www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

บทอ่านสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วันอาทิตย์ปี C

บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ อสย. 50:4-7ภาวนาของประธาน

ข้าแต่พระผู้ทรงสรรพานุภาพสถิตนิรันดร
พระองค์โปรดให้พระผู้ไถ่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ทรงรับเอาเนื้อหนังบังเกิดเป็นมนุษย์ และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
เพื่อสอนมนุษยชาติให้ถือตามแบบฉบับความถ่อมองค์ของพระองค์ท่าน
ขอทรงพระกรุณาโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีความอดทนตามแบบฉบับที่ทรงวางไว้
จะได้สมที่จะกลับคืนชีพเหมือนกับพระองค์ท่านด้วย

ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรผู้ทรงจำเริญ และครองราชย์เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวกับพระองค์ และพระจิต ตลอดนิรันดร

“ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดหน้าเพื่อหนีความสบประมาท ข้าพเจ้าทราบว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอาย”

พระเจ้าได้ประทานให้ข้าพเจ้ามีลิ้นเหมือนลิ้นของผู้ที่พระองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักตอบแก่ผู้ที่เบื่อหน่าย พระองค์ทรงเตรียมคำพูดไว้ให้ข้าพเจ้า
ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ทัดทานสิ่งใด ไม่หันหลังหนี ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้โบยตีข้าพเจ้า และหันหน้าให้แก่ผู้ที่ดึงเคราข้าพเจ้าออก ข้าพเจ้าไม่ได้ปิดหน้าเพื่อหนีความสบประมาท และการถ่มน้ำลายรด
พระเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอาย
(นี่คือพระวาจาของพระเจ้า)

สร้อย-(เพลง 50) ข้าแต่พระเจ้า, ข้าแต่พระเจ้า, เหตุไฉนจึงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า?

เพลงสดุดี สดด. 22:7-8, 16-17ก, 18-19, 22-23ก
ก)ส่วนข้าฯน้อยถูกเกลียดและเดียดฉันท์ดุจหนอนอันต่ำเตี้ยเดียรัจฉาน
เขาเยาะเย้ยเปรยด่าดั่งสาธารณ์ถึงวงศ์วานหยามว่าให้อาดูร
เขาว่า”เจ้าพึ่งพาพระเป็นเจ้าเหตุใดเล่าพระไม่เอื้อช่วยเกื้อหนุน?”
เขาไม่รู้ลึกซึ้งถึงพระคุณทรงค้ำจุนชีพข้าฯมาแต่เยาว์
ข)อสูรร้ายต่างชิงวิ่งไล่รุกดูประดุจฝูงสุนัขพบภักษา
เขาฉีกทิ้งมือเท้าเอาชีวากัดมังสาแทะกระดูกถูกทารุณ
เหล่าศัตรูพากันจ้องมองดูข้าฯเอาเสื้อผ้าข้าฯแบ่งปันกันว้าวุ่น
เสื้อคลุมทับจับสลากหากมีบุญโชคค้ำจุนเป็นเจ้าของดังต้องการ
ค)ข้าพระองค์จะเล่าให้เขารู้ท่ามกลางหมู่ประชากรทุกถิ่นฐาน
ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลให้ข้าฯผ่านพันภัยดั่งใจจินต์
“จงสรรเสริญพระองค์เถิดผู้รับใช้จงกราบไหว้แซ่ซ้องทุกท้องถิ่น
อิสราเอลจงวันทาเป็นอาจิณให้ทราบสิ้นจากฟ้าถึงบาดาล

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปีฟป. 2:6-11
“พระองค์ท่านทรงถ่อมองค์ กลายเป็นเหมือนมนุษย์เรา พระเป็นเจ้าจึงเทิดทูนพระองค์ท่านขึ้นสูงเด่น”

แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสิทธิที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น เพื่อทรงรับสภาพดุจทาส กลายเป็นมนุษย์ดุจเรา
เมื่อทรงปรากฏพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์แล้ว ก็ยังทรงถ่อมพระองค์กว่านั้นอีก จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน  พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ท่านขึ้นสูงส่ง เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดิน รวมทั้งใต้พื้นพิภพ จะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม“เยซู”นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระเจ้า พระบิดา (นี่คือพระวาจาของพระเจ้า)

บทสร้อยก่อนพระวรสารฟป. 2:8-9
(เพลง 83) ขอสรรเสริญเยินยอพระองค์ ราชาธิราชผู้ทรงเกียรตินิรันดร
พระคริสตเจ้าทรงถ่อมองค์ลงกว่านั้นอีก
จนถึงกับยอมรับความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน
แต่พระเป็นเจ้าทรงเทิดทูนพระองค์ท่านขึ้นสูงเด่น
และประทานพระนามให้พระองค์ท่าน
พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น

 

 

ล. ครั้นถึงเวลา พระเยซูเจ้าทรงเข้านั่งโต๊ะพร้อมกับบรรดาอัครสาวก พระองค์ตรัวกับพวกเขาว่า 
+ "เราปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะกินปัสกาครั้งนี้ด้วยกันกับพวกท่าน ก่อนจะรับทนทรมาน เราขอบอกท่านว่า เราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะสำเร็จ (ตามความหมาย) ในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า" 

ล. แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้นขอบพระคุณ ตรัสว่า 
+ "จงรับไปแบ่งกันดื่มเถิด เราขอบอกท่านว่า  แต่นี้ไป เราจะไม่ดื่ม (เหล้า) จากเถาองุ่นอีก จนกว่าพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้าจะมาถึง" 

ล. พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ขอบพระคุณ บิออก ประทานให้พวกเขา ตรัสว่า 
+ "นี่เป็นกายของเรา ที่ถูกมอบเพื่อพวกท่าน จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด" 

ล. แล้วทรงหยิบถ้วยกระทำเช่นเดียวกัน เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ตรัสว่า 
+ "ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา ซึ่งจะหลั่งเพื่อพวกท่าน นี่แน่ะ มือของผู้ที่จะมอบเราก็อยู่ร่วมโต๊ะอาหารนี้กับเรา บุตรแห่งมนุษย์จะไปตามที่ได้กำหนดไว้ แต่วิบัติแก่ผู้ที่มอบบุตรแห่งมนุษย์" 

ล. พวกสาวกจึงถามกันว่า ใครในพวกเขาจะทำการนั้น 
มีการเถียงกันด้วยว่า ใครในพวกเขาจะเป็นใหญ่กว่ากัน พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า 
+ "กษัตริย์ของคนต่างชาติย่อมแสดงอำนาจเป็นนายเหนือพวกเขา และผู้มีอำนาจได้ชื่อเป็นเจ้าบุญนายคุณ ส่วนพวกท่านอย่าเป็นเช่นนั้น แต่ให้ผู้ที่เป็นใหญ่กว่าเพื่อนทำตนเป็นผู้น้อยที่สุด ผู้ที่เป็นผู้นำก็ให้รับใช้ผู้อื่น ใครเล่าใหญ่กว่ากัน ผู้ที่นั่งโต๊ะหรือผู้รับใช้? มิใช่ผู้ที่นั่งโต๊ะดอกหรือ? ดูแต่เราในท่ามกลางพวกท่านเถิด เราเป็นเหมือนผู้ที่รับใช้จริงๆ”

“พวกท่านได้ยืนหยัดอยู่กับเราในการทดลอง เราจะจัดพระอาณาจักรให้พวกท่าน เหมือนอย่างที่พระบิดาทรงจัดไว้ให้เรา และท่านจะนั่งบนบัลลังก์พิพากษาทั้งสิบสองตระกูลของอิสราเอล”

"ซีโมน ซีโมน ซาตันได้ขอพวกท่านไว้เพื่อจะฝัดดังข้าวสาลี แต่เราได้อ้อนวอนขอเพื่อท่าน มิให้ความเชื่อของท่านขาดไป เพื่อท่านจะได้กินและดื่มร่วมโต๊ะกับเราในพระอาณาจักรของเรา และเมื่อท่านจะได้กลับใจแล้ว ก็จงช่วยพี่น้องให้ยืนหยัดมั่นคงเถิด”

ล. เปโตรทูลตอบว่า 

พ. "พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าพร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ แม้จะถึงคุกแม้จะถึงตาย"

ล. พระเยซูเจ้าตรัสว่า 
+ "เปโตรเอ๋ย เราขอบอกท่านว่า วันนี้ไก่ยังไม่ทันขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง" 

ล. แล้วพระองค์จึงตรัสกับพวกเขาอีกว่า 
+ "เมื่อเราได้ใช้พวกท่านไปโดยไม่มีถุงเงิน ไม่มีย่าม ไม่มีรองเท้านั้น ท่านได้ขาดสิ่งใดบ้าง" 

ล. พวกเขาทูลตอบว่า 

พ. "ไม่ขาดอะไรเลย" 

ล. พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า 
+ "บัดนี้ ผู้ใดมีถุงเงิน ก็จงเอาติดตัวไป และย่ามก็ให้เอาไปเช่นเดียวกัน ใครไม่มีดาบ ก็จงขายเสื้อคลุมซื้อดาบสักเล่มหนึ่ง เราขอบอกท่านว่า สิ่งที่มีเขียนไว้ (ในพระคัมภีร์) ว่า ‘ใครๆจะถือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับคนอธรรม’ จะต้องสำเร็จไปในเราเพราะทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเราก็สำเร็จไป”

ล. พวกเขาทูลว่า 
พ. "พระอาจารย์ นี่แน่ะ ดาบสองเล่ม" 

ล. พระองค์ตรัสว่า 
+ "พอแล้ว" 

ล. แล้วพระองค์เสด็จออกไปยังภูเขามะกอกเทศตามเคย บรรดาสาวกก็ติดตามไปด้วย เมื่อมาถึงที่นั่นแล้ว พระองค์ตรัสว่า 
+ "จงสวดภาวนาเถิด เพื่อจะได้ไม่ตกในการทดลอง" 

ล. ส่วนพระองค์เสด็จห่างออกไปประมาณระยะปาก้อนหิน ทรงคุกเข่าลงภาวนาว่า 
+ "พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอจงนำถ้วยนี้ให้พ้นไปจากข้าพระองค์เถิด กระนั้นก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์เถิด" 

ล. ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมาให้กำลังพระองค์ เมื่ออยู่ในความทุกข์หนัก พระองค์ทรงภาวนาอย่างตั้งใจยิ่งขึ้น พระเสโทเป็นเหมือนหยดเลือดไหลลงสู่พื้นดิน พระองค์ทรงลุกขึ้นจากการภาวนากลับมาหาพวกสาวก ก็พบเขาหลับอยู่ด้วยความเศร้าโศก พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า
+ "นอนหลับทำไม? จงลุกขึ้นภาวนาเถิด จะได้ไม่ตกในการทดลอง" 

ล. ขณะที่กำลังตรัสอยู่นั้น มีคนหมู่หนึ่งเข้ามา และคนที่ชื่อยูดาส คนหนึ่งในสาวกสิบสองคน เดินนำหน้าเข้ามาใกล้พระเยซูเจ้าเพื่อจูบพระองค์ พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า
+ "ยูดาส เจ้ามอบบุตรแห่งมนุษย์ด้วยการจูบเช่นนี้หรือ?" 

ล. ผู้ที่อยู่กับพระองค์เมื่อเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป ก็ทูลว่า

พ. "พระอาจารย์ พวกเราจะเอาดาบฟันได้ไหม?"

ล. แล้วมีคนหนึ่งในพวกสาวกได้เอาดาบฟันบ่าวคนหนึ่งของมหาปุโรหิต ถูกใบหูข้างขวาขาด แต่พระเยซูเจ้าตรัสว่า 
+ "อย่า พอแล้ว" 

ล. แล้วทรงสัมผัสหูของผู้นั้น หูก็หายเป็นปรกติ 
แล้วพระเยซูเจ้าตรัสกับพวกที่มาจับกุมพระองค์ คือพวกมหาปุโรหิต พวกทหารรักษาพระวิหาร และพวกผู้หลักผู้ใหญ่ว่า 
+ "ท่านทั้งหลายเห็นเราเป็นโจรหรือ จึงถือมีดถือไม้ออกมาดังนี้? ทุกๆวัน เมื่อเราอยู่กับพวกท่านในพระวิหาร ท่านก็ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาจับเรา แต่นี่เป็นเวลาของท่าน และเป็นอำนาจแห่งความมืด”

ล. เมื่อได้จับกุมแล้ว พวกเขาได้พาพระองค์เข้าไปในสำนักมหาปุโรหิต
เปโตรติดตามไปห่างๆ มีคนก่อไฟที่กลางลานและนั่งผิงไฟอยู่รอบๆ เปโตรก็เข้าไปนั่งรวมอยู่ด้วย สาวใช้คนหนึ่งเห็นเปโตรนั่งข้างกองไฟ ก็จ้องดูหน้าพูดว่า 

พ. "คนนี้อยู่กับคนนั้นด้วย"

ล. แต่เปโตรปฏิเสธว่า 

พ. "นางเอ๋ย ข้าไม่รู้จักคนนั้นหรอก" 

ล. ต่อมาเล็กน้อย มีอีกคนหนึ่งเห็นเปโตร จึงพูดว่า 

พ. "แกด้วย เป็นคนหนึ่งในพวกนั้น" 

ล. เปโตรก็พูดว่า 

พ. "คุณ ไม่ใช่ผมดอก" 

ล. ต่อมาประมาณชั่วโมงหนึ่ง อีกคนหนึ่งยืนยันอย่างแข็งแรงว่า 

พ. "แน่ทีเดียว คนนี้อยู่กับเขาด้วย เพราะเป็นชาวกาลิลี" 

ล. แต่เปโตรตอบว่า 

พ. "เพื่อนเอ๋ย คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ" 

ล. ทันที ขณะที่เปโตรกำลังพูดยังไม่ทันขาดคำ ไก่ก็ขัน พระเยซูเจ้าทรงเหลียวมองเปโตร ท่านก็ระลึกถึงพระวาจาของพระอาจารย์เจ้าที่ตรัสไว้ว่า ‘วันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง’ แล้วเปโตรจึงออกไปข้างนอก ร้องไห้อย่างขมขื่น
ฝ่ายพวกที่คุมพระองค์ก็สบประมาทเยาะเย้ย โบยตีพระองค์ พวกเขาเอาผ้าคลุมพระองค์ แล้วถามว่า

พ. "ทายซิว่าใครตีเจ้า?" 

ล. แล้วพูดด่าประจานพระองค์อีกมากมาย
ครั้นรุ่งเช้า พวกผู้หลักผู้ใหญ่ของประชาชน พวกมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ได้ประชุมกัน เขาได้นำพระองค์มาต่อหน้าศาลสูงของพวกเขา และพูดว่า

พ. "ถ้าท่านเป็นพระคริสต์ จงบอกเราเถิด" 

ล. พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า
+ "หากเราบอก พวกท่านก็ไม่เชื่อ และถ้าเราจะถาม พวกท่านก็จะไม่ตอบ ตั้งแต่บัดนี้ไป บุตรแห่งมนุษย์จะประทับนั่งเบื้องขวาพระเป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ" 

ล. ทุกคนจึงถามพระองค์ว่า 

พ. "อย่างนั้น ท่านก็เป็นบุตรพระเจ้าใช่ไหม?" 

ล. พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า 
+ "พวกท่านก็พูดแล้วว่าแล้วว่าเราเป็น" 

ล. พวกเขาจึงว่า 

พ. "เรายังจะต้องการหลักฐานพยานอะไรอีกเล่า? เราได้ยินจากปากของเขามันเองแล้ว" 

ล. พวกเหล่านั้นทั้งหมดจึงลุกขึ้น พาพระเยซูเจ้าไปหาปิลาต กล่าวฟ้องว่า

พ. "เราได้พบคนนี้ยุยงชนชาติของเรา ห้ามมิให้เสียภาษีแก่ซีซาร์ และอ้างว่าตนเป็นพระคริสต์กษัตริย์”

ล. ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า 

พ. "ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?" 

ล. พระองค์ตรัสตอบว่า 
+ "ท่านพูดถูกแล้ว" 

ล. ปิลาตจึงพูดกับพวกมหาปุโรหิตและประชาชนว่า 

พ. "เราไม่พบความผิดข้อใดในคนคนนี้"

ล. พวกนั้นยิ่งกล่าวอย่างแข็งขันว่า

พ. “มันก่อกวนประชาชน เที่ยวสั่งสอนทั่วแคว้นยูเดีย โดยเริ่มตั้งแต่กาลิลีจนถึงที่นี่”

ล. เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ปิลาตจึงถามว่า คนนี้เป็นชาวกาลิลีหรือไม่ เมื่อทราบว่าพระองค์อยู่ในอาณัติของเฮโรด จึงส่งตัวพระองค์ไปให้เฮโรด ซึ่งในระหว่างนั้นก็อยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มด้วย
เมื่อเฮโรดเห็นพระเยซูเจ้า ก็มีความยินดีมาก เพราะอยากเห็นพระองค์มานานแล้ว ด้วยได้ยินกล่าวขวัญถึงพระองค์ และหวังจะได้เห็นพระองค์ทำอัศจรรย์บ้างเขาได้ซักถามพระองค์เป็นหลายข้อ แต่พระองค์มิได้ตอบอะไรเลย
พวกมหาปุโรหิตและธรรมาจารย์ก็พากันกล่าวโทษพระองค์อย่างรุนแรง เฮโรดและพวกทหารได้สบประมาทเยาะเย้ยพระองค์แล้ว ก็ให้พระองค์สวมเสื้อสีฉูดฉาดส่งกลับไปหาปิลาต เฮโรดกับปิลาตซึ่งแต่ก่อนเป็นศัตรูกัน ก็ได้กลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น
ปิลาตได้เรียกพวกมหาปุโรหิต พวกผู้ปกครองและประชาชนมาประชุมกันนแล้วกล่าวกับพวกเขาว่า
พ. “พวกท่านได้นำคนๆนี้มาให้เรา กล่าวหาว่าเป็นผู้ยุยงประชาชนให้กบฏ เราได้ไต่สวนเขาต่อหน้าพวกท่านแล้ว และไม่เห็นว่ามีผิดอะไรตามที่ท่านกล่าวหา เฮโรดก็เห็นว่าเขาไม่ผิดเช่นกัน จึงได้ส่งเขากลับมาให้เราอีก เขามิได้ทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย ฉะนั้น เราจะให้เฆี่ยนบ้างแล้วจะปล่อยตัวไป”

ล. ในเทศกาลฉลอง เขาจำเป็นต้องปล่อย (นักโทษ) คนหนึ่ง ประชาชนทั้งหมดจึงร้องขึ้นพร้อมกันว่า

พ. “จงกำจัดคนนี้เสีย แล้วปล่อยบารับบัสให้เรา”

ล. บารับบัสผู้นี้ถูกจำคุก เพราะก่อการจลาจลขึ้นในเมือง และฆ่าคน ปิลาตปรารถนาจะปล่อยพระเยซูเจ้า จึงพูดกับพวกเขาอีก แต่คนเหล่านั้นกลับร้องตะโกนว่า

พ. “เอาไปตรึงกางเขน เอามันไปตรึงกางเขน”

ล. ปิลาตได้พูดกับพวกเขาเป็นครั้งที่สามว่า

พ. “เขาทำผิดอะไร? เราไม่เห็นเขามีความผิดที่มีโทษถึงตายเลย เราจะให้เฆี่ยนเขา แล้วปล่อยตัวไป”

ล. แต่ประชาชนส่งเสียงอึกทึกเร่งเร้าให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขน และเสียงนั้นยิ่งมีพลังขึ้น ปิลาตจึงตัดสินให้เป็นไปตามคำร้องขอ โดยปล่อยบารับบัสที่ถูกจำคุกฐานก่อการจลาจลและฆ่าคน ที่พวกเขาขอ แต่ได้มอบพระเยซูเจ้าให้ตามใจของพวกเขา ขณะที่นำพระองค์ไปนั้น พวกเขาได้เกณฑ์คนหนึ่งชื่อ ซีโมน ชาวไซรีน ซึ่งกำลังกลับมาจากท้องนา ให้แบกไม้กางเขนตามหลังพระเยซูเจ้า ประชาชนหมู่ใหญ่ติดตามไปด้วย รวมทั้งพวกผู้หญิงซึ่งได้ข้อนอกร่ำไห้รำพันถึงพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงหันมาทางพวกเธอ ตรัสว่า
+ "ธิดาเยรูซาเล็มเอ๋ย อย่าร้องไห้สงสารเราเลย แต่จงร้องไห้สงสารตัวเองและลูกๆเถิด เหตุว่า วันนั้นจะมาถึง ที่เขาจะกล่าวว่า ‘เป็นบุญของหญิงหมัน, ครรภ์ที่ไม่มีบุตร และนมที่มิได้เลี้ยงลูก, เวลานั้น เขาจะพูดแก่ภูเขาว่า ‘จงทลายลงมาทับเราเถิด’ และบอกแก่เนินว่า ‘จงพังลงมากลบเราเถิด’ เหตุว่าถ้าเขาทำกับไม้สดอย่างนี้ เมื่อไม้แห้งแล้วจะเกิดอะไรเล่า?”

ล. เขายังพาผู้ร้ายอีกสองคนไปประหารพร้อมกับพระองค์ด้วย เมื่อมาถึงตำบลที่เรียกว่า ‘หัวกะโหลก’ เขาได้ตรึงพระองค์ที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคน คนหนึ่งข้างขวา อีกคนหนึ่งข้างซ้าย พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า
+ “พระบิดาเจ้าข้า โปรดยกโทษแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร”

ล. พวกเขาได้เอาเสื้อผ้าของพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน พวกประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น พวกผู้ปกครองก็เยาะเย้ยพระองค์ว่า

พ. “มันช่วยคนอื่นได้ ก็ให้มันช่วยตัวมันเองซิ ถ้ามันเป็นพระคริสต์ ผู้เลือกสรรของพระเป็นเจ้า”

ล. แม้พวกทหารก็มาล้อเลียนพระองค์ เอาน้ำส้มเข้ามาถวาย กล่าวว่า

พ. “ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตัวเองซิ”

ล. มีข้อความเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า

พ. “ผู้น้ำคือกษัตริย์ของชาวยิว”

ล. ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์ก็ได้สบประมาทพระองค์ว่า

พ. “แกไม่เป็นพระคริสต์ดอกหรือ? จงช่วยตัวแกเองและช่วยเราด้วยซิ”

ล. แต่อีกคนหนึ่งห้ามปรามเขา กล่าวว่า

พ. “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเป็นเจ้าหรือ ที่เจ้ามารับโทษเดียวกัน? สำหรับเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับผลตามกรรมของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดอะไรเลย”

ล. แล้วเขาก็ทูลว่า

พ. “ข้าแต่พระเยซู โปรดคิดถึงข้าพเจ้าด้วยเมื่อพระองค์จะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์”

ล. พระองค์ตรัสกับเขาว่า
+ “เราขอบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในสวรรค์”

ล. ขณะนั้น เป็นเวลาราวเที่ยงวัน ก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดินจนถึงเวลาบ่ายสามโมง ดวงอาทิตย์มืดลง ม่านพระวิหารฉีกตรงกลาง พระเยซูเจ้าจึงร้องเสียงดังว่า
+ “พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าขอมอบจิตใจไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”

ล. เมื่อตรัสดังนี้แล้วก็สิ้นพระชนม์

(คุกเข่าเงียบๆสักครู่หนึ่ง)
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายร้อยก็ถวายเกียรติพระเป็นเจ้า กล่าวว่า

พ. “ท่านผู้นี้เป็นผู้ชอบธรรมแน่แล้ว”
ล. ส่วนประชาชนที่ชุมนุมกันมาดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นแล้วก็ข้อนอกพากันกลับไป ทุกคนที่รู้จักมักคุ้นกับพระองค์ รวมทั้งพวกผู้หญิงที่ติดตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลี พากันยืนอยู่ห่างๆคอยดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
(พระทรมานแบบสั้นจบที่นี่)

มีชายคนหนึ่ง ชื่อโยเซฟ เป็นสมาชิกสภา เป็นคนดีและชอบธรรม มิได้ยอมเห็นด้วยในมติและการกระทำของพวกนั้น เขามาจากเมืองอาริมาเธียของชาวยิว และเป็นผู้คอยพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า ชายคนนี้ไปหาปิลาต ขอพระศพของพระเยซูเจ้า เขาอัญเชิญพระศพลงมาจากกางเขนแล้วเอาผ้าป่านห่อหุ้มไว้ นำไปประดิษฐานในคูหาซึ่งเจาะไว้ในหินที่ยังไม่เคยบรรจุศพใครเลย วันนั้นเป็นวันเตรียม (สมโภช) และเริ่มวันสับบาโตแล้ว พวกผู้หญิงที่มากับพระองค์จากแคว้นกาลิลี ได้ติดตามไปด้วย พวกเธอได้เห็นพระคูหาและเหนด้วยว่าเขาได้วางพระศพไว้อย่างไร เมื่อกลับมาแล้วพวกเธอได้จัดเตรียมเครื่องหอมและน้ำมันหอม แต่ในวันสับบาโต พวกเธอก็หยุดงานตามพระบัญญัติ
(นี่คือพระวาจาของพระเจ้า)

 
 
 
 

บทภาวนาเตรียมเครื่องบูชา
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงอภัยบาปข้าพเจ้าทั้งหลาย
เพราะเห็นแก่พระทรมานของพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์
แม้ว่าความประพฤติของข้าพเจ้าทั้งหลายไม่สมจะได้รับการอภัยบาป
กระนั้นก็ดี ขอสักการบูชาอันแสนประเสริฐ และพระเมตตาของพระองค์
จงบันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้สมจะได้รับด้วยเถิด
ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย

 
 
 
 

- พระเจ้าสถิตกับท่าน0และสถิตกับท่านด้วย
- จงสำรวมใจคิดถึงพระเจ้า0เรากำลังระลึกถึงพระองค์
- ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าพร้อมกันเถิด0 เหมาะสมและชอบยิ่งนัก
เป็นการเหมาะสมถูกต้องแท้จริง
ทั้งเป็นมิ่งมงคลบันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รอด
ที่จะขอบพระคุณพระองค์ตลอดกาล ณ ทุกสถานแห่งหน
ข้าแต่พระบิดาเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สถิตนิรันดร พระเป็นเจ้าทรงสรรพานุภาพ
เดชะพระบามีพระคริสตเจ้า
พระองคท่านมิได้ทรงกระทำผิดแต่ประการใด
แต่ก็ได้ทรงยมรับทนทรมานเพื่อคนอสัตย์อธรรม
ได้ทรงรับโทษอย่างอยุติธรรมเพื่อคนชั่วช้าสามานย์
การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่าน ได้ชำระล้างข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นบาป
การกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ท่าน
ทำให้ข้าพเจ้าทั้งหลายกลับเป็นผู้ชอบธรรม
ดังนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายพากันถวายพระเกียรติสดุดี พร้อมกับเทพนิกร
และบรรดานักบุญเป็นนิจกาล ว่าดังนี้
เพลงรับศีล มธ. 26:42
พระบิดาเจ้าข้า หากว่าถ้วยนี้ไม่สามารถผ่านไป
นอกจากข้าพเจ้าจำเป็นต้องดื่มแล้ว
ก็ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์เถิด

 
 
 
 

ข้าแต่พระเจ้า
ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์อิ่มหนำแล้ว
พระองค์โปรดให้พระบุตรสิ้นพระชนม์
เพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายมีหวังจะได้รับสิ่งที่เชื่อมั่นอยู่เสมอ
ขอการกลับคืนชีพของพระองค์ท่าน
บันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายบรรลุถึงจุดหมายปลายทางด้วยเถิด
ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย

อวยพรอย่างสง่า
จงก้มศรีษะวอนขอพระพรจากพระเป็นเจ้า
(พระสงฆ์ปกมือเหนือสัตบุรุษ พลางกล่าวว่า)
- พระบิดาเจ้าผู้ทรงพระเมตตาล้นเหลือ
 ได้ประทานแบบฉบับความรักอันไม่เห็นแก่ตัว
 ที่ได้ทรงส่งพระบุตรมารับความทุกข์ทรมาน ขอพระองค์ปรดให้ท่าน
 ได้รับพระพรอันประเสริฐด้วยการรับใช้พระองค์ และเพื่อนมนุษย์เทอญ  0 อาแมน
- ขอให้ท่านได้บำเหน็จชีวิตนิรันดร จากความเชื่อว่าพระคริสตเจ้า
 ได้สิ้นพระชนม์ เพื่อทำลายความตายตลอดไปเทอญ  0 อาแมน
- พระคริสตเจ้าทรงถ่อมองค์เพื่อเราทุกคน ขอให้ท่านประพฤติตามแบบฉบับของพระองค์
 จะได้มีส่วนในการกลับคืนชีพของพระองค์ด้วยเทอญ  0 อาแมน
- ขอพระผู้ทรงสรรพานุภาพ
 พระบิดา + และพระบุตร และพระจิต ประทานพระพรแก่ท่าน   0 อาแมน
………………………………………………………