มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

14 กันยายน ฉลองเทิดทูน ไม้กางเขน

 

 

 

ฉลองเทิดทูนไม้กางเขน

 

     วันนี้ พระศาสนจักรตะวันออกฉลองไม้กางเขนอย่างสง่ามโหฬาร ซึ่งเทียบได้กับการฉลองปัสกาเลยทีเดียว ที่กรุงเยรูซาเลมจักรพรรดิคอนสแตนตินได้ทรงสร้างพระวิหาร 2 หลัง หลังหนึ่งบนเนินโกลกอธา และอีกหลังหนึ่งบนที่บรรจุพระศพของพระคริสตเจ้าผู้ได้เสด็จกลับคืนชีพ พระวิหารทั้งสองนี้ได้รับการอภิเษกในวันที่ 13 กันยายน 335 และในวันรุ่งขึ้นได้มีการเรียกประชุมบรรดาสัตบุรษให้คิดถึงความหมายอันลึกซึ้งของพระวิหารทั้งสองนี้ พลางได้นำสิ่งที่ยังคงเหลือไว้จากไม้กางเขนของพระผู้ไถ่ออกแสดงด้วย

     จากธรรมเนียมอันนี้เองที่เราได้เริ่มทำการฉลองการเทิดทูนไม้กางเขน ในวันที่ 14 กันยายน แต่พระศาสนจักรที่กรุงโรมได้เริ่มทำการฉลองนี้ประมาณศตวรรษที่ 7 และในวันฉลองนี้เองซึ่งต่อมาได้ทำการผนวกเข้าไปกับการระลึกถึงชัยชนะของจักรพรรดิเฮราคลีอุส ที่มีต่อพวกชาวเปอร์เชียในปี 630 จากชัยชนะนี้จักรพรรดิได้ทรงชิงเอาพระธาตุของไม้กางเขนกลับคืนมา และได้มีการแห่แหนพระธาตุนี้อย่างสง่ากลับคืนสู่กรุงเยรูซาเลม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพระศาสนจักรได้ทำการฉลองชัยชนะของไม้กางเขนในวันนี้เรื่อยมา เพราะไม้กางเขนเป็นอุปกรณ์และสัญลักษณ์แห่งการช่วยให้รอดของเราทุกคน

     เราจะเห็นว่า ในการถวายบูชามิสซา จะมีกางเขนตั้งอยู่บนพระแท่นหรือได้รับการตั้ง ไว้ใกล้ๆ พระแท่นอันเป็นธรรมเนียมทางพิธีกรรมอย่างหนึ่ง เป็นเครื่องเตือนเราสัตบุรุษให้ระลึกถึงรูปแบบของงูทองเหลืองในพระธรรมเก่าที่โมเสสได้ยกตั้งขึ้นไว้ในถิ่นทุรกันดาร คือพวกฮีบรูเมื่อโดนงูกัด แล้วหันมามองดูงูทองเหลืองนี้ก็จะรอดตาย นักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสาร เวลาที่เล่าถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า ได้มีความคิดถึงรูปแบบของสัญลักษณ์อันมีความหมายลึกซึ้งนี้ ท่านได้เล่าว่า “ พวกเขาจะจ้องดูผู้ที่พวกเขาได้ทิ่มแทง” ( ศคย 12:10 ; ยน 19:37 )
ตลอดกระแสศตวรรษ สัญลักษณ์แห่งไม้กางเขนได้ทำให้ทุกหัวระแหงของแผ่นดินนี้ และการแห่แหนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางสังคมหรือส่วนตัวก็ตามศักดิ์สิทธิ์ไป ทว่ามาในสมัยนี้รู้สึกว่าจะเสี่ยงต่อการถูกโยนทิ้งไปไว้ต่างหากโดยไม่มีใครเอาใจใส่เหลียวดู หรือที่ร้ายกว่านั้น ได้กลายเป็นอุปกรณ์ในการหาเงินของพวกนักออกแบบเครื่องแต่งตัวที่หัวแหลมไปเลย และคงจะไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายนักถ้าหากสัญลักษณ์นี้จะช่วยหันความคิดของเราไปหา “ไม้กางเขน” ที่แท้จริงอยู่เสมอๆ นั่นก็คือ คนจน ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เด็กๆ ที่ผิดปกติ ฯลฯ พวกเขานี่แหละที่สมจะได้รับความรัก ความเอาใจใส่ดูแลและความช่วยเหลือจากพวกเราที่กินดีอยู่ดี ต้องไม่ลืมว่าเราได้รับ การช่วยเหลือให้รอดโดยอาศัยพวก เขาด้วย เพราะว่าคำเตือนของพระเยซูเจ้ายังคงใช้ได้เสมอสำหรับเราทุกๆ คน “เราหิว... เรากระหาย...พวกท่านก็ได้ให้เรากิน...ได้ให้เราดื่ม..” (มธ.25)

 

 

 

 

Catholic.or.th All rights reserved.

Select style: Red Brown