www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

พิธีกรรม และ การเดินรูป 14 ภาค

การจับกุมองค์พระเยซูเจ้าในสวนมะกอกเทศ

เราเริ่มต้นการเดินทางจากสวนเกทเสมนี ซึ่งตึ้งอยู่ทางทิศเหนือของภูเขามะกอกเทศในหุบเขาเบื้องหน้าเราจะเห็นบริเวณพระวิหารทอแสงระยิบระยับในยามเย็น เราจะเห็นรูปโดมสีทองซึ่งเป็นโดมแห่งศีลศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบด้วยพื้นที่อันกว้างขวาง

ทัศนียภาพที่เรามองเห็นนี้ไม่แตกต่างจากทัศนียภาพซึ่งองค์พระเยซูเจ้าทรงทอดพระเนตรเท่าใดนัก พื้นที่เบื้องล่างอยู่ห่างไกลออกไปประมาณพันกว่าฟุต แต่เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างปรากฎชัดเจนในยามกลางคือประกอบด้วยแสงสว่างมากมายในเขตพระวิหารจึงรู้สึกเหมือนกับว่า เราสามารถจะแตะยอดโดมนั้นได้ทีเดียว ภูเขามะกอกเทศอยู่สูงกว่าพระวิหาร ดังนั้นพื้นที่เบื้องล่างทั้งหมดจึงปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน

ในคืนนี้ขณะที่องค์พระเยซูเจ้าทรงเฝ้ารอคอยในสวนมะกอกเทศในระหว่างเทศกาลปาสกา ดวงจันทร์ก็ทอแสงเต็มดวงเป็นประกาย ใบสีเงินของต้นมะกอกเทศก็ไหวระยิบระยับท่ามกลางแสงจันทร์ ความสงบราบคาบความเยือกเย็นของบรรยากาศช่างเหมาะสมสำหรับการรำพึง และการสวดภาวนายิ่งนัก

ขอให้เราใช้มโนภาพมองเข้าไปในขตพระวิหาร เราจะเห็นว่ามีเหตุการณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น เราจะเห็นดวงไฟค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันบริเวณรอบพระวิหารก็มีกองไฟสุมอยู่ และมีประชาชนล้อมรอบกองไฟนี้อยู่

ดวงไฟเหล่านี้ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นหนาแน่นบริเวณหน้าพระวิหาร เราคงจะจะได้ว่าผู้นิพนธ์พระวรสารได้กล่าวถึงสิ่งแรกที่สามารถสังเกตเห็นก็คือ ผู้คนถือคบเพลิงเป็นจำนวนมาก และเรากำลังรำลุกถึงเหตุการณ์นั้นในมโนภาพของเรา

โคมไฟต่าง ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากัน และเคลื่อนย้ายออกทางประตูสีทองตรงข้ามกับภูเขาเบื้องหน้าของเรา และแสงไฟก็ค่อยก่อตัวเป็นแถวเรียงเดี่ยวมาตามหุบเขาตรงขึ้นมายังภูเขามะกอกเทศ

พวกเขากำลังมุ่งตรงมาที่นี่ เมื่อฝูงชนเข้ามาใกล้เราก็ได้สังเกตเห็นหลายสิ่งหลายอย่างเราได้เห็นทหารบรรดาบุโรหิต และผู้สอดรู้สอดเห็นต่าง ๆ และเราก็มองเห็นยูดาส อัครสาวกผู้ทรยศ ยูดาสกำลังทำอะไรในฝูงชนนั้นหรือ

ขบวนฝูงชนก้าวเข้ามาสู่สวนมะกอกเทศ ยูดาสนำเขาเหล่านั้นตรงเข้ามาหาพระเยซูเจ้า เขาทักทายพระองค์ และจูบพระองค์ มีเสียงพูดจาดังขึ้นเล็กน้อย และเราได้เห็นบรรดาทหารล้อมจับองค์พระเยซูเจ้า พวกเขาพาพระองค์กลับไปยังพระวิหารในท่ามกลางฝูงชนที่ถือคบไฟอยู่นั้น

ในคืนนั้นถ้าเรายังคงอยู่ในสวนมะกอกเทศเราก็คงจะหลบหนีท่ามกลางความมืดเหมือนบุคคลอื่น ๆ แต่ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยไปหลายศตวรรษ และเรากำลังเดินทางในความเชื่อ ดังนั้น ขอให้เราติดตามพระองค์

“ทุกคนที่เกลียดข้าพระองค์ เขาซุบซิบกันเรื่องข้าพระองค์”  เขาปองร้ายต่อข้าพระองค์ เขาทั้งหลายกล่าวว่า “มีสิ่งร้ายเข้าไปอยู่ในตัวเขาแล้วเขาจะไม่ลุกไปจากที่ที่เขานอนนั้นอีก”

แม้ว่าเพื่อนในอกของข้าพระองค์ ผู้ซึ่งข้าพระองค์ไว้วางใจ ผู้รับประทานอาหารของข้าพระองค์ข้าพระองค์ก็ยกส้นเท้าใส่ข้าพระองค์”  (มธ 26: 48-50) 

“ผู้ที่จะอายัดข้าพระองค์ได้ให้อาณัติสัญญาณแก่เขาว่า” เราจะจูบคำนับผู้ใดก็เป็นผู้นั้นแหล่ะจงจับกุมเขาไว้ ขณะนั้นยูดาสตรงมาหาพระเยซูเจ้าทูลว่า “สวัสดีพระอาจารย์” แล้วจูบคำนับพระองค์ พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับเขาว่า “สหายเอ๋ยมาที่นี่ทำไม” คนเหล่านั้นก็เข้ามาจับพระเยซู และควบคุมตัวไป” (มธ 26:48-50)

บทเรียนสำคัญที่เราควรจะเรียนรู้จากการจับกุมองค์พระเยซูเจ้าคือการสวดภาวนา เราทราบดีว่าในคืนนั้นองค์พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อให้รอดพ้นจากการสิ้นพระชนม์ เราอาจจะคิดว่าคำอธิฐานภาวนาของพระองค์ถูกมองข้ามไปและก็เป็นการง่ายที่เราจะติดตามพระองค์สู่การตัดสินประหารชีวิตของพระองค์ ในภายหลังเราจะพบว่าคำอธิษฐานภาวนาของพระองค์ได้รับการสนองตอบ

ความคิดของเราเกี่ยวกับการภาวนายังเป็นความเข้าใจผิดอยู่มากทีเดียว เรามักจะคิดว่าเมื่อเราไม่ได้รับในสิ่งที่เราวอนขอก็หมายความว่าพระเป็นเจ้าไม่ได้ยินคำภาวนาของเรา แต่ความจริงแล้วพระเป็นเจ้าทรงสนองตอบต่อคำภาวนาของพระองค์เสมอ และพระองค์ทรงประทานให้แก่เรามากยิ่งกว่าที่เราวอนขอจากพระองค์เสียอีก

เราไม่ทราบว่าคำภาวนาของเราได้รับการสนองตอบเนื่องจากว่าคำตอบที่เราได้รับนั้นยิ่งใหญ่กว่าคำวอนขอของเราจนกระทั่งเราไม่สามารถที่จะเห็นความสัมพันธ์ได้

องค์พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานวอนขอให้รอดจากความตาย และพระบิดาเล่า ได้ทรงช่วยเหลือพระองค์มากยิ่งกว่าที่คาดคิดเสียอีกนั่นก็คือพระองค์ทรงประทานการกลับคืนพระชนม์ชีพ สำหรับเราแล้วการหลุดรอดพ้นก็เป็นสิ่งที่เพียงพอสำหรับเราแต่พระบิดาเจ้าทรงประทานชัยชนะเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง

เหตุการณ์สำคัญกำลังบังเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มเดินทางออกจากสวนมะกอกเทศ ติดตามองค์พระเยซูคริสตเจ้าไปยังจวนผู้ว่าราชการ คำทำนายที่สำคัญเกี่ยวกับพระแมสซีอัสได้กล่าวไว้ว่า พระองค์จะเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มด้วยชัยชนะ พระองค์จะเสด็จโดยผ่านทางประตูสีทอง ประกาศกเสคารียาได้ประกาศว่า องค์พระแมสซีอัสจะประทับบนเขามะกอกเทศ (บท 14:4) และประกาศกมาระคีได้ประกาศว่า พระองค์จะเสด็จสู่พระวิหารโดยกะทันหัน (บท 3:1) เส้นทางจากภูเขามะกอกเทศสู่พระวิหารมีอยู่เส้นทางเดียวเท่านั้น คือเส้นทางที่ผ่านทางประตูสีทองพวกทหารโรมันไม่รู้ถึงคำทำนายนี้ และพวกบุโรหิตก็อาจจะไม่คำนึงถึงคำทำนายนี้เช่นกัน แต่เราทราบดี และองค์พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่าคำทำนายได้กลายเป็นความจริง แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าความเข้าใจของพระบิดาเจ้า และความเข้าใจของเราเกี่ยวกับชัยชนะนั้นแตกต่างกัน

ข้าแต่พระบิดเจ้าโปรดประทานให้ลูกวางใจในพระองค์
ขอให้คำภาวนาของลูกเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นและความชื่นชมยินดี
ขอทรงโปรดช่วยให้ลูกภาวนาด้วยความหวังอันเกิดจากความรักของพระองค์
พระองค์ทรงทราบถึงความต้องการของลูก พระองค์ทรงปกปักรักษาลูก และทรงสดับฟังคำภาวนาของลูกเสมอ ขอให้ลูกยินดีรับฟังพระวาจาของพระองค์ และของผู้อื่นด้วยเถิด อาแมน