มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

2 พฤศจิกายน ระลึกถึงวิญญาณในไฟชำระ

 

 

 

ระลึกถึงวิญญาณในไฟชำระ

 

     การระลึกถึงวิญญาณของผู้ตายในวันนี้ กำเนิดมาจากอารามฤาษีคณะเบเนดิกตินที่คลูนี และพระสันตะปาปาเบเนดิกโตที่ 15 ก่อนสงครามโลกครั้งแรก ได้อนุญาตให้พระสงฆ์สามารถถวายบูชามิสซาได้ 3 มิสซาในวันนี้

     ในพิธีปลงศพและในบูชามิสซาที่ระลึกถึงผู้ตายนี้ พระศาสนจักรทรงทำการฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาด้วยความเชื่อ โดยมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าพวกเขาได้กลายเป็นอวัยวะในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าผู้ได้สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนชีพ โดยอาศัยศีลล้างบาปเราจะสามารถผ่านไปสู่ชีวิตพร้อมกับพระองค์โดยผ่านทางความตายของวิญญาณ และเมื่อเราตายจำเป็นที่วิญญาณของพวกเราจะต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์เสียก่อนขณะที่ร่างกายกำลังคอยให้พระคริสตเจ้าเสด็จกลับมาและกำลังคอยการกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายด้วยความหวังที่ทำให้มีความสุข (Ordo Exsequiarum Praenotanda n, 1)

     ในชีวิตของเรา มนุษย์ไม่เคยรู้สึกพอกับสิ่งที่เราได้รับ เราเจริญชีวิตโดยมุ่งไปสู่อนาคตเสมอ ไปสู่ “วันพรุ่งนี้” ซึ่งเราคอยด้วยความหวังว่าจะมีอะไรที่ดีขึ้น จะพบกับความสุขมากขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เรามีชีวิตอยู่เพราะว่ามีความหวังที่คอยผลักดันเรา แต่ในส่วนลึกแห่งชีวิตของเราที่ทำให้เราลืมความทุกข์ยากลำบาก (ไปชั่วขณะ) หรือในส่วนลึกแห่งความหวังนั้นมักจะมีความคิดอันหนึ่งซ่อนแอบแฝงอยู่และความคิดอันนี้ก็มิใช่อะไรอื่น คือ การคิดถึงความตายนั่นเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ทำให้เราคุ้นเคยกับมันได้ยากมาก ตรงข้ามบ่อยๆครั้งเรากลับพยายามจะขับไล่มันให้ไปไกล ๆ จากความคิดของเราเสียอีก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ความตายเป็นเพื่อนเดินทางที่คอยติดสอยห้อยตามเราไปทุก ๆ ฝีก้าวแห่งชีวิตของเราเช่นในการจากกัน ในความป่วยไข้ ในความเจ็บปวด ในความทุกข์ยากลำบากและในความผิดหวังซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเครื่องเตือนเราก่อนว่า “เราจะต้องตาย”

ความตายคือธรรมล้ำลึก

ความตายยังคงเป็นธรรมล้ำลึกที่ลึกลับสำหรับมนุษย์อยู่นั่นเอง เป็นความลึกลับแม้ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ยังหวั่นเกรง

     การเป็นคริสตชนช่วยให้เปลี่ยนอะไรบางอย่างหรือไม่ ในเมื่อคิดถึงความตายและในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน? คริสตชนควรจะต้องมีทรรศนคติเช่นไร เวลาที่ต้องเผชิญกับคำถามนี้? เป็นคำถามที่ความตายถามเราอยู่ทุกขณะพร้อมกับสัญญลักษณ์ของมัน เป็นคำถามที่ถามเราถึงความหมายสุดท้ายของชีวิตมนุษย์ คือ มนุษย์มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่..? ทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลงพร้อมกับความตายเช่นนั้นหรือ...?

     คำตอบอันนี้เราสามารถพบได้ในส่วนลึกแห่งความเชื่อของเรา สำหรับคริสตชนแล้ว ความตายมิใช่เป็นผลลัพธ์ของโศกนาฎกรรมและสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราคริสตชนจะต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างเย็นชาแบบเสียไม่ได้ แต่ความตายของคริสตชนอยู่ในร่องรอยหรือเป็นการเจริญรอยตามความตายของพระคริสตเจ้า เป็นถ้วยที่ขมขื่นอันเป็นเพราะผลของบาป ถ้วยกาลิกซ์นี้ที่เราทุกคนจะต้องดื่มจนถึงหยดสุดท้าย เพราะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้า พระองค์ที่กำลังอ้าแขนคอยเราอยู่ที่ธรณีประตูสวรรค์ความตายที่เป็นชัยชนะขั้นเด็ดขาด เป็นความตายที่จะไม่ใช่ความตายอีกต่อไปทว่าเป็นชีวิต เป็นเกียรติมงคลในที่สุดเป็นการกลับคืนชีพ

     สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นมาในรูปแบบใดที่แน่ๆนั้นเรายังไม่สามารถรู้ได้ในขณะนี้ บางทีเรายังไม่สามารถจะวัดหรือคำนวณถึงความยิ่งใหญ่ไพศาลของพระคุณและพระสัญญาของพระเจ้าก็เป็นได้

     เราระลึกถึงการจากไปของบรรดาสัตบุรุษ (ญาติมิตรสหาย ผู้เป็นที่รักของเรา ผู้ที่เรารู้จัก ฯลฯ) ด้วยการมาร่วมถวายบูชามิสซาซึ่งเป็นการระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขนและระลึกถึงของการ เสด็จกลับคืนชีพของพระองค์ด้วย ในบทภาวนาก่อนอนุโมทนาคุณ พระศาสนจักรได้สวดภาวนาด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจและให้ความหวังแก่เราว่า “ในพระองค์” ความหวังของการกลับคืนชีพที่เป็นสุขได้ส่องแสงสำหรับเราทุกคน และถ้าหากว่าการที่เราทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอนนั้น ทำให้เราต้องโศกเศร้า พระสัญญาของความไม่รู้ตายในชีวิตหน้าจะช่วยบรรเทาใจเรา “โอ้ข้าแต่พระคริสตเจ้า ชีวิตมิได้ถูกถอดถอนออกไปจากตัวสัตบุรุษของพระองค์ แต่เป็นการเปลี่ยนเป็นชีวิตใหม่ และเมื่อที่พำนักอาศัยของถิ่นที่เนรเทศนี้จะได้ถูกทำพังทลายลงไปแล้ว ที่พำนักอาศัยที่คงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ในเมืองสวรรค์ก็จะได้รับการจัดเตรียมเอาไว้”

 

คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ

1. ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้เราได้รู้จักทนทุกข์ยากลำบากต่างๆ ในชีวิตนี้
เพื่อจะได้เสวยความบรมสุขกับพระองค์ในชีวิตหน้า
2. ให้เราได้ทำพลีกรรมและสวดอุทิศให้วิญญาณในไฟชำระทุกๆวัน

เราจะแลเห็นพระคริสตเจ้าหน้าต่อหน้า

     ความตายของคริสตชนมิใช่เป็นเวลาของการสิ้นสุดชีวิตของเขาบนแผ่นดินนี้ ชีวิตของเขามิได้หยุดอยู่ แต่เพียงแค่นี้ ชีวิตบนแผ่นดินนี้เป็นการเตรียมสำหรับชีวิตสวรรค์สำหรับชีวิตหน้า ชีวิตของเราบนแผ่นดินนี้เป็นการฝึกอบรม เป็นการต่อสู้ เป็นการเลือกว่าเราจะอยู่ฝ่ายใด ฝ่ายสวรรค์หรือ ฝ่ายนรกเวลามนุษย์จะพบตัวเองอยู่ต่อหน้าสิ่งที่เป็นเป้าหมายแห่งความใฝ่ฝันของตน คือเวลานั้น เราจะพบว่าตัวเราอยู่เฉพาะพระพักตร์พระ คริสตเจ้า และพระองค์จะทรงเป็นสิ่งที่เราต้องเลือกเอาไว้ตลอดนิรันดร์

     พระคริสตเจ้าทรงกางพระกรคอยเราอยู่ตั้งแต่นิรันดรภาพแล้วใครก็ตามที่เลือกเป็นศัตรูกับพระคริสตเจ้าจะต้องถูกเผาตลอดทั้งชั่วนิรันดรด้วยความรักอันนั้นเองที่เขาได้ปฏิเสธไม่ยอมรั ส่วนผู้ที่ได้ตัดสินใจอยู่ข้างพระคริสต เจ้า เขาจะพบกับความชื่นชมยินดีที่เต็มเปี่ยมอันไม่มีที่สิ้นสุดในความรักอันนั้นเช่นกัน

โปรดประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดร์แก่เขาเถิดพระเจ้าข้า

เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อผู้ที่ล่วงลับ? พวกเขาเหล่านี้มิได้อยู่ห่างไกลจากเราเลย พวกเขาที่ได้สิ้นใจในอ้อมแขนของพระเจ้ายังเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร

     การสวดภาวนาเพื่อผู้ที่ล่วงลับเป็นธรรมประเพณีอย่างหนึ่งของพระศาสนจักร ที่จริงคนเราแม้ว่าเวลาที่เขาตายนั้น เขาจะอยู่ในสถานะของพระหรรษทานก็ตามที ถึงกระนั้นเขาก็ยังแปดเปื้อนไปด้วยความบกพร่องต่างๆ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์ไป สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นเวลาที่เขาตายไปแล้ว

     การตายนั้นยังหมายถึงการตายจากความชั่วช้าด้วย ศีลล้างบาปที่เราได้รับนั้นก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความตายและการกลับคืนชีพของพระองค์ ความตายนี้จะเป็นการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์ จะเป็นการกลับไปหาองค์พระเจ้า การชำระล้างนี้จะกินเวลานานสักเท่าใด? เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือวิสัยของเรามนุษย์ที่จะบอกได้ ดังนั้นเราจึงไม่อยู่ในขีดขั้นสามารถกำหนดเจาะจงไปได้ว่านานเท่าใด? และอยู่ที่ไหน? อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่ามีระยะเวลาหนึ่งและมีสถานที่แห่งหนึ่งที่วิญญาณเหล่านี้จะต้องชำระล้างตนเองให้สะอาดหมดจนให้บริสุทธิ์เสียก่อนที่จะไปเชยชมพระพักตร์พระเจ้าตลอดนิรันดร์ เราทุกคนสามารถช่วยเหลือเขาได้โดยอาศัยคำภาวนาต้องสวดให้นานแค่ไหน? กี่ปี? กี่เดือน? พวกเราไม่มีใครรู้ แต่ที่สำคัญที่สุดสวดไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด

 

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown