มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2024 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต

 

บทอ่านจากหนังสืออพยพ     อพย 20:1-3,7-8,12-17

     พระเจ้าตรัสทุกถ้อยคำต่อไปนี้ว่า “เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน เป็นผู้นำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ ให้พ้นจากการเป็นทาส ท่านต้องไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา ท่านต้องไม่กล่าวพระนามองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านอย่างไม่เหมาะสม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงละเว้นโทษผู้ที่กล่าวพระนามพระองค์อย่างไม่เหมาะสม

จงระลึกถึงวันสับบาโตเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
จงนับถือบิดามารดา เพื่อท่านจะได้มีอายุยืนอยู่ในแผ่นดินที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านประทานให้
อย่าฆ่าคน
อย่าล่วงประเวณี
อย่าลักขโมย
อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน
อย่าโลภมักได้บ้านเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภมักได้ภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือบ่าวไพร่ชายหญิง โค ลา หรือทรัพย์สินใดที่เป็นของเพื่อนบ้าน”

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่หนึ่ง     1 คร 1:22-25

     พี่น้อง ขณะที่ชาวยิวเรียกร้องขอดูอัศจรรย์ และชาวกรีกแสวงหาปรีชาญาณ เรากลับประกาศเรื่องพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน อันเป็นข้อขัดข้องมิให้ชาวยิวรับไว้ได้และเป็นเรื่องโง่เขลา สำหรับชาวกรีก แต่สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งพระอานุภาพและพระปรีชาญาณของพระเจ้า เพราะความโง่เขลาของพระเจ้ายังฉลาดยิ่งกว่าปรีชาญาณของมนุษย์ และความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังเข้มแข็งยิ่งกว่าพละกำลังของมนุษย์

บทอ่านจากพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น     ยน 2:13-25

     เทศกาลปัสกาของชาวยิวใกล้จะมาถึง พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ในบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงพบพ่อค้าขายโค พ่อค้าขายแกะ พ่อค้าขายนกพิราบ และคนแลกเงินนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระองค์ทรงใช้เชือกเป็นแส้ ทรงขับไล่ทุกคนรวมทั้งแกะและโคออกจากพระวิหาร ทรงปัดเงินกระจายเกลื่อนกลาด และทรงคว่ำโต๊ะของผู้แลกเงิน แล้วตรัสกับคนขายนกพิราบว่า “จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด”

     บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ถึงคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า” ชาวยิวจึงเข้ามาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านมีเครื่องหมายอะไรแสดงให้เรารู้ว่าท่านมีอำนาจทำดังนี้” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” ชาวยิวพูดว่า “พระวิหารหลังนี้ต้องใช้เวลาสร้างถึงสี่สิบหกปี แล้วท่านจะสร้างขึ้นใหม่ในสามวันหรือ”

     แต่พระองค์กำลังตรัสถึงพระวิหารซึ่งหมายถึงพระกายของพระองค์ ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว บรรดาศิษย์จึงระลึกได้ว่าพระองค์ตรัสไว้ดังนี้ เขาจึงเชื่อทั้งพระคัมภีร์และพระวาจาที่พระองค์ตรัสไว้ ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็มในเทศกาลปัสกา คนจำนวนมากเชื่อในพระนามพระองค์เพราะได้เห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ต่างๆ ที่ทรงกระทำ แต่พระเยซูเจ้าไม่วางพระทัยในคนเหล่านั้น ทรงรู้จักทุกคน พระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้ใดเป็นพยานในเรื่องมนุษย์ เพราะทรงทราบดีว่ามีสิ่งใดอยู่ในใจมนุษย์

ข้อคิด
     ศาสนาเป็นความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าและศาสนิกชน โดยที่พระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์ความรักทรงเป็นฝ่ายเริ่มความสัมพันธ์กับมนุษย์ เริ่มตั้งแต่ที่ทรงเรียกแต่ละคนเข้าสู่ชีวิต ชีวิตแห่งการเป็นฉายาพระเจ้า ชีวิตแห่งการเป็นบุตรพระเจ้า แล้วนั้นทรงติดตามแต่ละชีวิตด้วยความรักและพระเมตตาเพื่อให้แต่ละชีวิตมีความสมบูรณ์ในทุกด้าน เพื่อการนี้ พระองค์ประทานแนวทางการดำเนินชีวิตให้อย่างชัดเจนผ่านทางพระบัญญัติที่ชี้นำความสัมพันธ์กับพระองค์และความสัมพันธ์เพื่อนพี่น้อง โดยมีความรักเป็นแรงบันดาลใจและแรงขับเคลื่อน การถือตามพระบัญญัติทำให้ชีวิตแต่ละคนเป็นชีวิตศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรักและเพื่อความรัก แต่ละชีวิตจึงเป็นวิหารทรงชีวิตของพระเจ้าผู้ทรงเป็นความองค์ความรัก เมื่อใดที่หมดความรักและเน้นผลประโยชน์แห่งตนเป็นหลัก วิหารก็กลายเป็นตลาดเมื่อนั้น

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown