทรงเป็นผู้มีบุญ  เพราะได้ทรงเชื่อฟังคำมั่นสัญญาเรื่องความรอด และองค์ผู้เดินนำหน้าพระมหาไถ่  ผู้อยู่ในครรโภธรของนางเอลีซาเบ็ธก็โลดเต้น  (เทียบ ลก. 1,41-45),   ในคราวพระคริสตสมภพ  พระเทวมารดาก็ได้อุ้มแสดงให้พวกชุมพาบาล และคณะมหาบัณฑิตแลเห็นพระบุตรหัวปีของพระนาง,  การประสูติพระบุตรนี้มิได้ทำให้พรหมจรรย์อันครบถ้วนของพระนางลดน้อยถอยลงเลย, แต่กลับบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นอีก. คราวเมื่อพระมารดาทรงถวายพระบุตรแด่พระสวามีเจ้าในพระวิหาร,  โดยทรงนำของถวายประสาคนยาก,  ในคราวนั้นพระนางได้ยินท่านซีเมออนกล่าวคำทักทายว่า  “พระบุตรของพระนางผู้นี้จะเป็นเป้าเครื่องหมายให้คนเขาถกเถียง และดาบเล่มหนึ่งจะทิ่มแทงทะลุดวงพระหทัยของพระนาง  ทั้งนี้เพื่อเปิดเผยความนึกคิด (เร้นลับ)  จากดวงใจของคนจำนวนมาก (เทียบ ลก. 2,34-35). คราวพระกุมารเยซูทรงหายไป,  ท่านบิดามารดาก็ตามหาด้วยความทุกข์ระทม และได้พบพระองค์ในพระวิหารกำลังทรงปฏิบัติพระภารกิจของพระบิดาของพระองค์,  ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจวาจาของพระบุตร, แต่พระมารดาก็ทรงเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในพระหทัยเพื่อพิจารณาตรึกตรอง (เทียบ ลก. 2,41-51).

พระนางพรหมจาริณีกับพระเยซูเจ้าในพระภารกิจสาธารณะ
    
58.  ในบั้นปลายพระชนม์ชีพสาธารณะของพระเยซูเจ้า,  พระมารดาของพระองค์  ก็ได้ทรงปรากฏองค์ให้แลเห็นประจักษ์แจ้งชัด  ทั้งในการเริ่มต้นเสียด้วย.  คราวนั้นมีงานมงคลสมรสที่ตำบลกานา  แคว้นกาลิลี,  พระนางรู้สึกสะเทือนพระหทัย, สงสารเขามาก  และคำเสนอวิงวอนของพระแม่เจ้านั่นแหละได้ทำให้พระเยซูเจ้า,  พระแมสไซอะห์  ทรงเริ่มทำอัศจรรย์เป็นครั้งแรก (เทียบ ยน. 2,1-11).  ระหว่างพระเยซูเจ้าเสด็จออกแสดงพระธรรมเทศนา  พระแม่เจ้าก็ได้ทรงรับฟัง และยึดถือพระวาจาต่าง ๆ ที่พระบุตรทรงกล่าวยกย่องพระราชัยอันอยู่เหนือความนึกคิดตามเหตุผล และอยู่เหนือสายสัมพันธ์ทางเลือดเนื้อเชื้อไข. ส่วนบุคคลที่สดับฟังและปฏิบัติตามพระเทววาจา,  อย่างเช่น พระแม่เจ้าเองทรงปฏิบัติอย่างสัตย์ซื่อเสมอมา (เทียบ ลก. 2,19 และ 51), พระองค์ก็ได้ทรงประกาศว่า : เขาเหล่านั้นเป็นผู้มีบุญ  (เทียบ มก. 3,35; ตรงกับ ลก. 11,27-28) ดังนี้แหละ พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญได้ทรงเจริญก้าวหน้าในวงจรแห่งความเชื่อของพระนางเอง  และพระนางได้ทรงเก็บรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตร  โดยสัตย์ซื่อเรื่อยไป  จนกระทั่งถึงเชิงไม้กางเขน, ณ ที่กางเขนนี้ พระแม่เจ้าได้ประทับยืนอยู่โดยเป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าโดยแท้  (เทียบ ยน. 19,25), พระแม่เจ้าได้ทรงร่วมทุกข์อันแสนสาหัสฉกรรจ์ ร่วมกับพระบุตรแต่องค์เดียวของพระนาง, ได้ทรงเข้าร่วมกับพระมหาบูชายัญของพระบุตรด้วยหัวใจของแม่,  ทรงยินยอมประสาคนรักกับการถวายบูชายัญ  อันมีพระบุตรผู้ได้ทรงบังเกิดจากพระนางเองเป็นเครื่องบูชายัญ  และที่สุดทรงยินยอมจนกระทั่งรับเป็นแม่ของสานุศิษย์ เพราะพระวาจาของพระเยซูคริสตเจ้า, เมื่อทรงกำลังจะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน  ได้ตรัสกับพระนางว่าดังนี้ : “หญิงเอ๋ย  นี่แหละลูกของท่าน”  (เทียบ ยน. 19,26-27)

พระนางพรหมจาริณี  ภายหลังพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว
    
59.  เพราะเหตุที่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยประกาศเปิดเผยอย่างสง่าราศรีเต็มที่  ซึ่งพระอคาธัตถ์ความรอดของมวลมนุษย์ก็ต่อเมื่อพระคริสตเจ้า  จะได้ประทานหลั่งพระจิตเจ้าให้ตามที่ได้ทรงสัญญาไว้เป็นการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวเราจึงเห็นว่าพวกอัครสาวก ก่อนวันพระจิตตาคม  (เปนเตกอสเต = วันที่ห้าสิบ) พวกท่านตั้งมั่นพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อธิษฐานภาวนาพร้อมกับสตรีบางท่าน  ซึ่งมีพระนางมารีพระมารดาของพระเยซูเจ้า  และบรรดาญาติพี่น้องของพระองค์ร่วมอยู่ด้วย (กจ. 1,14),  เราก็แลเห็นว่า  พระแม่มารีด้วยเหมือนกันได้ทรงเฝ้าวิงวอนขอพระคุณจากพระจิตเจ้า,  พระจิตเจ้านี้เองในคราวพระนางได้ทรงรับสาส์นจากเทวทูต (Annuntiatio)  ได้ทรงห่อหุ้มพระนางด้วยร่มเงามาแล้ว. ที่สุดพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ, พระนางผู้ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงป้องกันให้ทรงแคล้วจากบาปมลทินความมัวหมองทุกอย่างของบาปกำเนิด,  ครั้นเมื่อพระแม่เจ้าทรงจบกระแสชีวิตในโลกนี้แล้ว,  พระเป็นเจ้าได้โปรดยกพระนางขึ้นสู่พระเกียรติมงคลในสวรรค์  ทั้งทางพระวรกายทั้งทางพระวรวิญญาณ,  และพระสวามีเจ้าได้ทรงเทิดทูนสถาปนาพระแม่เจ้าขึ้นเป็นพระบรมราชินีนาถแห่งสรรพสิ่งในสากลโลก ทั้งนี้เพื่อให้พระแม่เจ้าทรงละม้ายคล้ายกับพระบุตรของพระนางมากยิ่งขึ้น.  พระบุตรนั้นทางเป็นพระสวามีแห่งบรรดาเจ้านายทั้งหลาย  (เทียบ วว. 19,16), ทั้งทรงเป็นผู้พิชิตบาปกรรมและความตาย.

พระนางพระพรหมจาริณี ผู้รับใช้พระสวามีเจ้า  พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญกับพระศาสนจักร

60.  คนกลางของเรา  มีแต่องค์เดียวเท่านั้น  ตามที่ท่านอัครสาวกกล่าวว่า : “มีพระเป็นเจ้าเดียว  และคนกลางระหว่างพระเป็นเจ้ากับมวลมนุษย์ก็มีองค์เดียว คือ  พระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นมนุษย์,  ผู้ซึ่งได้ทรงมอบพระองค์ท่านเอง  เป็นสินไถ่มนุษย์ทุกคน” (1 ทธ. 2,5-6). แต่หน้าที่ความเป็นแม่ของพระแม่มารีต่อมนุษย์ทั้งหลายมิได้ทำให้ความเป็นกลางของพระคริสตเจ้าอับแสง หรือแม้แต่เสื่อมลงแต่ประการใด  ที่แท้กลับแผลงฤทธิ์ยิ่งขึ้นอีก. อิทธิพลด้านความรอดทั้งสิ้นของมวลมนุษย์  จากทางด้านพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญนั้น มิใช่เกิดจากความจำเป็นของเหตุการณ์ แต่เกิดจากความพึงพอใจของพระเป็นเจ้าเอง ซึ่งไหลหลั่งออกจากความอุดมสมบูรณ์เหลือล้น  แห่งพระบุญญาบารมีอันไพศาลของพระคริสตเจ้าและขึ้นกับการเป็นการคนกลางอันนี้อย่างเด็ดขาด,  ตักตวงเอาประสิทธิภาพทั้งหมดจากความเป็นคนกลางอันนั้น, อิทธิพลของพระแม่เจ้าไม่เป็นอุปสรรคขัดข้องความร่วมสนิทโดยตรงกับพระคริสตเจ้า ของบรรดาผู้มีความเชื่อ แต่กลับช่วยเหลือสนับสนุนยิ่งขึ้นอีก.

61.  พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ เป็นผู้ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้แต่นิรันดร, ในขณะเดียวกันกับการเสด็จอวตารมารับเป็นมนุษย์ของพระวจนาตถ์,  ให้เป็นพระมารดาของพระเป็นเจ้า,  ตามพระประสงค์ของพระญาณสอดส่อง, ในแผ่นดินโลกเรานี้,  พระนางได้ทรงเป็นผู้สูงส่งของพระมหาไถ่,  โดยวิธีพิเศษพิสดารเฉพาะของพระแม่เจ้า  เหนือคนอื่นใดทั้งหลาย, พระนางทรงเป็นเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีใจกว้างเสียสละ,  เป็นทาสผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระสวามีเจ้า, ทรงปฏิสนธิให้กำเนิดพระคริสตเจ้า, ทรงประสูติ,  ทรงเลี้ยงดู,  ทรงนำพระองค์ขึ้นถวายแด่พระบิดาในพระวิหาร,  คราวพระบุตรกำลังทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน,  พระนางทรงร่วมทุกข์ทรมาน,  ภารกิจของผู้กอบกู้นั้น, พระนางได้ทรงร่วมมืออย่างพิเศษโดยเฉพาะ, ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟัง, ด้วยความเชื่อ, ความไว้ใจ, และความรักอันร้อนระอุ ทั้งนี้เพื่อจะได้ฟื้นฟูชีวิตเหนือธรรมชาติของมวลวิญญาณขึ้นมาใหม่, เพราะเหตุนี้แหละพระนางจึงทรงเป็นพระมารดาของชาวเราทั้งหลายในหลั่นชั้นของพระหรรษทาน.

62.  ความเป็นมารดาของพระแม่มารี  ในระบบพระหรรษทานอันนี้  ยืนยงมิได้ขาดสายเลย นับตั้งแต่พระแม่เจ้าได้ทรงออกคำสัตย์ แสดงความยินยอมอันนี้ พระแม่เจ้ามิได้ทรงลังเลใจเลย,  ทรงรับอยู่เรื่อยไป  แม้ที่เชิงไม้กางเขน และจะยืนยันเรื่อยไปตราบเท่าจะถึงอวสานนิรันดรของบรรดาผู้เลือกสรรทุกผู้ทุกคน. เพราะว่า แม้ขณะนี้พระแม่เจ้าประทับอยู่ในสวรรค์, พระแม่ก็มิได้ทอดทิ้งภารกิจช่วยให้รอดอันนี้,  อาศัยคำเสนอวิงวอนหลายอย่างต่างประการ, พระแม่เจ้ายังทรงอนุเคราะห์ช่วยเหลือชาวเราอยู่ต่อไป ให้ได้รับทานต่าง ๆ อันจะช่วยเราให้ได้รอดตลอดนิรันดร. ความรักประสาแม่ของพระนางนี้  สลวนใส่ใจต่อบรรดาพี่น้องแห่งพระบุตรของพระนาง, ที่กำลังระเหเร่ร่อนอยู่ในโลก,  กำลังอยู่ในอันตราย,  กำลังตกอยู่ในความทุกข์ยากต่าง ๆ นานา, ทั้งนี้จนกว่าเขาเหล่านี้ จะได้บรรลุถึงถิ่นฐานอันเป็นสุข.  เพราะเหตุนี้เอง  พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ จึงทรงได้รับถวายสมัญญานามต่าง ๆ ในพระศาสนจักร  เช่น : องค์ทนายว่าต่าง, องค์ผู้อุปถัมภ์, องค์ผู้อนุเคราะห์, องค์คนกลาง,  อย่างไรก็ดีเรื่องสมัญญานามเหล่านี้  เป็นที่เข้าใจว่าไม่มีอะไรบั่นทอนหรือไม่มีอะไรเพิ่มเติมพระเกียรติศักดิ์และพระประสิทธิภาพของพระคริสตเจ้า  ผู้เป็นองค์คนกลางของชาวเราแต่องค์เดียว.

เพราะด้วยว่า ไม่มีสัตว์โลกอื่นใดเลย เราจะนำมาเปรียบเทียบ คู่เคียงกับองค์พระวจนาตถ์ผู้มารับเป็นมนุษย์  และองค์พระมหาไถ่ได้.  ถึงกระนั้น  เช่นเดียวกับพระสังฆภาพของพระคริสตเจ้า รับการแบ่งปันระหว่างพระสงฆ์ศาสนบริการ  และบรรดาสัตบุรุษคริสตังโดยทำนองต่างกัน  และก็เช่นเดียวกับพระมหากรุณาธิคุณ (พระคุณงามความดี)  ของพระเป็นเจ้า ย่อมกระจายไปจริง ๆ ไปสู่สัตว์โลกทำนองต่าง ๆ กันนี้มีอุปมาฉันใด ก็มีอุปไมยฉันนั้น  ความเป็นคนกลางแต่อันเดียวของพระมหาไถ่ก็ไม่จำกัด แต่กลับเร่งเร้าให้เกิดความร่วมมืออย่างต่าง ๆ จากสัตว์โลก ที่ต่างได้รับส่วนแบ่งปันมาจากต้นธารอันเดียวกันนั้น.

บทบาทหน้าที่ในอันดับชั้นรองลงมา  ของพระแม่มารีเช่นนี้พระศาสนจักรไม่ลังเลใจแสดงออกมาให้เห็น,  ท่านตระหนักซาบซึ้งในนั้นอยู่เสมอ,  และท่านปลุกใจสัตบุรษให้ยึดถือที่พึ่งและความอนุเคราะห์ประสาแม่เหล่านี้ เพื่อเป็นทางให้เขากระชับตัวแน่นยิ่งขึ้นกับองค์พระคนกลาง และพระเป็นเจ้าผู้กอบกู้

พระแม่มารีหุ่นตัวแบบของพระศาสนจักร
    
63.  พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ เดชะพระคุณานุคุณและพระภาระการเป็นมารดาของพระนาง  ซึ่งผูกโยงให้พระนางเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตร,  พระมหาไถ่,  และเดชะพระหรรษทานนานา และพระภาระหน้าที่อันพิเศษเฉพาะของพระนางเหล่านี้ จึงทำให้พระนางสนิทชิดเชื้อกับพระศาสนจักรแนบแน่นด้วย. พระเทวมารดาทรงเป็นหุ่นจำลองของพระศาสนจักร อย่างที่นักบุญอัมโบรสกล่าวไว้แล้ว, ทรงเป็นหุ่นจำลองในระดับความเชื่อ,  ความไว้ใจ,  และความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าอย่างครบบริบูรณ์.  ในพระอคาธัตถ์แห่งพระศาสนจักร, ตัวพระศาสนจักรเอง  ก็ได้ชื่อถูกต้องเหมาะเจาะว่า  ท่านเป็นทั้งมารดาทั้งเป็นพรหมจารีพร้อม ๆ กัน, แน่นอนพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ  ทรงดำเนินนำหน้าพระศาสนจักร,  ทรงแสดงองค์อยู่ในขั้นสูงส่งและพิเศษพิสดาร โดยเฉพาะของพระนาง, คือทรงเป็นแบบอย่างในการทรงเป็นทั้งพรหมจาริณี  ทั้งเป็นมารดาด้วยพร้อม ๆ กัน, เพราะเหตุที่พระแม่เจ้าได้ทรงเชื่อ  และได้ทรงน้อมรับเชื่อฟัง  พระนางจึงได้ทรงประสูติองค์พระบุตรของพระบิดาเอง  ทั้ง ๆ ที่พระนางไม่ทรงมีพระภัสดาสามี,  พระจิตเจ้าทรงบันดาลร่มเงาปกคลุมพระนาง,  ผู้ทรงแสดงให้เห็นประจักษ์ไม่ใช่แก่งูตัวเก่า แต่แก่เทวทูตของพระเป็นเจ้า  ว่าทรงมีความเชื่ออันปราศจากด่างพร้อย  เพราะไม่มีความสงสัยใด ๆ เลย.  พระแม่เจ้าจึงได้ทรงประสูติพระบุตร, ผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระบุตรหัวปีของบรรดาพี่น้องเป็นอันมาก  (รม. 8,29), ซึ่งหมายความถึงสัตบุรุษทั้งหลาย  ผู้มีความเชื่อ  ซึ่งพระแม่เจ้าเพราะความรักประสาแม่  ได้ทรงร่วมมือให้กำเนิดเกิดมา  และในการอบรมสั่งสอนพวกเขา.

64.  ส่วนพระศาสนจักรนั้น เพราะเพ่งพิศดูความศักดิ์สิทธิ์อันล้ำลึกของพระแม่มารี,  และเพราะท่านทำตามอย่างความรักของพระนาง,  ทั้งเพราะท่านปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดาด้วยความสัตย์ซื่อ,  ตัวพระศาสนจักรเอง เนื่องด้วยพระวาจาของพระเป็นเจ้า  ที่ท่านได้เก็บรักษาไว้อย่างครบบริบูรณ์  ท่านเองก็กลายเป็นมารดาด้วย : อาศัยคำเทศนาสั่งสอน,  และอาศัยศักดิ์สิทธิ์การ – ล้างบาป พระศาสนจักรจึงได้ให้กำเนิดแก่พวกลูก ๆ  ซึ่งเขาได้เริ่มมีปฏิสนธิขึ้นโดยพระจิตเจ้า  และการเป็นบุตรของพระเป็นเจ้า, ทำให้พวกเขามีชีวิตใหม่ชีวิตอันอมตะ.  พระศาสนจักรเองก็เป็นพรหมาจารีเหมือนกัน, ท่านรักษาความเชื่อของพระสวามีเจ้าของท่านไว้อย่างครบถ้วนและบริสุทธิ์ผุดผ่อง,  ท่านเอาอย่างพระเทวมารดาแห่งพระสวามีเจ้าของท่าน,  เดชะพระอิทธิฤทธิ์ของพระจิตเจ้า  ท่านได้รักษาไว้โดยแท้ซึ่งพรหมจรรย์,  รักษาความเชื่ออันครบบริบูรณ์, ความไว้วางใจอันมั่นคงและความรักอันสุจริตใจ.

คุณธรรมต่าง ๆ ของพระแม่มารีองค์แบบอย่างของพระศาสนจักร
    
65.  อย่างไรก็ดี พระศาสนจักรโดยทางองค์พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญยิ่ง ท่านก็บรรลุถึงความดีงามอันบริบูรณ์ปราศจากมลทินและริ้วรอยใด ๆ (เทียบ อฟ. 5,27) ส่วนบรรดาผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า  เขากำลังพยายามจะเอาชนะต่อบาปให้จงได้ จะได้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นในความศักดิ์สิทธิ์. ฉะนั้นเขาจึงยกตาขึ้นดูพระแม่มารี,  องค์แบบอย่างแห่งคุณธรรมต่าง ๆ,  เปล่งปลั่งเหนือหมู่คณะทั้งหมด ท่ามกลางผู้ได้รับเลือกสรรทั้งหลาย. พระศาสนจักรเมื่อพิจารณาไตร่ตรองไปมาถึงพระแม่มรีด้วยศรัทธาภักดีและเพ่งมองดูพระนางภายใต้แสงของพระวจนาตถ์ผู้มารับเป็นมนุษย์,  ท่านก็บำเพ็ญตนด้วยความเคารพ  ดำเนินไปสู่พระอคาธัตถ์อันสูงส่งแห่งการเสด็จอวตารมาเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้งขึ้น  และท่านทำให้ตัวท่านเองยิ่งที่ยิ่งคล้ายคลึงกับพระสวามีเจ้าของท่านยิ่งขึ้น.  เหตุด้วยพระแม่เจ้าทรงเกี่ยวข้องใกล้ชิดติดแน่นกับประวัติศาสตร์แห่งความรอด,  จะว่าพระแม่เจ้าทรงรวบรวม  และคิดไตร่ตรองไปมาก็ว่าได้ถึงอัตถ์ความเชื่อสำคัญใหญ่หลวงเหล่านั้น  ในขณะที่มีการเทศนาสั่งสอน,  มีการแสดงความเคารพภักดี.  พระแม่เจ้าทรงเรียกร้องให้บรรดาผู้มีความเชื่อเข้ามาเฝ้าพระบุตรของพระนาง, เข้ามาพึ่งมหาบูชาของพระองค์  และกระทั่งให้เข้ามาสามิภักดิ์ต่อพระบิดา. พระศาสนจักรเอง,  ท่านใฝ่ใจแสวงหาให้ได้มาซึ่งเกียรติมงคลของพระคริสตเจ้า,  ท่านจึงกลายเป็นผู้ละม้ายคล้ายพระแม่เจ้ามากขึ้น,  องค์พระแม่เจ้าเองทรงเป็นแบบอย่างอันสูงส่งของท่าน, ท่านจึงก้าวหน้าเรื่อย ๆ ไปในความเชื่อ,  ความไว้วางใจ, และความรัก,  ท่านทั้งแสวงหา  ทั้งปฏิบัติตามความพึงพอใจของพระเป็นเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่าง.  ฉะนั้น  แม้ในภารกิจแพร่ธรรม.  พระศาสนจักรก็เหลียวดู ซึ่งเป็นการสมควรถูกต้อง  เหลียวดูองค์ท่านผู้ได้ประสูติพระคริสตเจ้า, หมายความว่า  องค์ผู้ได้รับปฏิสนธิโดยพระจิตเจ้า และบังเกิดจากพระนางพรหมจาริณี, ทั้งนี้เพื่อหวังให้พระองค์ท่านมาบังเกิด  และเจริญวัฒนาในจิตใจของบรรดาสัตบุรุษ  โดยผ่านทางพระศาสนจักร.  พระนางพรหมจาริณีผู้นี้  ในกระแสพระชนม์ชีพ ได้ทรงบำเพ็ญองค์เป็นแบบอย่างความรักประสาแม่, จึงเป็นการจำเป็นที่ทุก ๆ คนผู้ร่วมกันทำงานแพร่ธรรมในพระศาสนจักร, ซึ่งหมายความถึงการทำให้มนุษย์มาเกิดใหม่, จำเป็นจะต้องตักเตือนคนพวกนี้ให้มีความรักประสาแม่ตามอย่างพระแม่มารีด้วย

ธรรมชาติและพื้นฐานแห่งคารวกิจต่อพระนางพรหมจาริณี
คารวกิจต่อพระแม่มารีในพระศาสนจักร

66.  พระแม่มารี  เดชะพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า  ได้ทรงได้รับการยกย่องเทิดชูขึ้น,  ทั้งนี้เป็นการสมควรและถูกต้องแล้ว, ให้พระนางเป็นรองจากพระบุตรลงมา,  ให้พระแม่เจ้าทรงอยู่เหนือเทวดาและมนุษย์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะพระฐานะตำแหน่งองค์พระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งของพระเป็นเจ้า, พระนางได้ทรงมีส่วนร่วมในพระอคาธัตถ์ต่าง ๆ ของพระคริสตเจ้า, จึงทรงรับเกียรติยศพิเศษจากพระศาสนจักร, นี่ก็เป็นการสมควรแล้ว  ที่จริงตั้งแต่สมัยโบราณดึกดำบรรพ์มาทีเดียว, พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ  ทรงได้รับความเคารพเป็น  “พระเทวมารดา” (Deipara), ซึ่งในยามประสบทุกขภัยและในยุคขัดสน,  มีความต้องการอย่างต่าง ๆ, พวกสัตบุรุษได้พากันเข้ามาสวดภาวนา  อ้อนวอน  และยึดเอาพระแม่เจ้าเป็นที่พึ่งที่อาศัย. เฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่พระสังคายนานครเอเฟซัส, ประชากระของพระเป็นเจ้าได้ถวายความเคารพภักดีต่อพระแม่เจ้ามากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ, เขาแสดงความเคารพและความรักเสน่หาและเขาปฏิบัติตามแบบอย่างของพระแม่เจ้า,  ทั้งนี้ก็เป็นไปตามวาทะคำทำนายของพระแม่เจ้าเองว่า :  “ชนชาติทุกชั่วอายุ  จะเรียกดิฉันว่า เป็นผู้มีบุญ,  เพราะพระเป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพ จะทรงทำงานใหญ่โตหลายอย่างในตัวดิฉัน” (ลก. 1,48).  คารวกิจอันนี้ เท่าที่มีอยู่ในพระศาสนจักรเสมอมา,  เป็นคารวกิจพิเศษโดยเฉพาะ, แต่อย่างไรก็ดีโดยสภาวะหรือโดยแก่นแท้  (Essentialiter) ก็ต่างกับคารวกิจนมัสการ  (Adoratio)  ที่ชาวเราถวายแด่พระวจนาต์ผู้มารับเป็นมนุษย์  ทั้งถวายแด่พระบิดาและพระจิต และคารวกิจต่อพระแม่เจ้า  ก็ส่งเสริมคารวกิจนมัสการเป็นอย่างยิ่ง.  ความศรัทธาภักดีต่อพระมารดาของพระเป็นเจ้านั้น.  มีหลายรูปต่างกัน, ซึ่งเมื่ออยู่ในขอบข่ายพระธรรมคำสอน อันถูกต้องเที่ยงแท้ และเป็นไปตามสถานะของกาลเทศะ  กล่าวคือ  ตามสมัยเวลา และตามสถานที่ต่าง ๆ, และเป็นไปตามอุปนิสัยและสติปัญญาของบรรดาสัตบุรุษ, พระศาสนจักรก็ให้ความเห็นชอบรับรอง, จึงเป็นอันว่า  เมื่อชาวเราทำความเคารพภักดีต่อพระมารดา,  องค์พระบุตร ที่สรรพสิ่งเป็นอยู่เพราะพระองค์  (เทียบ คส. 1,15-16) และในพระองค์นั้น,  พระบิดานิรันดร  “ได้ทรงพอพระทัยให้ความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างสถิตพำนักอยู่, (คส. 1,19),  เป็นเหตุให้,  ตามที่ถูกต้องและสมควร, ให้พระบุตรเจ้าเป็นที่รักเสน่หา,  เป็นที่เทิดพระเกียรติมงคล,  และเป็นที่เคารพเชื่อฟังตามพระบัญญัติของพระองค์.

ธรรมชาติและพื้นฐานแห่งคารวกิจต่อพระนางพรหมจาริณี  คารวกิจต่อพระแม่มารีในพระศาสนจักร

66.  พระแม่มารี  เดชะพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า  ได้ทรงได้รับการยกย่องเทิดชูขึ้น,  ทั้งนี้เป็นการสมควรและถูกต้องแล้ว, ให้พระนางเป็นรองจากพระบุตรลงมา,  ให้พระแม่เจ้าทรงอยู่เหนือเทวดาและมนุษย์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะพระฐานะตำแหน่งองค์พระมารดาผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งของพระเป็นเจ้า, พระนางได้ทรงมีส่วนร่วมในพระอคาธัตถ์ต่าง ๆ ของพระคริสตเจ้า, จึงทรงรับเกียรติยศพิเศษจากพระศาสนจักร, นี่ก็เป็นการสมควรแล้ว  ที่จริงตั้งแต่สมัยโบราณดึกดำบรรพ์มาทีเดียว, พระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ  ทรงได้รับความเคารพเป็น  “พระเทวมารดา” (Deipara), ซึ่งในยามประสบทุกขภัยและในยุคขัดสน,  มีความต้องการอย่างต่าง ๆ, พวกสัตบุรุษได้พากันเข้ามาสวดภาวนา  อ้อนวอน  และยึดเอาพระแม่เจ้าเป็นที่พึ่งที่อาศัย. เฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่พระสังคายนานครเอเฟซัส, ประชากระของพระเป็นเจ้าได้ถวายความเคารพภักดีต่อพระแม่เจ้ามากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ, เขาแสดงความเคารพและความรักเสน่หาและเขาปฏิบัติตามแบบอย่างของพระแม่เจ้า,  ทั้งนี้ก็เป็นไปตามวาทะคำทำนายของพระแม่เจ้าเองว่า :  “ชนชาติทุกชั่วอายุ  จะเรียกดิฉันว่า เป็นผู้มีบุญ,  เพราะพระเป็นเจ้าผู้ทรงอานุภาพ จะทรงทำงานใหญ่โตหลายอย่างในตัวดิฉัน” (ลก. 1,48).  คารวกิจอันนี้ เท่าที่มีอยู่ในพระศาสนจักรเสมอมา,  เป็นคารวกิจพิเศษโดยเฉพาะ, แต่อย่างไรก็ดีโดยสภาวะหรือโดยแก่นแท้  (Essentialiter) ก็ต่างกับคารวกิจนมัสการ  (Adoratio)  ที่ชาวเราถวายแด่พระวจนาต์ผู้มารับเป็นมนุษย์  ทั้งถวายแด่พระบิดาและพระจิต และคารวกิจต่อพระแม่เจ้า  ก็ส่งเสริมคารวกิจนมัสการเป็นอย่างยิ่ง.  ความศรัทธาภักดีต่อพระมารดาของพระเป็นเจ้านั้น.  มีหลายรูปต่างกัน, ซึ่งเมื่ออยู่ในขอบข่ายพระธรรมคำสอน อันถูกต้องเที่ยงแท้ และเป็นไปตามสถานะของกาลเทศะ  กล่าวคือ  ตามสมัยเวลา และตามสถานที่ต่าง ๆ, และเป็นไปตามอุปนิสัยและสติปัญญาของบรรดาสัตบุรุษ, พระศาสนจักรก็ให้ความเห็นชอบรับรอง, จึงเป็นอันว่า  เมื่อชาวเราทำความเคารพภักดีต่อพระมารดา,  องค์พระบุตร ที่สรรพสิ่งเป็นอยู่เพราะพระองค์  (เทียบ คส. 1,15-16) และในพระองค์นั้น,  พระบิดานิรันดร  “ได้ทรงพอพระทัยให้ความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างสถิตพำนักอยู่, (คส. 1,19),  เป็นเหตุให้,  ตามที่ถูกต้องและสมควร, ให้พระบุตรเจ้าเป็นที่รักเสน่หา,  เป็นที่เทิดพระเกียรติมงคล,  และเป็นที่เคารพเชื่อฟังตามพระบัญญัติของพระองค์.

จิตตารมณ์ในการเทศน์สอน  และ ในคารวกิจต่อพระนางพรหมจาริณี
    
67.  อันคำสอนคาทอลิกในเรื่องพระนางพรหมจาริณีนี้  สภาพระสังคายนาสากล  มีเจตนาจงใจสอน  ทั้งในขณะเดียวกันนี้ ท่านก็กระตุ้นเตือนลูก ๆ ของพระศาสนจักรให้มีน้ำใจดีสนับสนุนคารวกิจ, เป็นต้นทางพิธีปฏิบัติ  และการปฏิบัติความเคารพภักดีต่อพระแม่เจ้า  ที่มีมานับเป็นศตวรรษ ๆ แล้ว และเมื่อพระอาจาริยานุภาพ (28) เคารพนับถือ, ตลอดจนข้อกำหนดต่าง ๆ ที่มีมาในกระแสศตวรรษต่าง ๆ ที่ล่วงมาแล้ว, ด้วยเรื่องคารวกิจต่อรูปเคารพของพระคริสตเจ้า, ของพระแม่มารี, และของนักบุญต่าง ๆ ก็ให้คงรักษาไว้ด้วยความภักดี.  สภาฯ นี้ขอตักเตือนอย่างหนักแน่น ต่อนักเทวศาสตร์และบรรดาผู้ประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้าทุก ๆ คน : ขอให้เอาใจใส่ระวังไม่พูดเกินเลยไป,  เช่นเดียวกัน  การมีใจแคบเกินไปในการพินิจพิจารณาดูพระเกียรติศักดิ์พิเศษเฉพาะของพระมารดา. การศึกษาพระคัมภีร์,  การเรียนคำสอนของพวกนักบุญปิตาจารย์ และพวกนักปราชญ์ตลอดจนจารีตพิธีต่าง ๆ ของพระศาสนจักร, ภายใต้การนำของพระอาจาริยานุภาพ, ย่อมทำให้ผู้ศึกษาได้รับแสงสว่างอันถูกต้อง  ให้แลเห็นพระภาระหน้าที่และสิทธิพิเศษของพระนางพรหมจาริณีผู้ทรงบุญ,  ความศักดิ์สิทธิ์และความศรัทธาทั้งหลาย,  ขอให้บรรดาบุคคลประเภทที่ออกนามมา  จงระวังหลีกเลี่ยงคำพูดและการกระทำทุก ๆ อย่าง  อันอาจทำให้พวกพี่น้องของเรา บรรดาผู้ที่ได้แตกแยกจากเราไปและคนอื่น ๆ ด้วย ระวังอย่าเป็นทางให้เขาเข้าใจผิดในเรื่องเกี่ยวกับคำสอนแท้ของพระศาสนจักร.  อนึ่งบรรดาสัตบุรุษก็พึงสังวรณ์ไว้ว่า ความศรัทธาภักดีที่แท้หาใช่อยู่ความรู้สึกอันไร้ผล และเป็นของชั่วครู่ชั่วยาม  ทั้งพึงระวังความเชื่อง่ายอันไร้สาระ, แต่ความศรัทธาภักดีที่แท้นั้น พาให้ชาวเรามารู้จักเกียรติศักดิ์อันสูงส่งของพระเทวมารดา  และผลักดันเราให้มีความรักประสาลูก  ต่อพระมารดาของเรา และกระตุ้นให้เราเอาอย่างคุณธรรมต่าง ๆ ของพระแม่เจ้าด้วย.

5.พระแม่มารีเครื่องหมายแห่งความหวังอันแน่นอน ทั้งเป็นองค์ทุเลาบรรเทาใจแก่ประชากรของพระเป็นเจ้า  ผู้กำลังหกหันอยู่ในโลก
    
68.  ระหว่างนี้  พระมารดาของพระเยซูเจ้า ทรงได้พระเกียรติมงคล ทั้งทางพระวรกาย  ทั้งทางพระวรวิญญาณในสวรรค์อยู่แล้ว,  พระนางเจ้าทรงเป็นรูปแบบ และเริ่มต้นแห่งพระศาสนจักร ผู้จะบรรลุความสำเร็จจบสิ้นลงในศตวรรษภายภาคหน้า  ฉันใดก็ฉันนั้น  ในบัดนี้  บนแผ่นดินนี้  จนกว่าจะถึงวันของพระสวามีเจ้า (เทียบ 2 ปต. 3,10),  พระนางเจ้าทรงกำลังทอแสงอยู่แล้ว,  ทรงเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความหวังอันแน่นอน และทรงเป็นองค์ผู้ทุเลาบรรเทาใจแก่ประชากรของพระเป็นเจ้า, ประชากรที่กำลังจาริกอยู่ในโลกนี้.

69.  สภาสังคายนาสากลนี้  รู้สึกยินดีปิติและชื่นชมหรรษายิ่งนัก  ที่แม้ท่ามกลางบรรดาพี่น้องที่ได้แตกแยกไป  ก็ยังไม่ไร้บุคคล  ผู้แสดงความเคารพนับถือ  ตามที่ถูกที่ควร ต่อพระมารดาของพระสวามีเจ้า และองค์พระผู้ทรงกอบกู้,  เฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางคริสตชนตะวันออก, เขาเหล่านี้สนับสนุนคารวกิจต่อพระเทวมารดา ผู้ทรงเป็นพรหมจาริณีอยู่เสมอ, ทั้งนี้ด้วยใจเร่าร้อนเฝ้าเตือนสอนและด้วยดวงใจอันศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก : ขอให้บรรดาสัตบุรุษคริสตชนทุกคน จงทุ่มเท เร่งเร้า เฝ้าวิงวอนพระมารดาของพระเป็นเจ้า และทรงเป็นมารดาของมวลมนุษย์  เพื่อว่า  ในสมัยเริ่มแรก  พระแม่เจ้าได้ทรงใช้คำภาวนาวิงวอนช่วยเหลือพระศาสนจักรฉันใด  ก็ขอให้ในบัดนี้ในวิมานสวรรค์  พระแม่เจ้าทรงอยู่เหนือนักบุญและเทวดาทั้งหลาย, ขณะทรงอยู่ในสหพันธ์ของนักบุญทั้งหลายนี้  ขอพระแม่เจ้าทรงช่วยเสนอวิงวอนต่อพระบุตรของพระนาง จนกระทั่งครอบครัวทั้งสิ้นของประชากรต่าง ๆ ทั้งผู้ที่ทรงเกียรตินามว่าเป็นคริสตชน, ทั้งพวกที่ยังไม่รู้จักพระเป็นเจ้าผู้กอบกู้ของตน, ขอให้ตกที่สุด  ทุก ๆ คนได้มีบุญรวมตัวกันอย่างสันติ และอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เข้ามาเป็นประชากรหนึ่งเดียวของพระเป็นเจ้า เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระตรีเอกภาพ, พระผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง  และผู้ทรงแบ่งแยกมิได้ด้วยเทอญ.

ข้อความทั้งหมดทุกบททุกตอน  ที่ได้ตีพิมพ์ในกฤษฎีกาพระธรรมคำสอนนี้ บรรดาพระบิดรแห่งพระสังคายนาสากลได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และเรา,  อาศัยอำนาจอาญาสิทธิ์ของอัครสาวกที่ได้รับสืบทอดจากพระคริสตเจ้ามาถึงเรา,  พร้อมกันกับบรรดาพระบิดรที่เคารพทั้งหลายเหล่านี้,  เดชะพระจิตเจ้าทรงโปรด,  เราเห็นชอบ, เรากำหนด และเราธำรงไว้,  และสิ่งที่ตราไว้ในพระสังคายนา,  เราสั่งให้ประกาศโฆษณา เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระเป็นเจ้า.

กรุงโรม, ที่มหาวิหาร  น.เปโตร
วันที่ 21 พฤศจิกายน  1964
ข้าพเจ้า เปาโล
พระสังฆราชแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก.

(ต่อจาก  พระปรมาภิไธย์ของสมเด็จพระสันตะปาปา  เป็นลายเซ็นของบรรดาพระบิดรทั้งหลาย)

5.พระแม่มารีเครื่องหมายแห่งความหวังอันแน่นอน ทั้งเป็นองค์ทุเลาบรรเทาใจแก่ประชากรของพระเป็นเจ้า  ผู้กำลังหกหันอยู่ในโลก
    
68.  ระหว่างนี้  พระมารดาของพระเยซูเจ้า ทรงได้พระเกียรติมงคล ทั้งทางพระวรกาย  ทั้งทางพระวรวิญญาณในสวรรค์อยู่แล้ว,  พระนางเจ้าทรงเป็นรูปแบบ และเริ่มต้นแห่งพระศาสนจักร ผู้จะบรรลุความสำเร็จจบสิ้นลงในศตวรรษภายภาคหน้า  ฉันใดก็ฉันนั้น  ในบัดนี้  บนแผ่นดินนี้  จนกว่าจะถึงวันของพระสวามีเจ้า (เทียบ 2 ปต. 3,10),  พระนางเจ้าทรงกำลังทอแสงอยู่แล้ว,  ทรงเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์แห่งความหวังอันแน่นอน และทรงเป็นองค์ผู้ทุเลาบรรเทาใจแก่ประชากรของพระเป็นเจ้า, ประชากรที่กำลังจาริกอยู่ในโลกนี้.

69.  สภาสังคายนาสากลนี้  รู้สึกยินดีปิติและชื่นชมหรรษายิ่งนัก  ที่แม้ท่ามกลางบรรดาพี่น้องที่ได้แตกแยกไป  ก็ยังไม่ไร้บุคคล  ผู้แสดงความเคารพนับถือ  ตามที่ถูกที่ควร ต่อพระมารดาของพระสวามีเจ้า และองค์พระผู้ทรงกอบกู้,  เฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางคริสตชนตะวันออก, เขาเหล่านี้สนับสนุนคารวกิจต่อพระเทวมารดา ผู้ทรงเป็นพรหมจาริณีอยู่เสมอ, ทั้งนี้ด้วยใจเร่าร้อนเฝ้าเตือนสอนและด้วยดวงใจอันศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก : ขอให้บรรดาสัตบุรุษคริสตชนทุกคน จงทุ่มเท เร่งเร้า เฝ้าวิงวอนพระมารดาของพระเป็นเจ้า และทรงเป็นมารดาของมวลมนุษย์  เพื่อว่า  ในสมัยเริ่มแรก  พระแม่เจ้าได้ทรงใช้คำภาวนาวิงวอนช่วยเหลือพระศาสนจักรฉันใด  ก็ขอให้ในบัดนี้ในวิมานสวรรค์  พระแม่เจ้าทรงอยู่เหนือนักบุญและเทวดาทั้งหลาย, ขณะทรงอยู่ในสหพันธ์ของนักบุญทั้งหลายนี้  ขอพระแม่เจ้าทรงช่วยเสนอวิงวอนต่อพระบุตรของพระนาง จนกระทั่งครอบครัวทั้งสิ้นของประชากรต่าง ๆ ทั้งผู้ที่ทรงเกียรตินามว่าเป็นคริสตชน, ทั้งพวกที่ยังไม่รู้จักพระเป็นเจ้าผู้กอบกู้ของตน, ขอให้ตกที่สุด  ทุก ๆ คนได้มีบุญรวมตัวกันอย่างสันติ และอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เข้ามาเป็นประชากรหนึ่งเดียวของพระเป็นเจ้า เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระตรีเอกภาพ, พระผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง  และผู้ทรงแบ่งแยกมิได้ด้วยเทอญ.

ข้อความทั้งหมดทุกบททุกตอน  ที่ได้ตีพิมพ์ในกฤษฎีกาพระธรรมคำสอนนี้ บรรดาพระบิดรแห่งพระสังคายนาสากลได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และเรา,  อาศัยอำนาจอาญาสิทธิ์ของอัครสาวกที่ได้รับสืบทอดจากพระคริสตเจ้ามาถึงเรา,  พร้อมกันกับบรรดาพระบิดรที่เคารพทั้งหลายเหล่านี้,  เดชะพระจิตเจ้าทรงโปรด,  เราเห็นชอบ, เรากำหนด และเราธำรงไว้,  และสิ่งที่ตราไว้ในพระสังคายนา,  เราสั่งให้ประกาศโฆษณา เพื่อเป็นเกียรติมงคลแด่พระเป็นเจ้า.

กรุงโรม, ที่มหาวิหาร  น.เปโตร
วันที่ 21 พฤศจิกายน  1964
ข้าพเจ้า เปาโล
พระสังฆราชแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก.

(ต่อจาก  พระปรมาภิไธย์ของสมเด็จพระสันตะปาปา  เป็นลายเซ็นของบรรดาพระบิดรทั้งหลาย)

 

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown