วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม 2024 สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
- รายละเอียด
- หมวด: มีนาคม 2024
- เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
- ฮิต: 449
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 32:7-14
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงรีบลงไปข้างล่างเถิด เพราะประชากรของท่านซึ่งท่านได้นำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ได้ทำผิดอย่างสาหัส เขาเปลี่ยนวิถีทางอย่างรวดเร็วออกจากทางที่เราได้สั่งให้เขาเดิน เขาหล่อรูปลูกโคขึ้น แล้วกราบนมัสการ ทั้งยังถวายบูชาแก่รูปนั้น พร้อมกับกล่าวว่า ชาวอิสราเอลทั้งหลาย นี่แหละเป็นพระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อไปว่า “เรารู้จักคนเหล่านี้ดี เขาดื้อดึงเหลือเกิน อย่าห้ามเราเลย ความโกรธของเราจะเผาผลาญเขาทั้งหลาย และเราจะทำลายเขา เราจะทำให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่”
โมเสสอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของตนว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ทรงปล่อยให้พระพิโรธเผาผลาญประชากรของพระองค์ ที่พระองค์ได้ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์ ทำไมจะให้ชาวอียิปต์เยาะเย้ยได้ว่า ‘พระองค์ทรงนำเขาออกมาด้วยความประสงค์ร้าย จะฆ่าเสียที่ภูเขา จะทำลายให้หมดสิ้นจากแผ่นดิน’ ขอทรงระงับพระพิโรธเถิด
ขอทรงเปลี่ยนพระทัยอย่าทำร้ายประชากรของพระองค์เลย ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และยาโคบผู้รับใช้พระองค์เถิด พระองค์ทรงสัญญากับเขาโดยทรงสาบานอาศัยพระนามพระองค์ว่า เราจะให้ลูกหลานของท่านมีจำนวนมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า เราจะให้แผ่นดินที่เราสัญญาไว้นี้ทั้งหมดแก่ลูกหลานของท่าน และเขาจะครอบครองเป็นมรดกตลอดไป” องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัยไม่ทรงลงโทษประชากรของพระองค์
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น ยน 5:31-47
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับชาวยิวว่า
“ถ้าเราเป็นพยานยืนยันให้ตนเอง คำยืนยันของเราก็ใช้ไม่ได้ แต่ยังมีอีกผู้หนึ่งที่เป็นพยานยืนยันให้เรา และเรารู้ว่าคำยืนยันของเขาถึงเรานั้นเป็นความจริง ท่านทั้งหลายได้ส่งคนไปถามยอห์น และยอห์นก็ได้เป็นพยานยืนยันถึงความจริง เราไม่ต้องการคำยืนยันจากมนุษย์ แต่เรากล่าวเช่นนั้นเพื่อท่านทั้งหลายจะได้รอดพ้น ยอห์นเป็นเหมือนตะเกียงสว่างไสวที่จุดอยู่
ท่านทั้งหลายก็พอใจที่จะชื่นชมกับแสงสว่างของเขาอยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น แต่เรามีคำยืนยันที่ยิ่งใหญ่กว่าคำยืนยันของยอห์น คืองานที่พระบิดาทรงมอบหมายให้เราทำจนสำเร็จ งานที่เรากำลังทำอยู่นี้เป็นพยานถึงเราว่า พระบิดาทรงส่งเรามา พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา ยังทรงเป็นพยานถึงเราอีกด้วย ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ ทั้งไม่เคยเห็นพระพักตร์พระองค์ และพระวาจาของพระองค์ไม่เคยอยู่ในท่าน เพราะท่านไม่มีความเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา
ท่านทั้งหลายค้นคว้าพระคัมภีร์ เพราะคิดว่าท่านจะพบชีวิตนิรันดรได้ในพระคัมภีร์นั้น พระคัมภีร์นี้เองเป็นพยานถึงเรา แต่ท่านก็ไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะมีชีวิต เราไม่ต้องการเกียรติจากมนุษย์ แต่เรารู้จักท่านทั้งหลาย เรารู้ดีว่าท่านไม่รักพระเจ้าเลย เรามาในพระนามของพระบิดา แต่ท่านทั้งหลายมิได้ต้อนรับเรา ถ้าผู้อื่นมาในนามของตน ท่านทั้งหลายก็ต้อนรับเขา แล้วท่านจะมีความเชื่อได้อย่างไร
เมื่อท่านแสวงหาเกียรติจากกันและกัน แต่ไม่แสวงหาเกียรติที่มาจากพระเจ้าพระองค์เดียว ท่านทั้งหลายอย่าคิดว่า เราจะกล่าวหาท่านเฉพาะพระพักตร์พระบิดา ผู้ที่กล่าวหาท่านมีอยู่แล้ว คือโมเสส ซึ่งท่านไว้วางใจ ถ้าท่านเชื่อโมเสสจริงๆ ท่านก็คงจะเชื่อเราด้วย เพราะโมเสสได้เขียนถึงเรา แต่ถ้าท่านไม่เชื่อข้อเขียนของโมเสส ท่านจะเชื่อวาจาของเราได้อย่างไร”
ข้อคิด
ในธรรมชาติแห่งความเป็นพระเจ้า พระเจ้าทรงฤทธิ์ ทรงพลานุภาพ อย่างที่เห็นได้เป็นรูปธรรมในสิ่งสร้าง ทั้งที่มนุษย์เข้าถึง ทั้งที่มนุษย์ยังเข้าไม่ถึง ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ชี้บอกพระฤทธานุภาพ แต่ประกาศฤทธิ์อำนาจแห่งความรักของพระองค์ เป็นอานุภาพแห่งความรักของพระองค์ที่บันดาลทุกสิ่งทุกอย่างด้วยรักและเพื่อรักมนุษย์ พระองค์จึงไม่ใช่พระอิฐพระปูน แต่ทรงเปี่ยมด้วยความรักและความรู้สึก รู้สึกผิดหวัง รู้สึกน้อยใจ รู้สึกเสียใจ กระนั้นก็ดี
ความความรักของพระองค์ยังคงยืนหยัด รักมนุษย์อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และแสดงออกในความรู้สึกสงสาร พร้อมให้อภัย พร้อมให้โอกาส และนี่คือท่าทีที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาสานต่ออย่างเป็นรูปธรรม แม้หลายคนไม่เปิดใจต้อนรับพระองค์ พระองค์ก็ยังทรงรักและทำทุกอย่างด้วยรักแบบที่พระบิดาเจ้าทรงทำ ถึงขนาดทรงยอมตายแทนมนุษย์ได้