นักบุญ สเตฟาโนแห่งประเทศฮังการี (969-1038)

     การเผยแพร่พระวรสารในประเทศฮังการีได้เริ่มมีตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 โดยเฉพาะศาสน จักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ลได้ส่งธรรมทูตไปประกาศพระวรสารที่นั่น ทว่าต่อมาในศตวรรษที่ 11 ได้เกิดมีการประนีประนอมกันขึ้นถึงขั้นปล่อยปละละเลยเพราะว่าพระศาสนจักรตะวันออ กได้สูญเสียตำแหน่ง และการเคารพนับหน้าถือตาในพระศาสนจักรทั่วๆ ไป บังเอิญโชคดีที่ดยุ๊คสเตฟาโนได้แลเห็นภัยอันนี้ จึงได้ตัดสินใจรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณี และการปฏิบัติต่า งๆของทางตะวันตกโดยได้หันไปหาพระศาสนจักรที่กรุงโรมและขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้

     พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎเป็นกษัตริย์ในคืนวันพระคริสตสมภพปี 1000 และได้รับม งกุฎนั้นจากพระสันตะปาปาซิลแวสเตอร์ที่ 2พระองค์ได้รับความช่วยเหลือในด้านการแพร่ธรรม เยราร์โดซา เกรโด ชาวเวนิสซึ่งได้ ช่วยเหลืออบรมเจ้าชายเอเมริโกให้พระองค์ด้วย ซึ่งต่อมาได้เป็นพระสังฆราชและมรณสักขี

     นักบุญ สเตฟาโน ได้ถวายอาณาจักรของพระองค์แด่พระนางมารีย์ พระองค์ได้ให้ความ ยุติธรรมแก่พวกคนจนและได้ทำการสอนคำสอนแก่พวกเขาเป็นการส่วนพระองค์ด้วย ทั้งได้สนับสนุนการจัดตั้งองค์กรต่างๆ และการจัดระเบียบในสังฆมณฑลต่างๆ ตามประเพณีของพระศ าสนจักรที่กรุงโรมโดยมีพวกฤาษีเบเนดิกตินที่คลูนีคอยช่วยเหลือและอารามฤาษีนักบุญ มาร์ติน แห่งปันนอนฮัลมา ได้กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ธรรมใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

     นักบุญ สเตฟาโน ได้รับการประกาศแต่งตั้งให้เป็นนักบุญ เมือปี 1083 จากพระสันตะ ปาปาเกรกอรี่ที่ 7 พร้อมกับเจ้าชายนักบุญเอเมริโก ซึ่งจบชีวิตลงตั้งแต่ยังเยาว์และเป็นตัวอย่างของความไร้เดียงสา

     นักบุญ สเตฟาโน และนักบุญเอเมริโกต่างก็ เป็นฆราวาสธรรมดาแต่ว่าได้เป็นแบบอย่ างสำหรับเราทุกคนในการทำงานช่วยพระศาสนจักรโดยแสดงให้เราเห็นว่าท่านทั้งสองก็มีส่วนในการแพร่ธรรมพร้อมกับสมาชิกคนอื่นๆ ของพระศาสนจักรเหมือนกัน

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ

1. ให้เราดูซิว่าเราควรจะต้องมีส่วนในการขยับขยายพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่างไร
2. ในบูชามิสซาให้เราได้แลเห็นถึงความจำเป็นของพระศาสนจักรในทุกวันนี้
3. ข้าแต่พระสวามีเจ้า ของพระองค์ได้ทรงโปรดส่องสว่างและนำบรรดาผู้ปกครองประเทศทั้ง หลายให้ทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์

นักบุญร็อก

     ความศรัทธาที่ยุโรปที่มีต่อนักบุญร็อก เริ่มในศตวรรษที่ 15 ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์แห่งการป้องกันโรคระบาด เป็นความศรัทธาของพระชาชนต่อนักบุญองค์นี้ เราไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า ท่านมีชีวิตอยู่เมื่อใดและชีวิตของท่านมีลักษณะอย่างไร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ที่บ้านเกิดของท่านที่เมืองมอนต์ แปลลิเออร์ ในประเทศฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 14 ตามการเล่าของผู้เขียนประวัติของท่านคนแรก เขียนหลังจากปี ค.ศ. 14 ตามการเล่าของผู้เขียนตั้งแต่อายุยังน้อย ท่านแจกทรัพย์สมบัติของท่าน ทั้งหมดแก่คนยากจน แล้วจาริกแสวงบุญไปยังกรุงโรม ที่อควาเพนเดนเต ท่านได้เห็นคนเป็นโรคระบาด ความรอบคอบแบบมนุษย์ ทำให้ท่านอุทิศตนดูแลผู้ที่เป็นโรคระบาดเหล่านี้ในโรงพยาบาลโรคติดต่อ ที่แห่งนี้ท่านได้รักษาอย่างอัศจรรย์หลายคน

     หลังจากนั้นท่านเดินทางต่อไปยังกรุงโรม ช่วยเหลือคนตามความต้องการของเขาแต่ละคนตลอดทาง ทุกครั้งที่ท่านได้ยินว่าที่ใดมีโรคระบาด ท่านก็เข้าไปช่วย ท่านไปที่เมืองเชเซนา และไปที่กรุงโรม ที่โรมท่านได้ทำำกิจเมตตามากกมาย ท่านเดินทางกลับไปทางคาบสมุทรผ่านเมืองริมินีในวาราและเปียเชนซา

     ที่เปียเซนซาท่านติดโรคระบาด เกิดเป็นแผลที่ขาดของท่านทำให้ท่านไม่สามารถช่วยคนอื่นต่อไป เพื่อไม่ต้องสร้างความลำบากให้แก่ผู้ใด ท่านออกจากเมืองเปียเชนซาไปตามแ่ม่น้ำไป ไปอยู่ในที่แห้งแล้งกันดาร เพื่อไปตายที่นั่น รูปปั้นของนักบุญร็อกในเครื่องแต่งกายของผู้จาริกแสวงบุญกับสุนัขตัวหนึ่งซึ่งคาบขนมปังมาให้ท่าน รูปนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เมื่อนักบุญร็อกเป็นโรคระบาดท่านพักอยู่ในกระท่อม และคงต้องตายด้วยความหิว ถ้าสุนัขตัวหนึ่งไม่คาบขนมปังไปให้ท่านทุกวัน และถ้าไม่มีน้ำพุที่ออ กมาจากพื้นดินอย่างอัศจรรย์ จากกระท่อมนี้มีขุนนางชื่อกอตตาร์โด ปัลลัสแลลี ได้ต้อนรับท่านไว้ในบ้านของตน จนกระทั่งท่านหายจากโรค หลังจากออกไปจากเมืองเปียเชนซาแล้ว ร็อกเดินทางไปทางเหนือแถบทะเลสาบใหญ่ ที่เมืองอังเยรา คิดว่าท่านเป็นสายลับ จึงจับท่านขังคุก ท่านอยู่ในคุก 5 ปี จนกระทั่งตาย ท่านถูกทอดทิ้งและถูกลืม แต่มีการเล่าอีกอย่างหนึ่งว่า นักบุญร็อกได้กลับไปตายที่เมืองมองต์แปลลิเออร์ บ้านเกิดของท่าน

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ

1. พระบิดาเจ้าข้า โปรดบรรเทาใจผู้ป่วยและให้เขายกถวายความเจ็บป่วยของเขาแด่พระองค์
2. เพื่อผู้ที่ทำงานด้านเมตตาจิต ให้พวกเขามีใจรักดั่งหัวใจของพระคริสตเจ้า ผู้เป็นนายชุมพาบาล
3. ให้เราหาโอกาสไปเยี่ยมบรรเทาใจผู้ป่วย